Tuesday, October 31, 2006

ไปดินเนอร์กับนายหัวภูเก็ต

มาทำงานร้อนสุดๆ เพราะแอร์ดันเสียไปครึ่งนึง ร้อนโคตรๆ หน้างี้มันจนทอดปลาได้ ๕ ตัว (จากปกติมันแบบทอดได้ ๒ ตัว) พอหงษ์โทรมาชวนให้เรามากินข้าวกับ "คุณบุญ" (ลูกชายเจ้าของ Boat Lagoon - ธุรกิจท่าจอดเรือยอช์ทแห่งแรกของภูเก็ต และยังคงเป็นแห่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอยู่) หลังจากที่เราพลาดการสัมภาษณ์ "ช่างคุย" ของหงษ์กับบุญในวันอาทิตย์ เลยรีบตกลงทันที งานนี้ไปกินข้าวที่ Water Mark ใน Boat Lagoon ของบุญ นั่งกินข้าวข้าง Yacht ลำใหญ่ ก็ตื่นตาตื่นใจมากแล้ว แต่พอบุญบอกว่า Super Yacht ใหญ่กว่านี้อีกเท่านึง เรางี้ตะลึงตึงๆ ไปเลย โอ๊ย! อยากมีสามีเป็นมหาเศรษฐีจัง (สงสัยเป็นนายหัวโรงน้ำแข็งจะรวยไม่พอแฮะ) พูดถึงเรือแล้วก็คิดถึงเทียน ถ้ามาดูสงสัยน้ำลายหกเป็นแน่ กลับมาเรื่องบุญใหม่ เขาก็น่ารักดี น่าจะดีถ้าได้เป็นเพื่อน แต่ถ้าเป็นนาย ต้องดูอีกที แต่จะว่าไป โปรเจคของเขาก็โอนะ ถ้าฟองสบู่แตก ก็น่าจะรอด ประมาณว่าทำแบบมั่นคง ไม่ทำตัวเป็นอึ่งอ่างที่พยายามจะกินช้างจนท้องแตกตาย

พอกินข้าวเสร็จ หงษ์ให้เราช่วยอัดเสียง "ช่างคุย" ให้หงษ์ เราชักสนุกเลยตอบตกลงเรื่องที่จะให้สัมภาษณ์กับ "ช่างคุย" ด้วย ในเรื่องของชีวิตวิศวกรสาว ตอนแรกก็กังวลว่ามันจะน่าเบื่อ เลยเล่าให้หงษ์ฟังคร่าวๆ ก่อนรอบนึง หงษ์บอกว่าก็ขำใช้ได้ เลยได้อัดรายการกัน ต่อไปก็ต้องคอยลุ้นว่าอัตราโหลดจะเป็นเท่าไหร่ ลุ้น... วุ๊ ลุ้น...

ว่าแล้วก็พูดถึง "ช่างคุย" นิดนึง จากตอนแรกที่เราไม่รู้จักเลยว่า Pod Cast คืออะไร ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจแล้ว และชักจะสนุกด้วย พอหงษ์บอกว่า มีคน Down Load ตั้งร้อยกว่าครั้งแล้ว โดยเฉพาะรายการ "คุยคุ้ยเต่า" จะมีแฟนประจำมากกว่าใคร เราเลยคิดว่า มันน่าจะมีอนาคตนะ เพราะใน ๑๐๐ คน คงมีคนรู้จัก Pod Cast ๑๐ คน เองมั๊ง แต่หงษ์มีแฟนคลับเยอะขนาดนี้ ก็น่าจะแปลได้ว่า รายการแนวโน้มดีมีอนาคตนะ : )

Monday, October 30, 2006

กลับภูเก็ตล่ะ

หมูพยายามชวนให้ใครๆ ซื้อทัวร์อีกครึ่งวัน แต่ไม่สำเร็จ แต่ที่น่าประทับใจก็คือ หมูเจไม่แตก กินจนครบได้ตลอดรอดฝั่ง เราเลยบอกว่า เอาไว้ให้หมูมาซ่อมอาหารเช้าที่โรงแรมอีกรอบ แล้วค่อยไปเที่ยวน้ำตกร้อน หรือคลองสองน้ำกันวันหลังแทน กิจกรรมตอนเช้าเลยวนเวียนอยู่แถวสระว่ายน้ำ และทำกิจกรรมสำคัญ คือ การถอนผมหงอก ซึ่งเดี๋ยวนี้พัฒนาจนสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะในที่รโหฐานเท่านั้น

…พรุ่งนี้ไม่อยากจะไปทำงานเลย เฮ้อ… ขี้เกียจจัง…

Sunday, October 29, 2006

ทะเลแหวก

โชคดีมากที่ตอนไปเที่ยวแล้วฝนไม่ตก สามารถทำลายอาถรรพ์ลงได้ เย้! คราวนี้พวกเราเลือกไปทัวร์ทะเลแหวกกัน (ค่าทัวร์ไป ๗๐๐ บาท) โดยจะได้ไปเที่ยว ๔ เกาะ กับทะเลแหวก แล้วก็แวะให้สนอร์เกิล ๑ แว่บ กับแวะอ่าวนางเพื่อชะเง้อคอยาวยืนน้ำลายหกดูโรงแรมพรีเมียร์ รายาวดี (กลับมาถึงโรงแรมก็แทบสลบตามประสาคนสูงอายุ ; p) แต่โชคยังดีที่ไกด์แนะนำให้เราไหว้ขอคู่ที่ถ้ำอ่าวนาง เราเลยขอท่านให้ช่วยเราให้ได้แต่งงานซะเลย อิอิอิ… : D



Saturday, October 28, 2006

วันนี้ที่รอคอย - กระบี่ทริป

ไปกระบี่อย่างทุลักทุเล เพราะต้องอ้อมขบวนแห่อันเนื่องจากเทศกาลกินเจเพื่อจะไปขึ้นรถที่ บขส. แถมยังต้องทำใจกับค่ารถลีมูนซีนอีก ๗๐๐ บาท/เที่ยวอีกต่างหาก

และแล้วก็เป็นการ Repeat กิจกรรม คือ นอน, ถอดผมหงอก กับเล่นน้ำที่โรงแรมในวันที่มีแดด และจะไปเที่ยวข้างนอกในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าฝนก็จะตก แต่คราวนี้จะไม่เช่ารถตู้ เพราะจะไปเที่ยวทะเลแหวกกัน

ปล. โรงแรมสวยเหมือนเดิม และเต๊นท์แต่งงานก็ยังอยู่ที่เดิม เห็นแล้วอยากแต่งงานจริงจริ๊ง… : )

Friday, October 27, 2006

ตกงาน?

กำลังคิดว่างานไม่ค่อยมีแล้วจะขอ Leave without pay ไปเลี้ยงหลานซักเดือนสองเดือน ก็พอดีโดน Owner ชิงลงมือก่อน โดยสั่งลดคนในส่วน Consult แต่หวยดันมาออกที่เรากับ Site Manager เพราะโดนเลือกให้อยู่ เราเลยเปรยๆ ว่าจะขอเป็นคนหยุดเอง แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรมาก กะว่าจะรอให้บรรยากาศความเคร่งเครียดซาๆ ลงก่อน แต่แหม… น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้อีกนิดนะ ปล่อยให้เราขนของลงมาภูเก็ตซะเต็มที่แล้ว แย่จริง… แต่ที่แน่ๆ งานนี้อดเปลี่ยนรถเลยเรา เฮ้อ…

พอเย็นๆ หงษ์ชวนไปเที่ยวป่าตอง เลยรีบตอบตกลงทันที ก็เลยไม่ได้โทรหานก (ชาวพลัสจะมาภูเก็ต) ไม่เป็นไร เอาไว้โทรพรุ่งนี้ละกัน ไปเที่ยวก่อนดีกว่า ปรากฎว่าป่าตองคนน้อยกว่าที่เราคาดหวัง นี่มันก็จะเข้า High Season แล้วนะ แถมพอหงษ์พูดว่า สถานการณ์หงษ์ (ไททัน คอร์ท) ไม่ค่อยดี เราเลยชักใจเสียๆ เฮ้อ… กลุ้มใจแทนแฮะ

เราเล่าให้ลูกค้าหงษ์ฟังแบบขำๆ ว่า เราผ่าตัดช่วงเดียวกับในหลวง และอาจจะเป็นวันเดียวกันก็ได้นะ แต่พอหงษ์ได้ยินแล้วพูดกลับมาว่า ถ้ายังงัยคงเป็นชะตาฟ้าลิขิตมากๆ เพราะนอกจากเราจะเกิดวันเดียวกับในหลวงแล้ว เรายังจะผ่าตัดวันเดียวกับในหลวงอีกด้วย เราฟังแล้วเหวอเลย เพราะเราลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย อืม… สงสัยต้องเช็คดูบ้างแล้วว่า ท่านป่วยหนักช่วงไหนของชีวิตบ้าง เราจะได้ระมัดระวังตัวไว้…

วันนี้มีฝรั่งถามเราว่า ไอ้โคมแดงๆ ที่แขวนอยู่เต็มเมืองนั่น Is it for Halloween? เรางี้ขำกลิ้งเลย ที่จริงมันก็อยู่ภูเก็ตมาตั้งนาน ก็น่าจะมี sense บ้างนะว่า หน้าตาโคมมันจีนขนาดนั่น ก็ต้องเป็นของเทศกาลกินเจดิ แต่ก็ดี พรุ่งนี้จะได้มีเรื่องตลกไปเล่าให้สาวๆ ฟัง : )

Wednesday, October 25, 2006

ใช้บริการขนส่งคุณภาสกร

โชคดีมากๆ ที่หงษ์จะมาภูเก็ตพอดี เราเลยได้ติดรถหงษ์กลับ ไม่ต้องหอบทรัพย์สมบัติไปสุวรรณภูมิให้เหนื่อยยาก เลยขนของมาซะเต็มรถ แต่คราวนี้หัวข้อในการสนทนาเป็นเรื่องอื่นๆ ทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องความรักคุดของเราเลย (ผิดกับรอบที่แล้ว) เอ… หรือเราจะมีเรื่องอื่นๆ ในชีวิตที่มันเอามาเป็นหัวข้อสนทนาได้เหมือนอย่างคนอื่นๆ เขาบ้างแล้ว...

Saturday, October 21, 2006

เก็บของ ๒

ของเยอะมากๆ เก็บเท่าไรก็ไม่หมด เหมือนมันงอกขึ้นมาจากกล่องงั้นแหละ แจ้บอกว่าสงสัยเราจะเก็บของไม่เป็น อ้าว! เป็นงั้นไป… แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่โรสแนะนำคนให้มาเอาเสื้อเราไปขาย เราเลยไม่ต้องตัดใจทิ้ง หรือเสียเงินส่งกลับบ้าน แต่จากงานนี้เราเลยรู้ว่า เราไปงานแต่งงานมาเยอะแค่ไหน เพราะเรารวบรวมของชำร่วยได้ตั้ง ๑ กล่องใหญ่ จะทิ้งก็เกรงใจ จะส่งกลับบ้านก็เสียดายเงิน เลยปล่อยมันไว้ที่ใต้โต๊ะกินข้าวก่อน เฮ้อ…

Friday, October 20, 2006

สุวรรณภูมิ

วันนี้ออกจากออฟฟิสเร็วหน่อย เพราะต้องไปขึ้นเครื่องไปกรุงเทพฯ เก็บของ และแล้วเราก็ได้โอกาสใช้สนามบินสุวรรณภูมิหลังจากที่ฟังคนโน้นคนนี้บ่นอย่างโน้นอย่างนี้มานาน ดูข้างนอกใหญ่โตโอ่โถงสวยงามมาก แต่เราออกจะผิดหวังกับ Interior ของอาคารจริงๆ ไม่ว่ากระเบื้องห้องน้ำ, สุขภัณฑ์, คานคอนกรีตเปลือย, ฯลฯ ดูธรรมดามากๆ เราว่า KL ยังสวยกว่าอีก นี่เหมือนดอนเมืองเลย เพียงแต่ใหม่กว่าแค่นั้นเอง ปุกบอกว่าก็เขาทำ Value Engineering กันงัย เราก็หวังว่าเขาจะเอาเงินไปใช้ให้ถูกทาง เช่น ลงทุนในระบบอากาศยาน หรือระบบซ่อมบำรุง หรือทำครัวการบินไทยให้ดีๆ ไม่โกงกินไปจนหมด ส่วนค่ารถแท๊กซี่ก็แพงมากตามคาด นี่ขนาดบ้านเราอยู่ในเมืองนะเนี่ยยังซัดไป ๓๔๐ บาท นี่ถ้าเป็นคนที่อยู่อีกฟากของของสนามบินอย่างปุ๊ก สงสัยจ่ายค่ารถกันอ้วกแตกอ้วกแตนเป็นแน่

Monday, October 16, 2006

สารภาพ?

เราได้ message จากเกี๊ยก แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะเกี๊ยกพูดว่า "I just realize to tell u I never tell a lie but that is a real accident with my life." เลยคิดว่า เขาน่าจะหมายถึงว่า เขาโกหกเราว่าอี๊ไม่ได้ถามอะไรเขาเป็นพิเศษ anyway เราก็ตอบเขาไปว่า เราเชื่อที่เขาพูด เพราะนั้นคือสิ่งที่เขาคิดแล้วว่ามันดีสำหรับเรา ซึ่งเราก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ นี่นา…

Sunday, October 15, 2006

ช่างเป็นคนใจเย็นจริงๆ

จากตามปกติที่บ้านเราจะเลี้ยงข้าวกันตอนเย็น แต่เนื่องจากเราต้องไปขึ้นรถตอนทุ่มนึง เลยต้องเปลี่ยนมาเลี้ยงวันเกิดป๊ากันตอนมื้อกลางวัน วันเกิดป๊าปีนี้มีส่วน-น้องสะใภ้เรามาเพิ่มอีก ๑ คน และปีหน้าก็จะเพิ่มหลานอีก ๑ คน เพราะส่วนท้องได้เกือบ ๘ เดือนแล้ว เลยทำให้โต๊ะจีนขนาด ๑๐ ที่นั่ง ที่เคยใหญ่เหลือเฟือสำหรับครอบครัวเราดูเล็กไปในทันที เพราะจากที่เคยนั่งกัน ๕ คน ปีนี้นั่งกัน ๙ คนแล้ว (อันนี้ทำให้หมะต้องเปลี่ยนขนาดโต๊ะกินข้าวที่บ้านด้วยจากโต๊ะกลมขนาด ๘ ที่นั่ง เป็น ๑๒ ที่นั่ง แต่จนป่านนี้ยังหาซื้อไม่ได้ สงสัยจะต้องสั่งทำ และหมะก็ยืนยันว่า ต้องเป็นโต๊ะกลมเท่านั้น แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่เอาเด็ดขาด เพราะโต๊ะกลมมันออกเสียงพ้องกับคำว่า "กลมเกลียว" ในภาษาจีนกลาง หมะชอบความหมายคำนี้มาก) มื้อนี้เรารู้สึกดีมากๆ (พักหลังๆ นี่ เราชอบ Family Event มาก) แล้วก็นึกปลอบใจตัวเองว่า ปีหน้าของวันนี้เราก็จะได้กินแบบสบายๆ ไม่ต้องลำบากลำบนเดินทางมาไกลๆ แล้วพอรู้สึกดีๆ ก็ต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกแล้ว ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะเป็นแบบนี้ ดีใจจัง...

พอเย็นป๊ากับหมะก็ไปส่งเราที่ บขส. ปัตตานี แต่เกี๊ยกยังไม่มาไม่ถึง ต้องรออีกพักใหญ่ๆ เกี๊ยกถึงจะมา แล้วพอเราได้ยินเกี๊ยกหลุดปากออกมาว่ารู้สึกเหนื่อย เราเลยรู้สึกผิดหน่อยๆ ที่มัวแต่น้อยอกน้อยใจที่เกี๊ยกมาช้า ทั้งๆ ที่จริงๆ เขายุ่งมาก เลยตั้งใจว่าต่อไปจะพยายามไม่วีนเขา จะพยายามอดทนให้มากขึ้น เราเลยถือโอกาสถามเขาเรื่องที่คุยกับอี้อีกครั้ง เขาก็ตอบเลี่ยงๆ ไม่ยอมบอกความจริงกับเรา เราเลยต้องปล่อยไว้แค่นั้น anyway เราสังเกตว่า (ถ้าไม่ได้เข้าข้างตัวเองอะนะ) เกี๊ยกไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่เจอเรา ดูเขายิ้มแย้มมีความสุขดีอีกต่างหาก (เราชอบตอนเกี๊ยกยิ้มที่สุดเลย ยิ้มซะตาหยี ดูใจดีมั่กๆ) เราเลยค่อยสบายใจหน่อย และมีกำลังใจที่จะจีบเกี๊ยกต่อไป : D แต่ขอนินทาหน่อยเถอะว่า เฮียเป็นคนใจเย็นมากๆ ทั้งๆที่เลยเวลานัดแล้ว ยังจะไปแวะตลาดนัดซื้อของกินให้เราอีก แทนที่จะรีบมา (เลยไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธหรือไม่โกรธดี…) แต่ก็โชคดีที่รถเลท เลยได้คุยกันนานหน่อย งานนี้เราเลยมีข้าวเกรียบปากหม้อเป็นอาหารเช้าไปกินที่ภูเก็ต : )

Saturday, October 14, 2006

กลับบ้านจากภูเก็ตครั้งแรก

หมะชวนกลับบ้าน เพราะวันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดป๊า เลยตกลงว่าจะลองนั่งรถทัวร์กลับกัน ซึ่งมี ๒ สาย คือ สายภูเก็ต-หาดใหญ่ กับสายภูเก็ต-สุไหงโกลก แล้วลงรถที่ปัตตานี แต่เฉพาะสายหาดใหญ่ถึงจะมีรถ VIP 24 ที่นั่ง หมะเลยเลือกอันนี้ เพราะอยากจะนั่งรถสบายๆ แล้วก็โชคดีมากที่มาต่อรถทัวร์กรุงเทพฯ-ยะลาได้ทันตอนตี ๕ ได้พอดิบพอดี เราเลยได้กลับยะลาโดยไม่ต้องเสียเวลารอที่ท่ารถ แต่ก็เหนื่อยมาก (สงสัยจะแก่แล้ว) เลยนอนทั้งวัน พอบ่ายๆ เราก็ message ไปให้เกี๊ยกว่าเรากลับยะลา เพราะพรุ่งนี้เราจะไปขึ้นรถทัวร์ที่ปัตตานี จะได้มีโอกาสเจอหน้ากันบ้าง...

Sunday, October 8, 2006

Shopping Day

สองหัวคิดดีกว่าหัวเดียวจริงๆ ด้วย เพราะพอเราปรึกษาหมะเรื่องซื้อเตียงกับฟูกว่าจะเอางัยดี เพราะเราคิดว่าคนเช่าน่าจะอยากได้ที่นอนเตียงคู่มากกว่า แต่คงต้องซื้อแบบควีนไซส์เพราะห้องเราเล็ก ถ้าขืนเอาคิงไซส์ละก็ ห้องคับดูอึดอัดแน่นอน แต่ถ้าจะซื้อเตียงคู่ แล้วเราจะเอาฟูกเตียงเดี่ยวของเดิมไปขว้างไว้ที่ไหนล่ะ จะส่งกลับยะลาก็ใช่ที่ จะยกให้คนอื่นก็เสียดาย เพราะซื้อมาตั้งแพง พอเล่าจบ หมะก็ตอบเลยว่า ก็ยกให้แจ้สิ คอนโดเขาก็เสร็จพอดีไม่ใช่เหรอ เขาจะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ แล้วก็ทำหน้างงๆ ว่าทำไมเราคิดไม่ออก เออ! นั่นดิ ทำไมเรานึกไม่ออกวะ เลยตัดสินใจได้ทันทีเลยว่า จะซื้อที่นอนแบบเตียงคู่แน่นอน

ว่าแล้วเราก็ชวนหมะไปช่วยซื้อของเข้าคอนโด (หมะมาเยี่ยมอีกแล้ว) เหนื่อยโคตร! ไม่รู้เป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย หรือเป็นเพราะความชราเริ่มถามหาแล้ว เรางี้แทบหมดแรงที่โฮมโปร ส่วนหมะถึงกับนั่งหลับ (นำไปก่อน) ที่ Index แถมพอถึงบ้านปุ๊ป หมะก็หลับปั๊ปเลย anyway เราก็ได้ของเกือบครบขาดแค่ฟูก (ฟูกควีนไซส์นี่มันหายากหาเย็นจริงจริ๊ง…) หมะเลยแนะนำให้เราไปฝากหงษ์ซื้อ พอเราโทรไปปุ๊ป หงษ์บอกว่าได้เลย เพราะตอนซื้อที่นอนเข้าไททันคอร์ท หงษ์ซื้อที่กรุงเทพฯ แล้วส่งมาภูเก็ต

เย้! ในที่สุดก็จัดการเรื่องเฟอร์ฯ เป็นที่เรียบร้อย เรานัดทุกเจ้าให้ส่งของพร้อมกัน ๒๑ ตุลานี้ ขาดแค่ของกระจุกกระจิก เอาไว้ไปซื้อที่ กทม. ตอนไปจัดการเรื่องนี้ในวันหยุดวันปิยะฯ ละกัน ว๊าว! ดูเหมือนห้องเราจะพร้อมให้เช่าในเดือนพฤศจินี้แล้วนะ : )

Wednesday, October 4, 2006

ปางอุ๋ง-ราชพฤกษ์

หลังจากได้เมลล์ฉบับปางอุ๋งจากต๊ะ เราก็กระวนกระวายอยากไปขึ้นมาทันที เลยชวนปุ๊กจัดทริป กว่าจะได้วันเดินทางแน่นอนก็เปลี่ยนวันเดินทางกับสมาชิกลูกทัวร์อย่างเมามัน สุดท้ายก็มาลงตัวที่ ๒๒-๒๖ ธ.ค. แต่คราวนี้นิจกับเก๋ไม่ไป ไปแค่หญิงกับหมู แต่เนื่องจากหญิงไม่ได้เข้านิจบอร์ด เราเลยอาสาโทรไปหาหญิงเพื่อคอนเฟิร์มทริป แต่ปรากฎว่าได้คุยเรื่องทริปแค่ ๒ นาที ที่เหลืออีก ๒ ชม. เป็นการเล่าเรื่องที่หญิงโดนลูกน้องปฏิวัติ ฟังแล้วจับได้ความว่ามันเครียดจริงๆ นะเนี่ย… แต่เป็นเรา เราก็คงเครียดเหมือนกันนั่นแหละ อาการลูกน้องเป็นพิษเนี่ย มันน่ากลัวจริงๆ อ่ะ…

เอาน่ะ อย่าคิดมาก ตั้งหน้าตั้งตารอไปเที่ยวให้สบายใจดีกว่า : )