Monday, December 31, 2007

Count Down

ปีนี้ที่บ้านไม่ได้ไปไหนกัน พอกินข้าวเสร็จ เราก็นั่งดูทีวีกับหมะ ซึ่งแน่นอน ย่อมต้องเป็นรายการของจีนแผ่นดินใหญ่ ปีนี้เขาจัดเป็นคอนเสริทต์ มีเชิญนักร้องจากอาเชียนมาร้องด้วย หนึ่งในนั้น คือ น้อย วงพรู ฮ้า… เราว่าคนจีนคงจะงงๆ ว่า ทำไมคนไทยหน้าตา-ท่าทางแบบนี้ แต่ที่เด็ดสุด คือ พอใกล้ๆ เที่ยงคืน ก็มีเพลง "หลองปัน…. ตึงๆๆ หลองเรา… ตึงๆๆ" พอกล้องโคสเข้าไปที่หน้านักร้อง หมะก็ร้องฮ้า… เราก็งงๆ หมะบอกว่า นั้นมันนางเอกเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ คราวนี้เป็นเราบ้างที่ร้อง ฮ้า… หมะบอกว่า จะดูให้จบเลย กะจะ Count Down ร่วมกับคนจีน เราเลยแซวว่า จะอยู่ไหวเหรอ เพราะเห็นปกติ หมะหลับตั้งแต่ยังไม่ ๔ ทุ่มดี นี่ต้องยืดไปอีกถึง ๕ ทุ่ม หมะก็หัวเราะ สุดท้ายก็ดูกันจนจบจริงๆ

ปีนึงๆ ผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี่ก็ครบปีอีกแล้ว เราเห็นหลายคนในนิจบอร์ดมีการตังเป้าหมายของชีวิตในปีใหม่ๆ เราเลยตั้งบ้างว่า ปีนี้เราจะแต่งงานให้ได้ เฮ้ย… ไม่ใช่ ปีนี้เราจะออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง และเราจะพูดจากับหมะให้ดีมากขึ้น จะอดทนต่อเสียงบ่นให้มากขึ้น และที่สำคัญ ปีนี้เราจะพาหมะไปเที่ยว!

Thursday, December 27, 2007

ขำไม่ออก

ในที่ประชุมวันนี้ พี่วิลถามว่าจะเรียกฤทธามา Final negotiate วันไหน เรากับพี่ณัฐอึ้งไป ๑ อึดใจ เพราะพวกเราไม่ได้เรียก เนื่องจากเราลากันทั้งคู่ (ให้ตายเหอะ นี่พี่จะประชุมจนถึงเที่ยงคืนของศุกร์ ๒๘ เลยหรืองัยคะ) พี่ณัฐเลยรีบทำเป็นตลกถามว่า "Anyone in this room that take leave tmr. Please raise your hand!" แล้วก้อทำท่ายกมือขึ้นอย่างน่ารัก แต่ปรากฎว่าทั้งห้องมีเรากับพี่ณัฐยกกันแค่ ๒ คน แป่วววววว…. เรางี้ไม่กล้ามองหน้าพี่วิลเลย และพี่วิลก็ไม่ขำจริงๆ แถมพูดปลงๆ ว่า เขา lead ประชุมเองก็ได้ เราแค่ช่วยนัดให้เขาก็พอ คุณนพเลยหันทำมาเสียงเครียดใส่เรากับพี่ณัฐทันที "ผมบอกแล้วงัยว่า PM กับ APM ห้ามหยุดพร้อมกัน"

ตอนแรกเราตั้งใจกลับบ้านมะรืนนี้ และพรุ่งนี้เราจะไปจัดการธุระส่วนตัวทั้งปวง เช่น ไปปิดบัญชี ๒ ธนาคาร, ไปซื้อกองทุน, ฯลฯ ส่วนพี่ณัฐไป ตจว. ตั้งแต่เย็นนี้ แต่พอมาเจอประชุมด่วนของพี่วิลเข้า เราเลยต้องพูดเบาๆ "หนิงอยู่ก็ได้ค่ะ" เฮ้อ… เซ็งเลย พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน

Wednesday, December 26, 2007

แล้วหนิงจะดูแลเจ้าชายเอง

เมื่อวันก่อนคุณสุพจน์เอาบัตรกินข้าวฟรีที่ "ร่มไทร" ๔ ใบ มาให้พี่ณัฐ แต่โดนเราดักคอว่า พี่ณัฐกินอาหารโรงแรมบ่อยแล้ว แถมไม่ค่อยมาไซท์อีกตะหาก พี่ณัฐเลยจำใจต้องยกบัตรกินข้าวให้เราต่อหน้าคุณสุพจน์ ตอนแรกเราตั้งใจจะพาเด็กๆ ไปกิน แต่น้องเมย์หนีกลับ ตจว. ไปซะก่อน เราเลยเปลี่ยนแผน ชวนคุณสุพจน์ไปกินแทน โดยเล็งผลเลิศว่าคุณพี่อองวินน่าจะไปด้วย ตอนไปชวนกินข้าวเที่ยง คุณสุพจน์ดูงงๆ แต่พอเราบอกว่าที่ไหน แกก็หัวเราะใหญ่ และเป็นไปตามคาด คุณพี่อองวินก็มาจริงๆ ด้วย

งานนี้เราเลยรู้ว่า คุณพี่เป็น Veggy แน่นอน (ตอนแรกนึกว่าคุณสุพจน์อำ) โห… แต่ขอนินทาหน่อยเหอะว่า คุณพี่เป็น Veggy ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกที่เราเคยเห็น แต่ก็ตามมาด้วยคำพูดบาดหูว่า "My wife is also vegetarian." แหม… อันนั้นหนูไม่อยากรู้ค่ะ คุณสุพจน์แซวว่า พี่อองวินอัดแป้งเยอะไปหน่อย เลยเป็น Veggy ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ อันนี้เห็นจะจริง เราเลยได้ข้อมูลต่างๆ เพิ่มมาอีก เพราะมีอีตา ปส. กับพี่ณัฐชวนพี่วินคุย อิอิ…

พี่อองวินปีนี้อายุ ๔๗ แล้ว (โห… ตรงตามที่หมอดูบอกเลยว่า เนื้อคู่หนูเป็นชาวต่างชาติ อายุห่างกันมาก) มีสัญชาติเป็นออสเตรเลีย (โห… เจ๋งอ่ะ มิน่า… ภาษาอังกฤษดีเชียว) มีแม่บุญธรรมเป็นคนไทย แถมคุณแม่ยังมีที่ในซอยสุขุมวิท ๔๐ อีก ๒๐๐ วา (เอ่อ… คุณแม่อยากได้ลูกสะใภ้เพิ่มเป็นคนไทยบ้างไม๊คะ) และเป็นคนสอนพี่อองวินพูดไทย พี่อองวินอ่านไทยได้ด้วยเล็กน้อย (ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนิงอ่านให้ฟังก็ได้ค่ะ) ทำเปเปอร์เรื่องงานดินเยอะมาก (มิน่าล่ะ ถึงได้เขียน Method Statement ได้ดีมากๆ) ว่างๆ พี่อองวินก็จะไปนั่งสมาธิ อย่างปีที่แล้วก็ไปนั่งมา ๑ อาทิตย์ แถมพาภรรยาไปด้วย แถมยังอ่านหนังสือธรรมมะที่พระฝรั่งเป็นคนเขียนด้วย (เอ่อ… แล้วอย่างนี้นางมารอย่างหนูจะแทรกเข้าไปในชีวิตคุณพี่ได้ยังงัยละคะ) พี่อองวินตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ ๕๕ (ก็ขอให้พี่วินได้เกษียณก่อน ๖๐ สมตามความตั้งใจนะคะ)

พอกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาประชุม Site แต่พอพี่ณัฐเอา Milestone ของฤทธามาให้ดูเท่านั้นแหละ พี่อองวินถึงกับปรี๊ดแตก เสียงดังขึ้นมาทันทีว่า ก็บอกไปแล้วว่าทำตามนี้ไม่ได้ และแกก็ให้แผนงานของแกไปแล้วด้วย ทำไมฤทธาไม่ยอมฟัง จนคุณสุพจน์ต้องพูดแบบขำๆ ว่า "คุณวินใจเย็นๆ เดี๋ยวความดันขึ้น" เลยฮากันทั้งห้อง เรางี้อึ้งไปเลย เพราะปกติเราเห็นคุณอองวินออกจะใจเย็น เลยหักคะแนนฤทธาออกหน่อยนึง ฐานทำคุณอองวินโมโห ขนาดคุณยุทธยังพูดเลยว่า ฤทธามันแย่จริงๆ นะเนี่ย ขนาดทำคุณวินโมโหได้ เราเลยตั้งใจว่า ในประชุมครั้งต่อไปกับฤทธา เราต้องช่วยพูดแทนคุณพี่อองวินของเราอย่างเต็มความสามารถ!

Monday, December 24, 2007

ตรวจร่างกาย

เมื่อวานเป็นวันเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลเลยประกาศให้เป็นวันหยุด เราเลยถือโอกาสไปตรวจร่างกายหลังจากที่เลื่อนมานานจนโดนหมะบ่น ที่เราต้องไปวันธรรมดา เพราะคุณหมอสูติฯ ที่รักษาเราเขาไม่ทำงานเสาร์-อาทิตย์ เราถือโอกาสตรวจช่องท้องแบบสแกนไปด้วย (เซ็งเล็กน้อยนะเนี่ยที่ต้องจ่ายเองหมด) ซึ่งต้องกินน้ำไปซะเต็มคราบ ตอนตรวจอยู่น้องที่เขาตรวจเราถามว่า เราตัดรังไข่ออกเหรอ แล้วถามต่อว่าเป็นข้างไหน เราเบลอๆ เพราะปวดฉี่อิ๋บอ๋ายเลยตอบไปว่า "ข้างขวาค่ะ" เพราะจำได้ว่าปวดท้องแถวนั้น น้องเขาฟังแล้วร้อง "เอ๊ะ" เราเลยนึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นข้างซ้ายตะหาก แต่ที่ปวดท้องข้างขวา เพราะของเสียมันไหลไปรวมกันที่นั่น พอตอบใหม่เขาก็โอเค เราเลยนึกในใจ อ้าว แล้วถามทำไมละเนี่ย ดูจากในจอก็รู้นิ

พอตอนมาฟังผล หมอบอกว่า ท่อไตเรามีรูปร่างผิดปกติ มันใหญ่นิดหน่อย เราฟังแล้วใจหายแว่บ เฮ้อ… อย่าบอกนะว่าเรามีอาการเป็นโรคไตแล้ว แต่ฉี่เราปกตินี่นา หมอบอกต่อว่า แต่ไม่มีอะไร และไม่มีอาการของโรคไตด้วย เพราะผลฉี่เราปกติ (ลอจิกใช้ได้ คงไม่ต้องไปหามือที่ ๓ มาตรวจอีกรอบ) เฮ้อ… ใจคอหายหมด เรานึกในใจ คราวนี้เราต้องทำสแกนช่องท้องทุกปีแน่ เพราะไม่รู้ว่าไอ้ท่อไตของเรามันจะผิดปกติอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่… เฮ้อ… ปีนี้ไม่ค่อยดีแฮะ…

Sunday, December 16, 2007

เจ็บหลัง

ตอนแรกนึกว่าจะได้ไปลอนดอน เราเลยไปเลือกตั้งล่วงหน้า คราวนี้ตั้งใจไปเลือกตั้งมาก เพราะอยากเป็นอีก ๑ คะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ และคราวนี้เรากลายเป็นคน กทม. แล้วด้วย ที่สำคัญกลัวไอ้หมักได้เป็นนายกฯ ตอนแรกเรากะกาประชาฯ ๓ เบอร์รวด แต่เอาเข้าจริง เรากลับลังเลใจอยู่พักนึง ก็เพราะนามสกุลของคุณกรณ์ ดันมาเป็นนามสกุลเดียวกับไอ้สันฯ ศัตรูข้างโครงการเรา พักหลังมันทำตัวเลวสุดๆ นึกครึ้มขึ้นมาก็โทรมาด่าเรา หรือไม่ก็เมลล์มาโวยให้เราโดนทั้งพี่ณัฐทั้งโอนเนอร์โทรมาบี้ทันที แต่จริงๆ แล้วหน้างานไม่มีอะไร หรือมันเป็นคนแก่ที่ขาดความอบอุ่นวะ พอมีคนไปหา-ไปคุยด้วย ชีวิตก็สงบสุขทันที เฮ้อ… บ่นมาซะยาว แต่สุดท้าย… เพื่อชาติ ให้ญาติมันได้เป็นใหญ่ก็ได้วะ ไม่อยากนึกเลยว่า ถ้าคุณกรณ์ได้ตำแหน่งด้วย มันจะทำตัววุ่นวายขึ้นไปอีกขนาดไหน เฮ้อ…

ทำไมถึงเจ็บหลังนะเหรอ ก็เจ้าของบ้านที่ลอนดอนนะดิ หักหลัง เลื่อนไป ๕ ม.ค. เฉยเลย แถมไม่โทรมาบอกเราอีก แต่กลับไปเมลล์ทิ้งไว้ กรูจะบ้า… ดีนะเนี่ยที่เราโทรไปร่ำลา เพราะตามกำหนดคุณน้องจะเดินทางวันพุธนี้แล้ว เราเลยต้องเลื่อนตั๋วอีกรอบ คิดไม่ตกจริงๆ ว่าจะไปพร้อมกัน หรือรอไปสงกรานต์เหมือนเดิม แต่เรารอนานขนาดนั้นไม่ได้จริงๆ จะขาดใจแล้วนะ ไม่ได้เที่ยวมาเกือบ ๒ ปี สุดท้ายงัดปฏิทินมาดูวันหยุด จำได้ว่าต้นปีมันมีวันมาฆะฯ นี่นา และปีนี้มันอยู่กลางกุมภาซะด้วย เออ ไปตอนนั้นดีกว่า เก็บสงกรานต์ไว้ไปเที่ยวกับป้าๆ เพราะไม่ได้ไปเที่ยวกันนานแล้วเหมือนกัน และปีนี้เราก็ไม่ได้ไปกรีซกับป้าๆ ด้วย ทั้งๆ ที่กรีซก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เราชอบ แต่ไม่เป็นไร ยังเหลือหมูอยู่อีกคน อิอิ…

อยู่ว่างๆ เราเลยรื้อหาเงินยูโรที่แอบเก็บไว้มาเตรียมการ แต่กลับเจอดวงเก่าที่หมอดูที่เชียงใหม่ตอนไปเที่ยวงานราชพฤกษ์ให้จดไว้ คุณหมอดูทายว่าเราจะเจอเนื้อคู่ปี ๕๐ หรือต้นปี ๕๑ เป็นคนต่างชาติ อายุห่างกันมากๆ เลยให้นึกเข้าข้างตัวเองว่า หรือจะเป็นคุณพี่อองวินฟระ แต่คุณพี่อองวินแต่งงานแล้วนี่หว่า แถมยังใส่แหวนที่นิ้วนางอยู่ด้วย ท่าทางจะรักมั่นคง ครอบครัวไม่ระหองระแหง แต่เอ… หรือเราจะเจอใครช่วงเดินทาง แต่ดวงแต่งอีกตั้ง ๔ ปี แน่ะ กว่าจะถึงตอนนั้น ไข่ก็หมดอายุพอดี… กลุ้มใจๆๆ…

Monday, December 10, 2007

Outing Day 2

ช่วงเช้าเป็นสัมนา ริทซ์ฝากให้ถามว่า ปีนี้โบนัสกี่เดือน เราว่าหลายคนก็อยากรู้ แต่ไม่กล้าถามคำถามนี้ สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้มันเป็นคำถามคาใจต่อไป กินข้าวเที่ยงเสร็จก็กลับ กทม.

ที่หน้ารีสอร์ทมีต้นปีปปลูกอยู่ ออกดอกเต็มไปหมด พี่สุชาติไม่รู้นึกครึ้มงัยหันมาถามเราว่า รู้จักกาสะลอง รีสอร์ทไม๊ แล้วก็อธิบายว่า กาสะลองเป็นภาษาพม่า ส่วนภาษาไทยก็คือ ต้นปีป เราเลยนึกในใจ ดีจัง จะได้มีเรื่องไปคุยกับพี่วิน แต่ทายได้เลยว่า วิศวกรอย่างพี่วิน ไม่รู้จักต้นกาสะลองแน่นอน…

Sunday, December 9, 2007

Outing Day 1

เพราะริทซ์ต้องกลับมาทำงานพรุ่งนี้ เลยต้องขับรถไป Outing เอง ไม่ไปรถตู้ของบริษัท เราเลยได้ทีติดรถมันไปด้วย มันนัดว่าจะมารับเรา ๗ ครึ่ง แต่ ๗.๔๕ น. เราโทรไป มันพึ่งงัวเงียตื่นมารับ ฮ้า… แล้วก็วนไปรับคุณธำรง แล้วก็รีบเหยียบเต็มที่ และดูเหมือนจะทำเวลาได้ดี เลยแวะซื้อขนมกัน-กาแฟกันชนิดคุณธำรงแซวว่า คณะเราใจเย็นดีจริงๆ แล้วถึงได้ฤกษ์ตามชาวคณะไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เราเลยได้โอกาสถ่ายรูปคู่กับน้องริทซี่ เพราะคุณธำรงไม่พลาดที่จะทำหน้าที่เป็นช่างภาพ หุหุหุ… ซักพักชาวคณะก็เดินมาเจอพวกเรา การถ่ายรูปคู่เลยจบลงแต่เพียงเท่านี้

กิจกรรมวันนี้มี ล่องแพเปียก-ขี่จักรยาน และคาราโอเกะ ไอ้เราก็สงสัยว่ามันเปียกยังงัย แต่พอเห็นสภาพแพก็ไม่แปลกใจ เพราะมันเป็นแพไม้ไผ่ผูกเข้าด้วยกัน และพอนั่ง มันก็จะจมอยู่ในน้ำประมาณ ๑๐ ซม. ทางรีสอร์ทให้ล่องมาตามแม่น้ำประมาณ ชม. นึง พวกหนุ่มๆ นำทีมโดยพี่ณัฐนั่งจนเบื่อ เลยลงไปว่ายน้ำแทน เสร็จแล้วก็ให้ขี่จักรยานกลับมาที่รีสอร์ท เรางี้ชักหวั่นๆ จะขี่กลับไหวไม๊เนี่ย… แต่สุดท้ายก็มาถึง เย้!

แน่นอนกินข้าวเสร็จก็ต้องเป็นคาราโอเกะ บริษัทนี้เขาร้องกันเก่งจริงๆ ตอนแรกพี่ณัฐออกตัวว่าร้องเพลงไม่เป็น แต่พอเราช่วยพี่แกหาแนวจนเจอ คราวนี้ร้องไม่หยุด คาราบาว ๕ เพลงรวด รู้ตัวอีกที ริทซ์ก็หนีกลับไปแล้ว ก็ขอให้งานพรุ่งนี้ราบรื่นผ่านไปด้วยดีนะจ๊ะ

Friday, December 7, 2007

จำนำมือถือ

เราไม่มีมือถือใช้อยู่ ๒-๓ วัน เลยรู้กันทั้งไซท์ว่าเรามือถือหาย เรางี้โวยคุณสุพจน์คนแรกว่า ทำมือถือเราหาย เพราะคุณสุพจน์เป็น Last Call แต่พอตาตนุเห็นมือถือใหม่เรา ก็เอาไปเม้าท์ว่า ที่จริงเราไม่ได้ทำมือถือหาย แต่เราเอามือถือไปให้ผู้ชายตะหาก เออ… ชั้นคงรักไอ้บ้านั่นมากเลย ถึงขนาดให้ซิมมันไปได้ แต่ที่แค้นที่สุด คือ ไอ้แจ๊ค เพราะมันถามเราอย่างเอาจริงเอาจังว่า เราเอามือถือไปจำนำรึป่าว เฮ้ย… คิดได้งัยวะ อย่างแรกยังพอทน แต่อย่างหลังนี่รับไม่ได้จริงๆ อ่ะ

เย็นนกนัดกินข้าว เพราะเรารับปากไว้ว่าจะเลี้ยงข้าวนก แต่พอเอาเข้าจริงๆ เพราะมันใกล้วันเกิดเรา นกเลยต้องกลายเป็นคนเลี้ยงข้าวเราแทน หุหุหุ…

Wednesday, December 5, 2007

แก่ขึ้นอีกปี

เวลาผ่านไปไวเมื่อโกหก เผลอแป๊ปเดียวก็ครบปีอีกล่ะ ปีนี้เราฉลองวันเกิดในกรุงเทพฯ ไม่ได้ลางานกลับบ้าน เพราะพี่ณัฐชิงลาไปดำน้ำก่อน เราเลยต้องอยู่โยงเฝ้าไซท์ เลยถือโอกาสนัดสาวๆ ไปกินกันที่กัลปพฤกษ์ แล้วถึงรู้ว่าเก๋ไม่เคยมาร้านนี้ ทั้งๆ ที่พวกเรามากินร้านนี้กันบ่อยมาก เก๋กินอย่างเมามัน เออ… ก็ดี อย่างน้อยวันนี้ก็มีคนมีความสุขเพิ่มขึ้นอีก ๑ คน…

ปีนี้เราไม่ได้ซื้อของขวัญให้ตัวเอง เพราะเมื่อกลางปีได้ใช้ข้ออ้างนี้ไปแล้วในการซื้อกระเป๋า Kenzo ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากัน

Sunday, December 2, 2007

อยากมีลูกๆๆ

แจ้พาไปดูที่ที่จะซื้อมาทำจัดสรร พร้อมๆ กับที่ที่จะซื้อเพื่อสร้างบ้าน เราชอบแปลงที่อยู่ใกล้ๆ ห้างแมวตัวใหญ่ของมุก (บิ๊กซี แคท) ส่วนหมะเฉยๆ เราว่าหมะคงไม่อยากให้ลงทุนในภาวะเศรษฐกิจซบเซาละมั๊ง แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรมาก แต่เราว่าแจ้ทำจัดสรรเล็กๆ ก็ดี เพราะแจ้จะได้มีงานทำ ส่วนหมะก็จะได้มีเรื่องอื่นต้องคิด ไม่พะวงกับโรคไตของตัวเอง (แต่ถึงตอนนี้หมะก็ดูโอเคในแง่จิตใจขึ้นมากแล้ว) ส่วนเราก็จะได้มีงานทำในอนาคต เผลอๆ ถ้าออกมาดี ทำกันเป็นล่ำเป็นสรร เราก็จะได้กลับมาอยู่กับที่บ้านซะที นับแต่เรื่องวิน-วิน-วิน เชียวนะเนี่ย…

ที่อพาร์ทเมนท์แจ้ไม่มีกาแฟกิน เราเลยขอเข้าเซเว่นฯ โดนมีมุกเป็นหัวหน้าทัวร์คอยช่วยหาร้านซเว่นฯ ตลอดทาง เพราะกะให้เราซื้อน้ำหวานให้กินด้วย แต่เหมือนคุณเก๋จะอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่สนใจอะไรเลย ตะลุยขัยรถไปเซ็นทรัลแบบไม่พูดไม่จา เราเลยไม่กล้าบอกให้ช่วยจอดนอกเส้นทาง พอไปถึงเซ็นทรัลเราก็กลัวมุกเสียใจ เลยถามมุกว่า เอาน้ำอย่างอื่นแทนน้ำเซเว่นฯ ได้ไม๊ มุกบอกไม่ได้ แต่เปลี่ยนเป็นให้เราอุ้มแทน เราเลยใจอ่อนจับมุกมาโยนเล่น-หมุนไป-หมุนมา ในใจก็กลัวท้องแตกนิดๆ แต่อยากอุ้มมุกมากกว่า พอขากลับขึ้นรถไปส่งเรา มุกก็แบตหมดทันที-หลับคาตักเรา ทำเอาวิญญาณแม่ในตัวเราออกอาการอีกแล้ว อยากมีลูกๆๆๆๆๆ…

Saturday, December 1, 2007

นางทาส

ก่อนไปหาดใหญ่เราก็ถือโอกาสเลื่อนตั๋วเครื่องบินไปลอนดอน จากที่จองไว้ช่วงสงกรานต์มาเป็นคริสต์มาส เพราะทนไม่ได้แล้ว ชั้นต้องไปไหนซักที่นึงบนโลกใบนี้ให้ได้ในตอนนี้ และก็รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ด้วยที่จะได้ไปเคาท์ ดาวน์ที่โน่น

พอไปถึงเปิดมือถือปุ๊ป message เข้าปั๊ป แหม… เป็นคุณนพซะด้วย ท่าจะเหตุการณ์ไม่ดีแฮะ และก็เป็นไปตามคาด ไอ้เจมาป่วนที่ไซท์ คุณเบนต้องให้บริษัทเรามาทำงานช่วงเสาร์-อาทิตย์ แถมระบุตัวด้วยว่า ถ้าไม่ใช่คุณนพ, พี่ณัฐก็ต้องเป็นเรา คราวนี้เราเลยซวยทันที คุณนพจะให้เรากลับ กทม. ให้ได้ แถมโวยว่า ทำไมเราไป ตจว. ไม่บอกเขาก่อน เฮ้ย… นี่มันวันหยุดของชั้นนะ ต้องขออนุญาติก่อนด้วยเหรอ ชั้นไม่ใช่นางทาสนะยะ เลยทำเอาเราอารมณ์เสียหน่อยๆ พอแจ้มารับไปกินข้าว เราก็เอามือถือมาวางบนโต๊ะ เพราะกลัวคุณเบนหรือใครโทรมา จะไม่ได้ยินเสียง (หลอนไปเลยตู) ในใจก็นึกว่า เดี๋ยวตูได้ลืมมือถือแน่ และก็เป็นไปตามคาด กว่าเราจะรู้ตัวว่าลืมมือถือ ก็อยู่บนรถแล้ว พอวกรถกลับไป ก็ไม่ทันการณ์ซะแล้ว เราละแค้นใจจริงๆ กว่าจะตัดใจถอยมือถือเครื่องใหม่นี่มา ก็คิดอยู่เป็นนานสองนาน นี่พึ่งผ่อนหมดเอง พอไปซื้อมือถือใหม่ เลยเอารุ่นเดิม-สีเดิมเป๊ะ ในใจก็คิดว่าควรไปซื้อหวยโดนด่วนตามที่ไอ้ฟลินท์มันบอก เพราะเมื่อโชคร้ายแล้ว โชคดีจะตามมา ดูซิว่า มันจะเป็นอะไร…