Sunday, May 31, 2009

ระหว่างรอล้างรถ




เห่อมากมาย คราวนี้ลูกสาวหน้าแมทแล้ว น่ารักเป็นยิ่งนัก แถมได้ที่คาดผมอันใหม่น่ารักเป็นนักหนา ระหว่างรอล้างรถที่ร้านกาแฟวาวี เราเลยจับ Noriko มาถ่ายรูปเล่น น่ารักมากมายจริงๆ เลย อิอิ...

Wednesday, May 13, 2009

พาลูกสาวไปศัลยกรรม

รีบเอาลูกสาวไปทำศัลยกรรม เพราะหน้าโดนขูดซะเป็นรอย เราสงสัยว่าเพราะโดนด้ามหวีพลาสติก น้องแอ๋ม – เจ้าของร้านบอกว่า น้องรุ่นนี้หน้าบอบบาง ต้องคอยระวัง ทำเอาเราแอบขำ อืม... ตต. หน้าบอบบาง นี่ถ้าปร้าๆ มาได้ยิน โดยเฉพาะ ปร้า นจว. สงสัยคงเอาหัวโขกพื้นตาย ฮ่าๆๆ

Saturday, May 9, 2009

Day 9 - Shopping & Shopping

เช้านั่งกินสตาร์บัคส์ พอกินเสร็จ เราก็ซื้อแก้วสตาร์บัคส์รุ่น Japan Limited Edition เป็นที่ระลึก เพราะเงินเยนมันเหลือ ฮ่าๆๆ พอไปจ่ายเงิน พนักงานถามว่าจะเอาเครื่องดิ่มอะไรฟรี อ้าว แล้วก็ไม่ติดป้ายซะตั้งแต่แรก งานนี้เลยต้องกินน้ำ ๒ แก้ว เสร็จแล้วก็หาซื้อขนมของฝากกัน เราตั้งใจจะซื้อ Chocolate Royce แต่หาไม่ได้ กว่าจะได้เลยเอาต้องวิ่งไปขึ้นเครื่อง แถมยังเป็ยคนสุดท้ายอีกตะหากด้วยมั๊ง น่าอายจัง

เครื่องลงบ่ายๆ เรากะปุ๊กเห็นคิวตรวจโรคหวัด 2009 ยาว เลยช้อปกันไปเรื่อยอย่างเมามัน จนมาถึงที่สายพานกระเป๋า ก็ไปดูเบอร์สายพานที่สกรีนกัน ปรากฎว่ามันไม่มีไฟล์ทของการบินไทยที่เรานั่งมา กำลังงงๆ กันอยู่ ก็มี จนท. มาถามว่า “คุณ 2 คน คือ คนที่มากะคุณยายนั่งรถเข็นใช่ไม๊ครับ” ปุ๊กรีบตอบว่า “ใช่" เรายัง(มีหน้า)หันไปถามอีกว่า “จะใช่เหรอ คุณยายเลยเหรอ” ปรากฎว่า ใช่จริงๆ ด้วย ก้อเรา 2 คน เล่นช้อปกันนานมากกกกก จนกระเป๋าหมดสายพาน มิน่าล่ะ เขาถึงเอาไฟล์ออกจากสกรีน คนไปกันหมดแล้วทั้งสายหาน เหลือแม่นั่งรออยู่คนเดียว จน จนท. เขาสงสารจัดการเอากระเป๋าใส่รถเข็นให้เรียบร้อย ว้า... น่าอายจริงๆ เลย...

Friday, May 8, 2009

Day 8 - Narita

นั่งรถไฟ Local เบื่อแล้วเบื่ออีกมาจนถึงโตเกียว เราฟังช่างคุยจนหมดเกลี้ยงก็พึ่งจะถึงโตเกียว คราวหน้าต้องห้ามประหยัด ต้องนั่งรถไฟแบบรถด่วนแล้วล่ะ ถึงโตเกียวเกือบบ่าย เลยแวะกินอะไรกันก่อน เราซื้อ Tokyo Banana ให้ปุ๊กลองชิม แต่ดูเหมือนจะไม่ผ่าน เพราะผู้ว่าไปซื้อขนมของฝากอย่างอื่นแทน จนเย็นๆ ถึงมาถึงนาริตะ

ตอนเย็นออกมากินบะหมี่ เลยถามเด็กในร้านเพื่อหาร้านช้อปปิ้ง น้องๆ แนะนำให้ไปร้านอิออน เราถึงบางอ้อทันที ก็มันเป็น Shopping Mall ที่ทัวร์ไทยต้องแวะก่อนขึ้นเครื่อง เลยนั่งรถเมลล์ไปกัน ก่อนไปก็ถามน้องเขาซะละเอียด เพราะกลัวจะนั่งเลยป้าย แต่พอเห็นมอลล์ ก็ขำกันใหญ่ จะไปเลยได้งัย เพราะป้ายอันเบอเริ่ม แถมยังสุดสายที่นี่อีกตะหาก เลยได้ช้อปปิ้งกันสมใจ เรากะผู้ว่าได้รองเท้ามาคนละคู่ อิอิ...

Thursday, May 7, 2009

Day 7 - ตามหาฟูจิซัง 2







หลังจากดูตาตางรถเมลล์จนเหนื่อยอ่อน เลยตัดสินใจเช่ารถกันอีกวัน และถึงแม้ GPS จะเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ใช้ได้ ฮ่าๆๆ ก่อนออกเดินทางก็แวะซื้อเสบียง ปุ๊กเสนอ Moss Burger (เราไม่รู้จักว่ะ เชยมาก ไม่อยากเชื่อว่าเราจะหลุดเทรนได้ สุดท้ายได้กินกันในรถหลังจากพยายามตามหาฟูจิซังจนหมดแรง เฮ้อ... แต่ก้อ อร่อยดีนะ อิอิ...) แล้วก็ไปทุ่งพิงค์มอสแบบฝนตกๆ กัน อากาศทั้งหนาวทั้งแฉะ น้อง Noriko เลยได้แต่นอนแอ้งแม้งอยู่ในโลงแก้ว

พอออกจากทุ่งพิงค์มอส พวกเราตัดสินใจไปเสี่ยงโชคที่ฟูจิซัง คิดกันเอาเองว่าไปถึงตีนเขา น่าจะมีโอกาสได้เห็น แต่ที่ไหนได้ ฝนตกหนัก หมอกลงจัด เขาเลยปิดฟูจิซัง ฮือๆๆ ทำไมทำกับปร้าแบบนี้ค่ะ เลยขับย้อนกลับมาเที่ยวน้ำตกเหลาเหลียง เอ๊ย น้ำตกฟูจิโนมิยะ ซึ่งปุ๊กบอกว่า คนในพันทิปนั่งรถเมลล์มาดูกัน เลยให้สงสัยว่าทำได้งัย ขนาดพวกเราขับรถ ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกเลย น้ำตกน้ำเยอะดี ก็แหงซิ ฝนตกซะขนาดนี้ ขากลับไปที่โรงแรมฝนหยุดแล้ว เลยได้เห็นสันฟูจิซัง ก็เลยแซวๆ กันว่า ต้องมาซ่อมว่ะ ฮ่าๆๆ

Wednesday, May 6, 2009

Day 6 - ตามหาฟูจิซัง 1

ไปตามคำพยากรณ์ฝนเริ่มตก ทั้งๆ ที่ผ่านมาแดดจ้าซะหน้าอิชั้นขึ้นกระมาอีก ๒ เม็ด ทางโรงแรมใจดียกร่มให้พวกเราใช้เดินมาที่สถานีรถไฟ ระหว่างทางผ่านทุ่งดอกไม้สวยๆ จนแอบนึกเสียดายที่อากาศไม่ดี ซักพักนึ่งก็ได้ยินคนพูดภาษาไทยกัน ปุ๊กเลยได้เพื่อนคุยแก้เบื่อ ส่วนเราตะลุยทำ Monthly Report อย่างเมามัน เที่ยงหน่อยๆ ก็มาถึงจุดแยกย้าย ฝ่ายหญิงขอเข้าเมืองไปชมเมืองบ้าง เพราะเบื่อธรรมชาติแล้ว พอเราลงมาจากรถไฟ ก็เห็นรถไฟ Thomas & Friends ต้องรีบงัดกล้องมาถ่ายรูปไปฝากไอ้เหวินเฉียงหลานรัก แล้วนึกในใจ สงสัยต้องทุ่มทุนพามันมา เพราะพ่อ-แม่มันดูไม่มีตังค์ แล้วก็ต่อรถไฟไป Kawagoshigo โดยฝนยังตกอยู่ต่อไป

อาหารที่โรงแรมแพงมาก เลยตัดสินใจนั่งรถออกมาซื้อข้างนอก กว่าจะได้ซื้อ ต้องพูดกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ น้าๆ ที่ร้านใจดีมากๆ พยายามช่วยพวกเราสุดๆ แถมยังมายืนเอาใจช่วยระหว่างรอรถเมล์กลับโรงแรมอีกตะหาก เราบอกปุ๊กว่า นี่ถ้าพวกเราพลาดรถเมลล์เที่ยวสุดท้าย ยังงัยซะพวกน้าๆ ต้องช่วยให้พวกเรากลับโรงแรมจนได้แน่นอน เลยทำให้ประทับใจคนญี่ปุ่นมาก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ให้อภัยได้ค่ะ แต่เอ... สงสัยกลับไปเราคงต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยซะวแล้วละมั๊งโรงแรมที่พักมีวิวฟูจีด้วย แต่เสียดายที่ฝนกตกตลอด เลยมองไม่เห็นฟูจิ แถมยังไปเดินเล่นริมทะเลสาปไม่ได้อีกตะหาก เซ็งจริงๆเลย เฮ้อ..

Tuesday, May 5, 2009

Day 5 - Matsumoto









นอนตื่นสาย เอ็นจอยอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่โรงแรม แล้วก็ไปชมปราสาทไม้ Matsumoto กัน (ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นปราสาทที่สวยเป็นอันดับ 2 รองจากปราสาทฮิเมจิ เชียวนา...) เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก เดินได้ไปทั่ว พอไปถึงปราสาท ก็ได้อารมณ์ Golden Week อีก เพราะคิวยาวมาก เรากะปุ๊กเดินได้แป๊ปนึง ก็เบื่อ เลยลงมาจากปราสาททั้งๆ ที่พึ่งขึ้นไปได้แค่ ๒ ชั้น เรานึกสงสัยว่า ทำไมคนญี่ปุ่นต้องทำบันไดซะสูง ทั้งๆ ที่ตัวเตี้ย แถมยังต้องวิ่งขึ้น-วิ่งลงบันไดปราสาทเวลามีสงคราม มันจะไม่ล้มหัวแตกกันรึงัยฟระ แต่ก็... ช่างมันเต๊อะ ไปเดินชมเมืองดีกว่า เมืองนี้ดอกไม้สะพรั่งทั้งเมืองอีกเช่นกัน คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เตรียมตัวไปตามหาฟูจิซังกัน หุหุหุ...

Monday, May 4, 2009

Day 4 - Japan Alp
















บน Japan Alp









ก่อนข้าม Japan Alp


เช้าแหกขี้ตามาซื้อตั๋ว (เขาไม่ยอมให้จองล่วงหน้า แต่นี่ถือเป็น highlight ของทริป อิชั้นเลยยอมตื่นเช้า) ยังดีที่ไม่ต้องแบกกระเป๋า นี่ถ้าไม่ได้นอนที่ I ช่วยเขียนภาษาญี่ปุ่นให้ อีน้องที่โรงแรมถึงเข้าใจได้ว่าต้องไปจัดการส่งกระเป๋าให้เรา ไม่งั้นเห็นทีจะไม่ได้ไปข้ามแจแปนแอลป์เป็นแน่

ตอนแรกรถไฟคนก็น้อยดี แต่พอไปถึง Tateyama (เมืองแรกของการข้ามแจแปนแอลป์) ก็ได้อารมณ์ Golden Week ทันที เพราะมีผู้คนประมาณ ๑๐๐ คน รอเข้าคิวขึ้นรถกระเช้าอยู่ จน จนท. ต้องหันมาจัดรถบัสให้ขึ้นแทน รออยู่เกือบ ๒ ชม. ก็ได้ขึ้นรถ ระหว่างทางขึ้นภูเขา ผู้ว่าถ่ายรูปอย่างเมามันมาก พอมาถึงจุดเปลี่ยนรถ เราเห็นคนประมาณ ๕๐๐ คนได้ เลยชวนปุ๊กออกมาเดินเล่นหิมะก่อน อากาศไม่หนาวอย่างที่ขึ้น เลยบ่นๆ กันนิดหน่อยว่า หอบเสื้อหนาวมาไม่คุ้มเอาซะเลย พอเดินออกมาเรื่อยๆ เพื่อถ่ายรูป ถึงรู้ว่า มัน คือ กำแพงหิมะแล้ว เดชะบุญนะเนี่ย เกือบเลยแล้วไม๊ล่ะ (ทริปนี้ เกือบพลาดไปหลายที) แต่ความที่หิมะละลายไปเยอะแล้ว เลยเหลือความสูงแค่สิบกว่าฟุต แต่เราเล็งๆ ด้วยตาแล้ว ดูสูงไม่ถึงอ่ะ แต่คนญี่ปุ่นคงไม่โกหกกันหรอกมั๊ง แล้วเลยถ่ายรูปกันอย่างเมามัน เรารีบงัด Noriko ออกมาถ่ายรูปด้วย อิอิ...

เสร็จแล้วก็กินอะไรรองท้องกันหน่อย ก่อนจะข้ามกระเช้า คนเยอะมากกกกก จนไม่มีที่นั่ง พอข้ามกระเช้าไปถึงเขื่อนได้ แม่ก็เดินลิ่วๆ ไปรอจุดที่เชื่อมรถทันที เราก็ถ่ายรูปเหนือยๆ จนผู้ว่าแซวว่า ดูดิหมดรมณ์กันไปหมด ก้อแหม... มีคนซะล้านคนมาแออัดอยู่ด้วยกันนี่มันมึนหัวจริงๆ นะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายที่เป็นเชื่อมรถนี่จัดว่าเป็นด่านอรหันต์โดยแท้ คนเยอะโคตรๆ ที่ใก้ลๆ เรามีคุณลูกอ่อนอยู่ด้วยคนนึง น้องเขาดูสดชื่นตลอด จนผู้ว่าแซวว่า มีลูกนี่ห้ามหมดรมณ์นะเฟ้ย พอได้ขึ้นรถซึ่งแน่นยังกะรถเมล์ กทม. ตอนเช้ามาถึงเมืองสุดท้ายของการข้ามแจแปนแอลป์ เราก็ไปเอากระเป๋ากัน พอไปถึงเราถามเป็นภาษาอังกฤษ ป้าที่ร้านก็พาไปเอากระเป๋าทันที เพราะคงไม่ค่อยมีคนต่างชาติมาทำอะไรแบบนี่หรอก แต่พอเราไปถึงสถานนีรถไฟ เพื่อจะนั่งไปนอนที่ Matsumoto เราก็ลมแทบจับ เพราะเหลืออีก ๓ นาที แล้วต้องลากกระเป๋าข้ามสะพานลอย เราวิ่งข้ามไปโยนกระเป๋าขึ้นรถไฟ เสร็จแล้วก็วิ่งมาช่วยปุ๊ก ตอนวิ่งกลับไปที่รถไฟอีกที เรานึกในใจว่า ถ้ารถไฟออก เราซวยแน่ ไม่น่าโยนกระเป๋าขึ้นไปเลยว่ะ คราวหน้าต้องมีสติกว่านี้นะเนี่ย พอขึ้นรถได้ครบ ๓ คน รถไฟก็ออกพอดี ไปถึง Matsumoto ค่ำๆ ด้วยความที่ใช้เงินสดซื้อตั๋วไปเยอะมาก พวกเราเลยไปกินร้านแพง เพราะจะไปรูดบัตรเครดิต ฮ่าๆๆ บริหารเงินได้ดีจริงๆ เลย และความที่หิวกันมาก เลยลืมถ่ายรูปอาหารอีกแล้ว อุตส่าห์ทุ่มทุนกินร้านดีๆ แต่แหม... ก้อคนมันหิวนี่นา ฮ่าๆๆ...

Sunday, May 3, 2009

Day 3 - Kanazawa

สาวน้อยท่ามกลางดอกไม้ ; )



ภายในสวนเคนโรฯ และมุมตะเกียงหินมหาชน





เขตเมืองเก่า


คิตตี้ปลอมตัวเป็นซารุโบโบ


เช้ายังอุตส่าห์แวะไปเดินเล่นบริเวณเมืองเก่าอีกรอบ เลยได้เดินอีกตลาดเช้านึงด้วย ก่อนขึ้นรถไฟไปโทยามา แต่จุดประสงค์ของวันนี้ คือ การไปเที่ยวสวน Kenrokuen ที่ Kanazawa ตะหาก เมืองนี้เป็นเมืองที่เราเรียกร้องก่อนจะตะลุยเจแปนแอลป์ เพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งของ ๑ ใน ๓ สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ตอนแรกเรานึกว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไหนได้ มีร้านแบรนด์เนมเต็มไปหมด เราว่านะ ที่เมืองนี้ต้องมีร้านไบล์ธแน่ๆ เลย เสียดายจัง วันหลังต้องแวะอีกให้ได้

สวนที่ว่าก็สวยดี แต่ความที่คนเยอะมาก ทำเอาเราหมดรมณ์ไปเยอะ แถมวิวมหาชนตรงตะเกียงหิน ก็หนาแน่นไปด้วยคน ต้องอาศัยโชคและความเร็วสูงสุดในการกดชัตเตอร์อย่างมาก กว่าจะถ่ายได้เหมือนในโปสการ์ด ทำเอาเราต้องลบรูปทิ้งไปบานตะไท ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็รีบกลับมาที่โทยามา แต่ดูเมืองวันนี้จะโชคไม่ค่อยดี เพราะร้านญี่ปุ่นที่เล็งไว้ตอนเย็นมันปิดซะก่อน เลยต้องกิน “ฮะจิบัง” เพื่อนยาก ๒ มื้อซ้อน เมนูเดิมเป๊ะอีกตะหาก แถมโรงแรมก์เปิด Heater ซะร้อนโคตรๆ มันจะให้แก้ผ้านอนรึงัยวะ ตอนแรกเรากะให้ ๕ ดาว เพราะห้องกว้างขวางอยู่สบาย แต่ความที่ร้อนโคตรๆ เลยต้องตัดดาวออก ๑ ดวง แต่เนทเร็วโคตรๆ ชอบญี่ปุ่นจริงๆ เล๊ยยยย...

Saturday, May 2, 2009

Day 2 - Shikarawago

วิวระหว่างทางไปชิคาราฯ

Hida beef ย่าง (การันตีความอร่อยโดยผู้ว่า)







ทิวลิประหว่างทาง สวยมากมาย


จุดชมวิวของหมู่บ้านชิคาราฯ




ในหมู่บ้านชิคาราฯ



ตลาดเช้าทาคายามา


เช้าไปเอารถก่อน รถกระทัดรัด แต่ข้างในใหญ่โต นั่งสบาย เราก็ไปเที่ยวตลาดเช้ากัน แดดญี่ปุ่นแรงมากกกก (สงสัยเพราะโลกร้อนว่ะ) เราทนไม่ได้ล่ะ ต้องซื้อหมวกมาใส่ ก่อนจะตะลุยถ่ายรูป Noriko อย่างเมามัน ส่วนผู้ว่าก็กิน Hida beef ย่างอย่างเมามันเช่นกัน แถมคุยว่า อร่อยสุดๆ
จนเที่ยงถึงได้ไป Shikarawago ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปอย่างเมามัน มาเที่ยวฤดูใบไม้ผลินี่ก็ดีเหมือกนกันแฮะ ถ่ายรูปดอกไม้สนุกมากเลย (แอบเสียดายที่ไม่ทันซากุระ – เข้าตำรา ได้คืบจะเอาศอกดีแท้ แต่สุดท้ายก็ได้ซากุระออกดอกบานสะพรั่ง ๑ ต้น ที่ Shikarawago ที่นี้นี่เอง อิอิ...) ตอนแรกเกือบขับรถเลยแน่ะ แต่เห็นใครๆ เขาก็แวะกัน พวกเราก็แวะด้วย เพราะนึกว่าเป็นจุดชมวิว เลยแวะบ้าง ที่ไหนได้เป็นหมูบ้านจริงๆ ซะนี่ เกือบไปแล้ววววว

ปล. วันนี้คนเริ่มเยอะ เตรียมตัวต้อนรับ Golden Week แซวกันว่า “ซ้อมไว้ก่อน”

Friday, May 1, 2009

Day 1 - Takayama

















ล่กมาก ไปถึงสนามบินสายมากกกก คราวหน้าเดินทางเสาร์เย็นดีกว่า แถมอยู่บนเครื่อง ผู้ว่าหลับไปแล้ว เราต้องเถือกทำบันทึกการประชุมทั้งคืน เครื่องลงตามเวลาเลย พวกเราเลยต้องไปแก่วที่สถานีรถไฟนาโกยาเป็นนาน ด้วยความที่ต้องลากกระเป๋าไปมาด้วยตลอดเวลา เลยทำให้ช้อปกันไม่สะดวกมากๆ เลยไปกินกาแฟรอเวลาขึ้นรถไฟ รสชาดญี่ปุ่นมากกกก เปรี้ยวดีแท้ สงสัยเราต้องเป็นทาสสตาร์บัคส์ไปจนตาย


บนรถไฟ คนน้อยไป จนปุ๊กประชดโอว่า ไม่เห็นจะจริงเลยที่บอกว่า คนจะเยอะมากๆ เพราะเป็น Golden Week แล้วเลยมัวแต่ประชดโอ เลยถ่ายรูปตึกของโชบุไม่ทัน -_-“ บ่ายแก่ๆ พวกเราก็มาถึงทาคายามากัน เรารีบหยิบสมุดมาแสตมป์ตราเมืองตามที่ได้อ่านมาจากหนังสือท่องเที่ยวทันที (ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวเต็มที่ ฮ่าๆๆ) พอเข้า รร. ได้ เรากะปุ๊กก็ออกไปชมเมือง ปล่อยให้แม่นอนพัก แต่เดินไปเดินมาหลงทางตลอดเวลา เลยไปถึง Hida on Sato ช้า แถมยังไม่สวยเหมือนในรูปอีก เซ็ง อ่ะ เซ็ง เราอุตส่าห์กระเตง Noriko ไป แต่หมดรมณ์งัดออกมาถ่ายรูป ไม่เป็นไร มาตั้งหลายวัน เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะคะลูก