Thursday, February 15, 2007

ร่ำลา

พี่แอน(โธนี) - Marketing Director เบี้ยวกุหลาบเราทั้งๆ ที่เมื่อวานสัญญาว่าจะให้กุหลาบเราเป็นการอำลา ไอ้เราก็นึกข่อนขอดอยู่ในใจว่า แหมให้ดอกกุหลาบหลังวันวาเลนไทน์เนี่ยมันไม่ขี้เหนียวไปหน่อยเรอะ สมกับเป็นหนุ่มอังกฤษจริงๆ แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลยอีกตะหาก เฮ้อ… พี่แอนนะพี่แอน เสียแรงที่เราโหวตให้เป็นผู้ชายที่น่าสนใจที่สุดใน Barama Bay

ส่วนพี่จอห์น - Marina Director ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าให้เรากลับมาภูเก็ตอีกให้ได้ แต่เรานึกสังหรณ์ในใจว่าท่าจะยาก เพราะจริงๆ เราก็ใกล้ถึงจุดวิกฤต(ทางจิต)เข้าไปทุกที ไปเจอเพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ บ้างจะดีกว่า อีกอย่างก็นึกถึงคอนโดฯ ด้วย อุตส่าห์ลงทุนตกแต่งไปหลายแสน ขอใช้บริการหน่อยเถอะ แต่จะว่าไป เราคงคิดถึงจอห์นมากใคร เพราะจอห์นเป็นคนใจดีมากๆ และเข้าใจเนื้องาน รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่ต้องให้เราปวดหัวอธิบาย แถมอยู่เมืองไทยนานซะจนจะกลายเป็นคนไทยไปแล้ว ก็เวลาจอห์นรับโทรศัพท์ลูก จอห์นมักจะพูดว่า "ไฮ ลูก" ตอนได้ยินครั้งแรก เรานึกว่าเราฟังผิดซะอีก เฮ้อ… แถมว่างๆ ยังชอบมาเม้าท์เรื่องครอบครัวชาวบ้าน และยังคอยเจ้ากี้เจ้าการหาแฟนให้ตั้ม เพราะกะให้มันปักหลักปักฐานอยู่ภูเก็ต แต่น่าเสียดายที่จอห์นไม่มีสาวๆ รุ่นตั้มอยู่ในสต๊อก มีแต่ป้าแก่ๆ ซึ่งจอห์นจะย้ำว่า "But, she has a good heart!" แต่จนเรากลับ จอห์นก็ยังหาสาวๆ มาแนะนำให้ตั้มไม่ได้ซะที…

พี่แดง - Property Management Director ก็ร่ำลาเราตามมารยาท แต่เราก็ขำๆ พี่แดงทุกทีที่เราได้ยินพี่แดงแนะนำตัวเองกับคนไทยอย่างภาคภูมิใจว่าชื่อ "แดง" เพราะจริงๆ แล้วพี่แดงเป็นคนอังกฤษชื่อ "Wayne" ซึ่งคงมีคนไป "บอก" แกว่า ชื่อแกตรงกับภาษาไทยว่า "เวร" แล้วเลย "หลอก" แกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยไปเลยดีกว่า เพราะไหนๆ ก็จะลงหลักปักฐานอยู่เมืองไทยแล้ว "พี่เวร" เลยมีชื่อไทยใหม่ว่า "พี่แดง" ซึ่งจะชวนให้คนไทยทั้งหลายที่ได้ยินชื่อนี้นึกไปถึงบรรดาไอ้ด่าง, ไอ้ดำ, ไอ้แดง, ฯลฯ อยู่เนืองๆ บรรดาคนไทยเลยมักจะแอบเม้าท์กันว่า เราจะสามารถบอกได้ว่าเมียพี่แดงอยู่ในอารมณ์ไหนกับพี่แดงได้จากการที่เธอเรียกชื่อพี่แดง เพราะถ้าคุณเธออารมณ์ดีก็คงจะเรียกว่า "คุณแดง" แต่ถ้าอารมณ์เสีย คงเรียกว่า "ไอ้เวร" เป็นแน่! 555…

แต่ ๒ ลุง ที่เราคงจะคิดถึงแต่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา ก็คือ ลุงเอ็ด(เวิร์ด) ซึ่งเป็น MD ของบริษัท กะลุง Seed เพราะวันนั้น ๒ ลุงไม่อยู่ตอนบ่ายที่เราจะกลับพอดี ที่เราชอบลุงเอ็ด เพราะลุงเอ็ดอายุ ๖๐ กว่าแล้ว แต่ยังเนี๊ยบมากๆ เดินไซท์ไม่เคยกางเกงเลอะ ในขณะที่เราเลอะโคลนไปครึ่งหน้าแข้ง ลุงเอ็ดยังหล่อเนี๊ยบประหนึ่งเดินอยู่ในเซ็นทรัล เฟสติเวล ฮ้า… (ชวนให้คิดถึงพี่ทิม แห่ง Wood Bagot จริงๆ ขานั้นทั้งหล่อทั้งเท่ห์ประหนึ่งริชาร์ด เกียร์ แถมเนี๊ยบตลอดเวลา เสียดายว่า ชอบข่มทับเราอยู่เรื่อย เราเลยไม่รักพี่ทิม) และที่ทำให้เราปลื้มลุงเอ็ดเอามากๆ ก็คือว่า จริงๆ ลุงเอ็ดกะทำโครงการนี้แบบชิล ชิล แค่ให้มีที่อยู่สบายๆ หลังเกษียณ แต่ติดขัดตรงที่ลูกชายลุงเอ็ด คือ น้องเอ็ดดี้ จูเนียร์ ซึ่งยังไม่อยู่ในวัยเกษียณ ต้องมีการมีงานทำ ลุงเอ็ดเลยต้องทำโครงการอย่างจริงจัง ลุงตัดที่ดินส่วนนึงมาทำโรงแรม ต้องระดมทุนเป็นที่วุ่นวาย ไม่รวมการแก้ Master Plan อีกยกใหญ่ เฮ้อ… น้องเอ็ดดี้ค่ะ น้องต้องรักคุณพ่อไว้ให้มากๆ นะคะ อย่ามัวแต่ไปจีบสาวรัสเซีย พ่อไม่ปลื้มนะค๊า…

ส่วนลุง Seed ไม่มีตำแหน่งเป็นกิจลักษณะในบริษัท แต่เนื่องด้วยลุง Seed เป็น Partner และซื้อที่ดิน ๒ แปลง ทุกคนในบริษัทเลยเกรงใจลุง Seed มาก เราจะได้คุยกับลุง Seed มากกว่าลุงเอ็ด เพราะลุง Seed ต้องให้เราช่วยทำเรื่องงบค่าก่อสร้าง ลุง Seed จะใจดีมาก ค่อยๆ อธิบายเราอย่างตั้งใจ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่เราก็รู้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องทำเป็นฟังอย่างตั้งใจ เพราะกลัวเสียน้ำใจลุง นี่ถ้าไม่ติดว่าเมียลุงมาด้วย เรากะจีบซะเลย เผื่อคำทำนายของหมอดูจะเป็นจริง หุหุหุ…

ขากลับจากภูเก็ตมากรุงเทพฯ คราวนี้ เราทุ่มทุนสร้าง (จริงๆ เพราะสามารถเบิกกับบริษัทได้ด้วย) นั่งชั้น Business Class กลับ แต่ด้วยความเกรงใจบริษัท เลยเลือกกลับกับนกแอร์ แต่พอขึ้นเครื่องเราก็เซ็งเล็กน้อย เพราะได้นั่งติดกับหญิงชรา (จริงๆ ก็ไม่ชรามากหรอก เธออายุประมาณ ๖๐ ปี เห็นจะได้) ตอนแรกเราก็นึกว่าเธอเป็นคนไทย แต่พอแอร์โฮสเตส อ้อ… ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า นก… ถามเธอเป็นภาษาไทย เธอไม่เข้าใจ เราถึงรู้ว่าเธอเป็นคนต่างชาติ แต่ที่เราประหลาดใจมากก็คือ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว เราก็นึกทึ่งในใจ โห… คนรุ่นแม่เราพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดา เราเลยชวนเธอคุยแก้เซ็งซะเลย เลยได้รู้ว่า เธอชื่อ "โทโมโกะ" เธอมาเยี่ยมลูกชายกรุงเทพฯ (ฮ้า… ชักน่าสนใจ) และนี่พึ่งกลับจากไปเยี่ยมเพื่อนที่ภูเก็ต ประเดี๋ยวคุณลูกชายจะมารับที่สุวรรณภูมิ แต่เราคิดในใจว่า ลูกคุณป้าคง ๒๐ ปลายๆ หรือไม่ก็ ๓๐ ต้นๆ แหม… เสี้ยดายยยยยยจัง… เลยชวนเธอคุยโน่นนี่ไปเรื่อย และก็ทึ่งเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอเที่ยวต่างประเทศบ่อย ล่าสุดเธอไปดู French Open เพราะลูกสาวเพื่อนแข่งเทนนิส และหญิงสาวนักเทนนิสผู้นั้น ก็คือ ลินเซย์ ดาเวนพอร์ท!!! เราฟังแล้วแทบตกเก้าอี้ ไฮโซจริงๆ นะคะคุณป้า และพอคุณป้ารู้ว่าเราอยู่ในแวดวงก่อสร้าง เลยหยิบนามบัตรคุณลูกชายมาให้เราดูเพื่อที่จะถามว่าเรารู้จักบริษัทที่คุณลูกชายทำงานอยู่อะป่าว เรากวาดตาดูแปร๊บเดียวก็รู้แล้ว ก็แหม… คุณ Stephen อยู่ STECON ใครจะไม่รู้จักละค๊า แล้วคุณป้าก็เชียร์คุณลูกชายให้เราใหญ่เลย จนเราทนไม่ได้ ต้องถามอายุคุณ Stephen ตรงๆ คุณป้าก็ตอบเขินๆ ว่า "He's 35. And, I think he's gay!" อ้าว… อะไรกันคะคุณแม่ (แหม… โทษที ลืมตัวไปหน่อย) เอ๊ยคุณป้า ทีแท้เพราะอย่างนี้นี่เองเหรอคะ แต่จะว่าไปถ้าประเมินโดยภาพรวม เราก็คิดว่าคุณ Stephen อยู่ในข่ายต้องสงสัยจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่าอย่างน้อยการที่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มของความหน้าตาดีอยู่มาก หน้าที่การงานก็ดี แต่อายุอายุ ๓๕ แล้วยังโสด และที่สำคัญเลี้ยงหมา แต่ anyway ก็ยังนับว่ามีความน่าสนใจอยู่ เลยให้นึกเสียดายขึ้นมาเล็กๆ ว่า โธ่ รู้งี้ตะกี้ตั้งใจท่อง email ของเฮียก็ดี แล้วทีนี้จะหาทางสานสัมพันธ์ต่อยังงัยดีล่ะ เฮ้อ…

No comments: