Wednesday, October 31, 2007

อยากลาออก

หมู่นี้มีเหตุอยู่เรื่อย เริ่มจากเรายืนยันว่า Cavity wall ได้โดนยกเลิกไปแล้ว ใน Layout ก็ไม่โชว์ แต่พี่วิลยืนยันว่า มีแน่นอน เลยเช็คไปกับรอส รอสเมลล์ตอบกลับมาว่ามีแถมระบุ Drawing Number มาให้เสร็จสรรพ เราเลยหน้าแตกไปเลย ก็แหม… เล่นไปแอบไว้ใน Typical Detail ร้ายนะยะหล่อน อิชั้นว่า ได้มีผู้รับเหมาคิดงานตกตรงนี้แน่นอน

ตามมาด้วยอีกเรื่อง คือ เมื่อวานซือต้องนัดผู้รับเหมาหลักมาคุย แล้วพี่ณัฐแจ้งวันผิด คือ แจ้งเป็นพุธ 1 พ.ย. แต่วันตามปฏิทินจริงๆ คือ พุธ 31 ต.ค. กับ พฤ. 1 พ.ย. แต่วันนัดจริงๆ คือ พุธ 7 พ.ย. เราก็เลยเมลล์แจ้งวันที่ถูกต้อง เลยโดนโอนเนอร์ด่าออกอากาศว่า นัดครั้งนี้สำคัญมาก เลื่อนไปนานขนาดนั้นไม่ได้ นี่เป็น "the most important and urgent issue of the project admin" พอบ่ายเจอหน้ากัน เราก็ถามเขาว่าจะเอางัย เพราะตามความเห็นเรา มันทันกับ master program นะ เฮียบอกว่า เข้าใจผิดว่าเป็นพุธที่ 14 พ.ย. เลยโวย จริงๆพุธ 7 พ.ย. โอเค จบ... (ไม่ขอโทษอีกตะหาก) เราเลยโดนด่าออกอากาศฟรี

ตามด้วยเรื่องยี่ห้อของ Polyurethane ที่จะใช้ทาไม้ คุณ อ. เมลล์มาว่า เป็น DD Polyurethane เราไม่รู้จัก แต่เพื่อความไม่ประมาทเลยถามตานิคว่ารู้จักไม๊ มันอ่านเมลล์แล้วบอกว่า นี่เป็น Common Name ให้ถามยี่ห้อมาด้วย เลยโดนด่าออกอากาศว่า กรุณาอ่านให้ละเอียด ในเมลล์ด้านล่างได้ระบุยี้ห้อไว้แล้ว แถมลงท้ายเมลล์ว่า Thank you very much for your kind attention. แหม… ประชดแรงใช้ได้เลยนะเนี่ย… เราเลยต้องไปถามช่างปาร์เก้ว่า รู้จัก Polyurethane ยี่ห้อ DD Polyurethane ไม๊ ช่างตอบว่า "โอ๊ย… รู้จักซิครับคุณหนิง" แล้วเราก็ได้เห็นที่ข้างกระป๋องเขียนไว้ว่า "ดีดี โพลียูรีเทน" โอ้… แม่เจ้า มันคือ ดีดี จริงๆ หรือนี่…

ทำไมหมู่นี้เรื่องมันเยอะอย่างนี้วะ หรือเราจะลาออกไปทำเองดีวะ ทำบ้านจัดสรรธรรมดาขายดีกว่าไม๊เรา เฮ้อ…

Monday, October 29, 2007

ภูเก็ตเดย์ 3 - กลับมาไถนา(ต่อ)



พอแป๊ปเดียวก็ครบ ๓ วัน หมูพยายามชวนออกไปขับรถเล่น แต่ไม่สำเร็จ เพราะเราขี้เกียจสุดๆ ก็อยู่โรงแรมมันทั้งวันจนเย็นนั่นแหละถึงได้มาสนามบิน พอเรากลับถึงคอนโดไม่นาน ก็โดนพี่ณัฐโทรมาด่าเรื่องเราไม่ตามงาน ทำให้แกโดนคุณเบนเรียกไปด่า เราก็งงๆ ว่า เราก็ฝากงานกับเอ๋แล้วนิ พี่ณัฐบอกว่า ก็เอ๋กลับไปตั้งแต่ ๔ โมงแล้ว แล้วก็โวยเราอีกว่า ไม่รับผิดชอบ ไปเที่ยวก็ต้องโทรมาถามงานกับลูกน้อง แล้วงานไม่เสร็จก็ต้องโทรมาตามบ่อยๆ บลาๆๆๆ เราฟังแล้วฉุนชะมัด เอ๋ไม่รับผิดชอบหนีกลับไปก่อนทั้งๆ ที่งานไม่เสร็จ ดันไม่ไปโวย มาโวยเราซะได้ นี่ถ้าเราต้องทำงาน ๒๔ ชม. แบบนี้ เราทำเองไม่ดีกว่าเหรอ จะเอาอะไรนักหนากับลูกจ้างอย่างเราวะ!

Sunday, October 28, 2007

ภูเก็ตเดย์ 2 - Dinner Mission




สงสัยมากินๆ นอนๆ หมูมันจะเบื่อวะ เลยพยายามหาอะไรทำ ในที่สุดก็ได้มา ๑ มิชชั่น นั่นคือ การไปซื้อข้าวข้างนอกโรงแรมกิน เพราะร้านเดียวแถวที่พักที่ปุ๊กอุตส่าห์ไปหาจากอินเตอร์เนทก่อนมา มันดันปิด (ตอนแรกเรากะเอามาม่ามาแล้วเชียว แต่กลัวปุ๊กแซวว่าชีวิตนี้จะหนีมาม่าไปไม่พ้นเลยรึงัย เลยไม่เอามา) ร้านที่อยู่ถัดไป จะอยู่แถวๆ ที่ทำการอุทยาน ตอนเช้าเรากับหมูลองไปเดินสำรวจดู ก็พบว่ามันไกลเอาเรื่องอยู่ ที่สำคัญต้องฝ่าแนวคลองเชื่อมต่อระหว่างน้ำทะเลกับน้ำจืดอีกตะหาก เรากะว่าไว้ไปตอนน้ำลง แต่ปุ๊กทักว่าแล้วถ้าตอนนั้นฝนตกหล่ะ หรือว่าจะว่ายน้ำไปช่วงแดดออกดี แล้วก็สรุปกันได้ว่า ต้องไปตอนน้ำลงนี่แหละ เรานะกะนอนอยู่โรงแรมนี่แหละ แต่ดูดอนมันตั้งใจมาก เลยไม่อยากขัดมิชชั่นของมัน และเป็นไปตามคาด คือ ฝนตกช่วงน้ำลงจริงๆ นั่นแหละ แถมลมพัดอีกตะหาก น้ำเข้าหูเราตลอดทาง แต่ก็ยังดีที่ฝนตกทั้งขาไปและขากลับ น้ำเลยเข้าหูแบบสมดุลทั้งซ้าย-ขวา -_-"

จริงๆ มาเที่ยวแบบกินๆ-นอนๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ สบายดี สงสัยแก่แล้ววะ นี่ถ้าไปดำน้ำแบบนอนเรือ ๔ วัน เราจะรอดไม๊เนี่ย…. แต่เราคิดว่า คราวหน้าเราจะพักโรงแรมแบบเชนแล้วล่ะ เพราะมาตรฐานการบริการทำได้ดีเท่าเทียมกันหมด ผิดกับโรงแรมแบบเจ้าของเดียวแบบนี้ หรือเป็นที่คนก็ไม่รู้ ยัย Reception บริการไม่ได้เรื่องมาก นี่ถ้าหญิงมาด้วย สงสัยคงโดนอบรมไปแล้ว แต่หรือเราเป็นลูกค้าคนไทยก็ไม่รู้ เจ้าหล่อนเลยไม่เต็มใจให้บริการ แต่ยังดีที่อาหารที่นี้อร่อย (โดยเฉพาะ French Toast ที่ป้าๆ สั่งกัน ๒-๓ รอบ แฮะๆ แต่มันนุ่มอร่อยจริงๆ นะ) เลยพอทดแทนกันได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ Recommend เราว่า ไปพักที่อื่นดีกว่า!

Saturday, October 27, 2007

วันนี้ที่รอคอย - ภูเก็ตเดย์ 1


โห… ก็ปีนี้เหนื่อยยากวุ่นวายมาทั้งปี เครียดก็เครียด เราเลยรอคอยที่จะไปเที่ยวมาก ปีนี้ป้าหนิงกับป้าปุ๊กเกิดเคลิ้มเคลิมกับโรงแรมแบบ Pool Access เลยปันใจจากเชอราตัน-กระบี่ ไปภูเก็ตบ้าง คราวนี้พักกันที่อรามัสที่หาดไม้ขาว แต่มากันแค่ ๔ คน คือ ปุ๊กกับแม่, หมู และเรา (อุตส่าห์เอารูปไปหลอกล่อเก๋ แต่ก็ไม่สำเร็จ ; p)
โรงแรมสวยเหมือนในรูปเลย พวกเราได้ห้องที่อยู่ค่อนไปทางสระว่ายน้ำหลัก ปุ๊กบอกว่า โชคดีมาก ไม่งั้นคงจะได้ว่ายน้ำกันเหนื่อยโคตรๆ กว่าจะไปถึงสระหลักได้ แต่เนื่องจากเราทำ minutes ไม่เสร็จ เลยต้องมาเผาต่อที่ภูเก็ตด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ยังปาเข้าไปเกือบ ๔ ชม. ปล่อยให้ปุ๊กกับหมูหลับก็แล้ว เล่นน้ำก็แล้วไปอีก ๒ รอบ กว่าเราจะทำงานเสร็จ น่าอิจฉาชะมัด แถมพักนึงก็จะมีฝรั่งตีกรรเชียงผ่านมาเซย์ฮัลโลอีกตะหาก แต่น่าเสียดายที่ฝนตกแทบทั้งวัน เลยไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเลกัน ไม่เป็นไร หวังว่าพรุ่งนี้แดดจะดี…

Friday, October 26, 2007

โครงการอินเตอร์

โครงการเราอินเตอร์มากๆ เพราะมีเจ้าของเป็นฮ่องกง มีดีไซน์เนอร์ และผู้รับเหมาทั้งไทย, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ล่าสุดเราได้ผู้รับเหมางาน Foundation พอคุณพี่แจกนามบัตรมาใน Kick-off Meeting เราถึงรู้ว่า พี่เขาเป็นพม่า เลยคิดว่าต่อไปคงมีหนุ่มเกาหลีมาร่วมทีม และถ้าได้หน้าตาแบบทนายคิมคงจะดีไม่น้อย แต่พม่าคนนี้ของเราไม่ธรรมดา เพราะพม่าที่มาเกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้าง จะเป็นพม่าที่ผูกเหล็ก หรือไม่ก็เทคอนกรีต แต่พม่าของเราคนนี้มีตำแหน่งในนามบัตรเป็น Executive Vice President ของ บริษัท จำกัด (มหาชน) อีกตะหาก นับว่าไม่ธรรมดายิ่ง

ตอนเราเจอพี่อองวินเมืองครั้งแรกในช่วง Bid Interview เราคิดว่า เขาเป็นคนไทย และก็ให้ทึ่งในใจว่า คนไทยคนนี้พูดภาษาอังกฤษดีจัง และที่สำคัญเก่งอีกตะหาก รู้เรื่องงานดีมากๆ นับเป็นผู้บริหารที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมดีสุดๆ แถมพูดจาก็สุภาพอ่อนน้อม และดูเป็นคนที่ตรงไปตรงมา เราเลยแอบเชียร์พี่วินอยู่ในในใจ เพราะถ้าได้บริษทพี่วินมาทำงานด้วย เราน่าจะสบาย และในที่สุดบริษัทของพี่วินก็ได้งานจริงๆ แถมพอ Kick-off Meeting เสร็จ พี่วินถามเราว่า มีอะไรบ้างที่ต้องจัดให้ Consult พอเราขอกาแฟ พี่วินบอก(หลอก)ว่าจะจัดกาแฟสดมาให้ แต่เราเกรงใจ (จริงๆ คือ ขี้เกียจชงตะหาก) เลยขอเป็นแค่กาแฟสำเร็จรูปแบบโกล์ดก็พอ แหม... มาถึงก็ทำคะแนนแบบไม่ยั้งเลยนะคะ...

Friday, October 19, 2007

จะไหวเหร๊อ...

ตอนแรกคุณพี่สแตนลีย์บอกว่าจะขอเคลียร์เรื่องแบบ พี่ณัฐเลยเบี้ยวประชุมให้เราแทน ซึ่งก็ถูก ก็แกดูแบบน้อยกว่าเราตั้งเยอะ แต่พอพี่สแตนลีย์ถามโน่นนี่ละเอียดมากๆ เข้า เราก็ไม่รอดเหมือนกัน (งานเข็มยังไม่เริ่มเลิย แต่เฮียเล่นซักไปถึงงานอินทีเรีย อิชั้นเลยถึงคราว...) คราวนี้เฮียเลยมาเป็นชุด ลุกลามถึงสโคปงานของบรษัทไปด้วย เราก็ไม่ค่อยชัวร์ว่าอีตานายเราทั้งสองไปรับปากอะไรเขาไว้บ้าง เลยได้แต่อ้อมๆแอ้มๆตอบ เฮีย ชช. ก็ไม่ช่วยเรา Edward ก็ได้ทำตาปริบๆ เราก็งงๆ ว่า จากประชุมเคลียร์แบบ งัยกลายมาเป็นการอัดเรื่องเราไม่มีเวลาดูแบบได้งัยวะ กำลังงงๆ อยู่ ก็เจอฮุคขวาของคุณพี่ฯ เข้าปลายคางอย่างจังด้วยคำถามที่ว่า ถ้าเรารู้เรื่องโครงการน้อยขนาดนี้ จะแน่ใจได้ยังงัยว่าเราจะทำโครงการไหว? แป่วววววว....

Thursday, October 18, 2007

เวลาแห่งความสุข ; )

จุ๊กลับมาเมืองไทย เลยนัดกินข้าวกันกับเพื่อนๆ เตรียมฯ คราวนี้เปลี่ยนไปนัดที่บ้านยุทธ เราไปถึง ๒ ทุ่มหน่อยๆ แต่จุ๊กับเคนยังมาไม่ถึง จนเพื่อนๆ แซวว่า สงสัยเจ้าภาพจะเบี้ยวซะแล้ว ซักพักนึง จุ๊กับเคนก็มาถึง คราวนี้มากินกันสิบกว่าคนนิดๆ มีเบ้มาด้วย เลยทำให้ยุทธมีคู่หู-คู่ฮา แถมยังมีตี๋มาทำตัวขำให้เพื่อนๆ ได้แซวกันอีก เลยเป็นการกินข้าวที่ขำมากๆ ฮาทุก ๕ นาที จนจุ๊พูดว่า อยากมาบ่อยๆ เพราะตลกมากๆ เราก็ขำตลอด มานั่งนึกๆ ดู บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาที่เป็นกิจจะลักษณะ เพราะเล่นปล่อยมุกแซวตี๋กับอู๊ดตลอด ขนาดฤทธิ์ถามเราเรื่องงาน เราพึ่งจะตอบได้ ๑ ประโยค เบ้ก็เอามาเป็นมุขแล้ว เลยไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ มัวแต่มุกกัน กว่าเราจะพลิกดูนาฬิกาครั้งแรกก็ปาเข้าไป ๕ ทุ่มกว่า ทำเอาตกใจ เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจริงๆ และเราเข้าใจเลยว่า ทำไมฤทธิ์ดูสบายใจ-มีความสุขมากๆ เวลาพูดถึง moment พวกนี้ และมักพูดกับเราว่า เป็นโชคดีของฤทธิ์ที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ และวันนี้ฤทธิ์ก็ดูรีแลกซ์มากๆ แถมแซวเราว่า คงไม่พ้นต้องลงเอยกับอู๊ดแน่ๆ เราบอกว่า "รอให้ชั้น ๔๐ ก่อนเหอะ" ฤทธิ์หัวเราะแล้วบอกว่า "งั้นก็อีกไม่นานดิ" เราบอกว่า "อีก ๓ ปีกว่าๆ ยะ" ฤทธิ์เลยพูดว่า "แล้วที่ผ่านมา ๓-๔ ปี เธอว่ามันเร็วไม๊ล่ะ" ทำเอาเรากลายร่างเป็น "อึ้งย้ง" ทันที นั่นดิ กระพริบตาอีกทีก็คงถึงแยกหลักสี่แล้ว พอฤทธิ์เห็นเราอึ้งไปอีกรอบ คราวนี้ก็หัวเราะใหญ่เลย

ฤทธิ์ถามว่าเราเป็นงัยบ้าง พอบ่นว่างานหนักมากๆ มันดันพูดว่า แค่นั้นไม่เห็นมากตรงไหน มันทำงานตลอด มีเวลานอนแค่วันละ ๓ ชม. นั้น แถมไม่ได้พักร้อนมา ๔ ปี เราก็เถียงเสียงอ่อยๆ ว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหมื่นล้านเหมือนมันนะ มันเลยตั้งท่าจะเทศเรายกนึง เราเลยรีบเปลี่ยนที่นั่ง ขี้เกียจฟังมันเทศอ่ะ

เกือบๆ เที่ยงคืน เคนก็ขอกลับ เรากับเพื่อนๆ อีก ๒-๓ คน เลยได้ทีลุกด้วย เพราะพรุ่งนี้เรามีประชุมตั้งแต่ ๙ โมงเช้า ซึ่งเรายังไม่ได้อ่านเอกสารเลย แต่เบ้บอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ พูดหลายๆ ครั้งเข้า เราต้องหันมาบอกเบ้ว่า พอได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่ามันคือวันเสาร์จริงๆ ละก้อ ชั้นจะซวยมากถึงมากที่สุด คราวนี้เลยได้กลับจริงๆ และแวะไปส่งจุ๊กับเคนที่โรงแรมด้วย แต่ได้คุยกันนิดหน่อย เพราะมัวแต่หาทางกลับกันอยู่ จุ๊บอกให้เคนหาแฟนให้เรา เราจะได้ย้ายไปอยู่อเมกากับจุ๊ เราเลยบอกว่า ให้รีบๆ หน่อย เพราะปุ๊กหาหนุ่มญี่ปุ่นให้เราแล้วคนนึง เดี๋ยวเราจะเลือกไม่ถูก ; D

วันนี้เราฮามากกว่าปกติ คงเป็นเพราะเราได้นั่งข้างเบ้ เลยทำให้บางทีมีมุกกัน ๒ คน ด้วย แล้วเลยให้นึกถึงตอนที่นั่งรถกลับจากเชียงใหม่ด้วยกัน เบ้กับยุทธช่วยกันปล่อยมุกตลอดทาง ทำเอาระยะทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ดูสั้นไปถนัดใจ และจำได้ว่าเหตุการณ์ล่าสุด คือ เราเครียดกับงาน แล้วหงษ์โทรมาพอดี หงษ์บอกว่า ให้ฟังเรียนเมืองนอกที่เบ้เป็นคนถูกสัมภาษณ์ดิ สนุกดี น่าจะช่วยให้เรารู้สึกดี เรารีบไปโหลดมาฟัง แล้วมันก็เป็นอย่างที่หงษ์บอกจริงๆ ด้วย เราฟังไปอมยิ้มไป และนึกภาพตามที่เบ้เล่าได้ชัดเจน เรียกว่านึกหน้าเบ้ตอนนั้นออกเลยล่ะ พอกลับมาจากกินข้าว เราเลยมาค้นอีเมลล์เก่าๆ ของเบ้มาอ่านดู เพราะเราสังเกตว่า เบ้มักจะมีคำลงท้ายอีเมลล์ที่น่ารักๆ เสมอ อย่าง

Wanna be happy, then be. หรืิอ

The world is such a wonderful place to wander through.
When you've got someone you love, to wander along with you.
The sky's so full of stars, and the river's so full of songs.
Every heart should be so thankful,
Thankful for this friendly, friendly world.

เลยให้เผลอใจอิจฉาแฟนเบ้ว่า อยู่กับเบ้คงมีความสุขทุกวัน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ นั่นคือ สิ่งที่เราเห็นภายนอกเท่านั้น เพราะหงษ์เคยบอกเราว่า มีอยู่หนนึงกินข้าวกัน แล้วมีคนพูดเรื่องที่ตัวเองเครียดๆ อยู่ขึ้นมา คราวนี้เลยมาแนวเครียดกันใหญ่ รวมทั้งเบ้ด้วย หงษ์บอกว่า ทุกๆ คนที่เรื่องเครียดๆ กันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่มันไม่สนุกที่จะเล่า เวลามาเจอกันเลยเลือกที่จะคุยแต่เรื่องสนุกๆ จะได้ลดความเครียดในชีวิตงัย เราเลยค่อยทำใจไม่อิจฉาแฟนเบ้ลงได้นิดหน่อย

แต่ที่เราเป็นห่วงเบ้ คือ เรื่องสูบบุหรี่กับกินเหล้าตะหาก เบ้กินเหล้าจนเข้าโรงพยาบาลมาด้วยโรคตับแล้วครั้งนึง แต่พอหาย ก็กลับมากินเหล้าอีกแล้ว ถึงเบ้จะกินเหล้าเพื่อสังสรรค์ก็เหอะ แต่สังสรรค์บ่อยและหนักขนาดนี้ มันน่าจะเป็นอันตรายกับสุขภาพนะ เราเลยอดไม่ได้ต้องพูดไปนิดนึงว่า เบ้ไม่กลัวกลับมาไม่สบายอีกเหรอ เบ้ตอบว่า เบ้ไม่ตายเพราะการกินเหล้าเยอะหรอก แล้วก็กินต่อ เราเลยได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าแฟนเบ้จะเตือนเบ้บ้างรึป่าว ก็ได้แต่หวังว่าเธอคนนั้นจะดูแลเบ้ดีๆ …

ปล. เพื่อนสนิท(ที่เรา)คิดไม่ซื่อคนนี้จะมีนิทรรศการใหญ่ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ เดือนธันวาคมนี้ เราตั้งใจมากว่าจะไปดูให้ได้!

Saturday, October 13, 2007

อด(ขอ)แต่งงาน

เราบอกเกี๊ยกว่าเราจะกลับบ้านเที่ยวนี้ เกี๊ยกเลยนัดกับเราว่าจะมาเยี่ยมหมะที่ รพ. จะได้เจอกันด้วย เรากับหมะมาถึงก่อนเลยนั่งรอที่หน้าห้อง ก็มีอาซิ้มคนนึงมานั่งข้างๆ จู่ๆ ก็มาชวนหมะคุยโน่นคุยนี่ เราว่าก็ดีเหมือนกัน หมะจะได้ไม่คิดมาก เพราะอาซิ้มแกยังไปเที่ยวถึงเชียงใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นไปฟอกเลือดที่โน่นแทน เออ เอากับแกซิ กำลังใจดีใช้ได้เลยนะเนี่ย แต่พอเกี๊ยกมาถึง ทั้งอาซิ้มทั้งเกี๊ยกก็ร้อง “อ้าว” ทั้งคู่ ทำเอาเรากับหมะ “อ้าว” ยิ่งกว่า พออาซิ้มพูดว่า “ลื้อมาทำไม” เรางี้เซ็งเลย โธ่โว้ย กะชวนเกี๊ยกออกไปกินกาแฟแล้วขอแต่งงานซะหน่อย (ก่อนที่จะโดนจับคู่กับพ่อหม้ายญาติอากิ๋ม) ท่าจะไม่สำเร็จซะแล้ว เกี๊ยกเลยเฉลยว่า มาเยี่ยมหมะ แล้วก็แนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ เท่านั้นแหละ อาซิ้มก็รัวคำถามไม่ยั้ง ชวนเกี๊ยกคุยตลอด (ทั้งๆ ที่เกี๊ยกบอกว่ามาเยี่ยมแม่เรานะ) จริงๆ ต้องบอกว่า อาซิ้มดีใจที่เจอเกี๊ยกจนพูดไม่หยุดตะหาก เราได้ยินอาซิ้มถามเกี๊ยกว่า แต่งงานหรือยัง (ถึงแม้จะถามเป็นแต้จิ๋วก็เหอะ) พอตอบว่ายัง (เป็นแต้จิ๋ว) ก็ถามต่อว่าเมื่อไหร่ แต่คราวนี้เราฟังคำตอบไม่ออกล่ะ แต่ดูจากสีหน้าหมะแล้ว คิดว่าคำตอบคงไม่ค่อยดี จนลูกอาซิ้มมารับกลับนั่นแหละ แกถึงยอมปล่อยตัวเกี๊ยก แต่เกี๊ยกก็จะต้องกลับแล้วเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวจะเย็นไป เราเลยเดินไปส่งเกี๊ยกที่รถ บรรยากศไม่เป็นใจเลยวะ เลยตัดสินใจไม่ขอเกี๊ยกแต่งงาน (รอดตัวไป!)

พอหมะฟอกเลือดเสร็จกลับมาที่โรงแรม หมะก็บอกให้เราตัดใจจากเกี๊ยกซะ เพราะหมะได้ยินเกี๊ยกตอบอาซิ้มคนนั้นว่า อีกไม่นานเกี๊ยกก็จะแต่งงานแล้ว เราคิดว่าไม่แน่ใช่ เลยถามว่า “ไม่นาน” หรือ “อีกนาน” กันแน่ เพราะถ้าเกี๊ยกตอบว่า “ไม่นาน” คนอย่างอาซิ้มน่าจะต้องถามต่อว่าเมื่อไหร่ หมะเลยอึ้งๆ ไป แล้วก็ชักเห็นด้วยกับเรา แต่สุดท้ายก็สรุปว่า เกี๊ยกดูรักษาระยะห่างมาเลย ดูไม่มีโปรเกส ขนาดหมะให้อี้ไปเปรยก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงไหน ให้เราตัดใจไปคยกับคุณพ่อหม้ายคนนั้นดีกว่า เราเลยตัดสินใจว่า คราวนี้ถ้าเจอเกี๊ยก ต่อให้เป็นที่ลานจอดรถ เราก็ต้องขอเกี๊ยกแต่งงานแล้วอ่ะ... -_-“

Friday, October 12, 2007

ลาพักผ่อน


เราถือว่า Showflat เสร็จแล้วนะ เพราะได้ส่งมอบพื้นที่อย่างเป็นทางการแล้ว เลยขอลา 1 อาทิตย์ไปสงบจิตใจ พี่ณัฐรีบเซ็นอนุมัติทันที ตอนแรกเรานึกว่าจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหมะที่ยะลา เพราะป๊ากับเทียนไปเมืองจีนพอดี แต่หมะบอกว่า กลัวเราเบื่อ เพราะเที่ยวนี่กลับมาหลายวัน และที่ร้านก็ปิดเพราะเป็นช่วงวันตรุษแขกพอดี เลยใจดีพาเราไปนอนที่สมิหลา

แจ้พาเด็กๆ มานอนด้วย เราเลยได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กพาไปเล่นน้ำ เพราะแจ้กลัวตัวดำ(เหมือนเดิม) แต่คลื่นแรงมาก เลยได้แต่เล่นทรายกันเป็นส่วนใหญ่ คนที่ชายหาดเยอะมาก มีทั้งแขกและพม่า กำลังเล่นทรายกันเพลินๆ ก็มีหญิงพม่าจะมาขอถ่ายรูปกับน้องมุก แถมให้เราขยับออกจากกล้องอีกตะหาก แต่มุกไม่ยอม เราคิดว่า มันกลัวมาก เพราะถึงกับมานั่งบนตักเราเลย ไม่ลุกไปไหนอีกตั้งพักใหญ่ แหม... อยากมีลูกจัง...

ตกเย็นก็ออกไปกินข้าวกันที่ร้านศิรดา แถสสะพานติณฯ (ไม่เคยสังเกตเลยว่ามันชื่ออะไร จนปุ๊กถามนั่นแหละ ถึงได้ตั้งใจดูชื่อร้าน) เพราะเหล่าแต่ปิดร้านอ่ะ จู่ๆ หมะก็พูดขึ้นมาว่า จะแนะนำพ่อม่ายเมียหย่าให้เรา เรางี้แถมสำลัก พอบอกว่า ไม่กลัวพวกพ่อหม้ายเหรอ หมะก็สวนมาเลยว่า พวกพ่อหม้าย-แม่หม้ายไม่ดีตรงไหนเหรอ เราเลยอึ้งๆ ไป เพราะแจ้กับคุณพี่เขยก็นั่งกินอยู่ด้วย โห... นี่เราต้องขยายตลาดขนาดนี่เลยรึเนี่ย... -_-“

กลับบ้านทีไร เราไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ทุกที อยากลาออกกลับมาอยู่บ้านเฉยๆ มาก ไม่รู้เป็นเพราะเราว้าเหว่ หรือเป็นเพราะหมะแก่แล้ว เราเลยอยากจะใช้เวลากับหมะบ้าง หรือเป็นเพราะความน่ารักของเด็กๆ โดยเฉพาะน้องมุกเพราะช่างพูดเป็นที่สุดก็ไม่รู้นะ รู้แต่ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ อ่ะ

Monday, October 1, 2007

EIA ผ่านแล้ว

ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะ EIA ผ่านแล้ว อ้าว อย่างนี้งานเข็มก็เริ่มเลยนะดิ เราเลยไม่มีเวลาพักหายใจจาก Showflat เฮ้อ... แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว...