Saturday, May 26, 2007

The Letter

วันก่อนเรามีโอกาสฟัง "บวช ๑" ขำก็ขำ และมีบางตัวอย่างที่ขำๆ ของพระที่ชวนให้เรานึกถึงเกี๊ยก เราเลยตั้งใจว่าจะ write เป็น CD ให้เกี๊ยก เพราะอย่างเฮียคงไม่มีวันโหลดผ่านเน็ททากมาฟังหรอก เราเลยถือโอกาสรวบรวมหลายๆ ห้องใน "ช่างคุย" มา write ลง CD ได้ ๑ แผ่น ตั้งใจว่ากลับบ้านอาทิตย์หน้านี้ จะเอาไปให้เกี๊ยกพร้อมกับเสื้อช่างคุย แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสให้กับมือหรือป่าว หวังว่าจะได้น๊า… สาธุ… แต่ถ้าไม่ได้ให้กับมือจริงๆ เราก็ตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายแนบไปกับ CD หุหุหุ… กะว่าให้หวานหยดยิ่งกว่า The Letter เลย…

Tuesday, May 22, 2007

ข้ออ้าง

วันนี้ป้าๆ นัดกินข้าวกันโดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นวันเกิดหมู นี่ถ้ากินกันเฉพาะวันเกิดของคนในกลุ่ม ปีนึงก็จะได้กิน กันอย่างน้อย ๗ ครั้ง ก็นับว่าเป็นอัตราที่ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย… คราวนี้ไปกินหมูย่างเกาหลีกัน อร่อยเหมือนเดิม หุหุหุ… (หมู่นี้กินเยอะไปไม๊เนี่ย… -_-")

Sunday, May 20, 2007

เจ๊ๆ

โลกกลมมาก เรานั่งกินข้าวอยู่ก็มีสาวมาทัก เราว่าหน้าคุ้นมากเลย นึกอยู่เป็นนาน จนเขาต้องบอกชื่อมา ที่แท้เป็น "เอื้อง - สาวถาปัด" เอื้องดูสวยขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนเรียนเตรียมฯ เราว่าคงเป็นเพราะเขาแต่งตัว และไม่ดูเป็นพวกเด็กเรียนอีกต่อไป แต่ถ้าเทียบกับคุณหลิง คุณหลิงก็ดูสวยกว่าอยู่ดี ; p

ก่อนกลับหมูแนะนำให้ไปไหว้พระที่วัดอะไรซักอย่างนึงที่อยู่ไปทางปราน (ซึ่งพี่สะใภ้หมูแนะนำมาอีกที) ซึ่งกว่าพวกเราจะออกจากโรงแรมไปถึงวัด ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ทางเข้าวัดมีรั้วทำเป็นรูปหัวใจใหญ่ยักษ์ ปุ๊กเลยแซวเราให้ขอเรื่องความรัก เพราะดูถ้าวัดนี้จะสร้างมาเพื่อการนี้ ซึ่งจริงๆ ปุ๊กก็ไม่จำเป็นต้องบอกเรา เพราะทุกวันนี้เราก็ขออยู่เรื่องเดียวนี่แหละ

วัดสร้างอยู่บนเนินเล็กๆ โดยทำบันไดปูด้วยกระเบื้องอย่างดีให้พุทศาสนิกชนเข้าไปกราบไหว้ แต่ทางวัดให้ถอดรองเท้าและเดินทางเปล่าขึ้นไป คราวนี้เราเลยเข้าใจเลยว่า ทำไมคนเราถึงต้องไปวัดกันแต่เช้า เพราะกระเบื้องต้องแดดยามเที่ยงวันจะร้อนโคตร และที่สำคัญถ้าไปเหยียบโดนขี้เถ้าธูปที่หล่นอยู่ตามพื้น จะร้อนหนักขึ้นไปอีก ๓ โคตร เราต้องไหว้และอธิฐานด้วยความเร็วสูงสุด และรีบชิ่งลงมา แล้วก็พบว่าคนอื่นๆ ก็รีบชิ่งลงมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย เอ… แล้วอย่างนี้ท่านจะเห็นใจไม๊เนี่ย…

ขากลับแวะ "แม่เก็บ" ซื้อขนมของฝากกัน เป็นอันว่าใน List สถานที่ที่ต้องไปที่ลงใน Explorer ที่เราเอาไปด้วย พวกเราทำได้แค่ ๑ Check Point ที่ร้านแม่เก็บนี่เอง แต่เหมือนว่าพนักงานแม่เก็บจะปากคอไม่ค่อยดี เลยทำให้บางคนไม่ซื้อของร้านนี้ แต่เราก็ซื้อข้าวเกรียบมาเป็นของฝากคนที่ไซท์

ฝั่งตรงข้ามของร้านแม่เก็บเป็นโครงการของเมเจอร์ฯ ชื่อ Mikronos เลยแวะเข้าไปดูกัน ปรากฎว่าขายดีมาก (ข้อมูลจากพนักงานขาย จึงขอให้ผู้ฟังโปรดใช้วิจารณญาณประกอบการพิจารณา) เราบังเอิญเห็นในโบว์ชัวร์ว่าที่นี้ใช้ระบบสระว่ายน้ำแบบโอโซน เลยตั้งใจจะไปบอกอาเบนให้เปลี่ยนระบบสระว่ายน้ำของโครงการจาก Salt Chlorination เป็นโอโซนบ้าง เพราะขนาดเจ้านี้เขาขายถูกกว่าตั้งเยอะ เขายังกล้าลงทุนเลย

ก่อนกลับก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดกัน (นี่ก็เป็นอีก ๑ ไฟล์ทบังคับของการมาเที่ยวหัวหิน) ปรากฎว่าได้หลักฐานยืนยันว่าโลกกลมอีกละ เพราะดันไปนั่งหลังชนกับบี บีมาเที่ยวกับเพื่อนๆ ร่วมลัทธิ (According to ปุ๊ก) เลยได้ทักทายกันเล็กน้อย และบีก็ยังหยอดๆ ถึงคุณดีเหมือนเดิม

พวกเรามาถึงสมุทรสงครามเย็นๆ หน่อย ก็โทรตามนิจให้ออกมากินข้าวด้วยกัน โดยไปกินกันที่ร้านเจ๊แดง แล้วเลยตั้งข้อสังเกตกันว่า พวกร้านอาหารชอบตั้งชื่อเป็นเจ๊ๆ เมื่อวานก็กินเจ๊เขียวไปแล้ว วันนี้ก็กินเจ๊แดง ปุ๊กเลยบอกว่า คราวหน้าให้ไปกินกุ้งกันที่ร้านเจ๊ดำ เออ… เอากันเข้าไป

อาหารร้านเจ๊แดงก็อร่อยดี แต่น่าเสียดายที่เรายังอิ่มๆ อยู่เลย เลยไม่ค่อย Enjoy เท่าไหร่ กินเสร็จก็แบ่งรถกลับกัน เรา, หมู กับหญิง ย้ายมานั่งรถนิจ เพราะสะดวกกว่า แต่ปรากฎว่านิจใจดี ส่งถึงบ้านเลย เย้!

Saturday, May 19, 2007

หัวหิน





หญิงได้บัตรพักฟรีที่ Veranda มา ๑ ใบ เลยทำให้ป้าๆ ได้ข้ออ้างในการไปเที่ยวหัวหินกัน คราวนี้ไปกัน ๕ คน มีปุ๊กกับแม่, หญิง (อันนี้แน่นอน), หมู และเรา ในใจเรานึกดีใจที่ในที่สุดก็ได้เห็นงานคุณต๊ะเต็มๆ ตาซะที หลังจากที่เห็นในนิตยสารต่างๆ มาเยอะแยะ ว่ากันว่าเป็น "ฮิป" รีสอร์ทแห่งแรกของชะอำนั่นเชียว

แต่พอเช็คอินเข้าห้องพัก ปุ๊กก็เริ่มบ่นเรื่องห้อง ไล่ตั้งแต่เบาะไม่สะอาด ต้นไม้ไม่เขียว ไปจนถึงดีไซน์ที่ไม่ Practical เช่น พื้นห้องน้ำลื่น, ประตูห้องน้ำที่ต้องเอื้อมตัวไปเปิด, ไปจนถึงตำแหน่งตู้ทีวี โดยมีหญิงกับหมูช่วยใส่น้ำมัน หมูบ่นว่า บีบสิวไม่ถนัด เพราะอ่างล้างหน้าหนาโคตร ส่วนหญิงบอกว่า นี่เป็นอ่างล้างหน้ารุ่นผู้ดีใช้ เพราะมันตื้นมาก ถ้าใช้ไม่ระวัง น้ำจะกระเด็นเลอะเคาเตอร์ไปหมด เราพยายาม Defense ให้ต๊ะสุดฤทธิ์ แต่ก็ดูไม่เป็นผล เลยนอนดีกว่า แล้ว ๓ ป้า ก็นอนเรียงกันเป็นปลาปิ้งอย่างเมามันไปจนบ่าย ๓ ได้ละมั๊ง ถึงได้ตื่นไปหาอะไรกิน (นี่ถ้าเจ๋อมาด้วย คงประชดพวกเราอีกว่า ที่บ้านไม่มีเตียงกันรึงัย) ซึ่งกก็ไม่รู้จะเรียกว่ามื้อเที่ยง หรือเย็นดี

สุดท้ายก็ไปลงเอยที่ร้านเจ๊เขียว แล้วพวกเราก็สังเกตว่าร้านเจ๊เขียวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Madam Green โอว… ช่างทันสมัยจริงๆ เลยจอร์จ แต่ที่สำคัญ คือ รสชาดอาหาร เราว่าสด-อร่อยคงเส้นคงวาดี และแล้วเราก็มีโอกาสได้ใช้บัตร KTC พร้อมสามารถลดค่าอาหารได้ ๑๐% แหม… ช่างน่าประทับใจบัตรนี้จริงๆ ตอนเราหยิบขึ้นมาใช้ ปุ๊กหัวเราะใหญ่ที่เรายังใช้บัตรเงินธรรมดาอยู่ เราก็เซ็งเหมือนกัน ไม่รู้ต้องเงินเดือนเท่าไร ทาง KTC ถึงจะยอมทำบัตรไททาเนี่ยม หรือแพลตินัมให้ แต่กลายเป็นว่าไอ้บัตรเงินธรรมดาใบนี้ให้วงเงินเยอะที่สุดในบรรดาบัตรเครดิตของเรา มากกว่า Citi Bank Platinum ซะด้วยซ้ำ เฮ้อ…

เนื่องจากกินข้าวเย็นเสร็จตั้งแต่ ๕ โมง พวกเราเลยถือโอกาสเซอร์เวย์รีสอร์ทอื่นๆ ที่อยู่แถวเขาตะเกียบซะเลย เผื่อว่าคราวหน้าจะได้มาพัก (แถมทำท่าหยิ่งเล็กน้อยว่าพวกอิชั้นพักกันที่ Veranda เชียวนะยะ) และหนึ่งในนั้นก็คือ The Rock ซึ่งเราเห็นลงในหนังสือหลายเล่มเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ได้เดินดูข้างนอก ไม่ได้เข้าไปดูห้องพัก ซึ่งรวมๆ แล้วก็โอเค

และก็ตามธรรมเนียม ต้องไปเดินตลาดหัวหิน และกินโรตีเป็นการปิดท้ายทัวร์ของวันนี้ ถ้าไม่มี ๒ กิจกรรมนี้ มันเหมือนไปไม่ถึงหัวหินยังงัยไม่รุซิหน่า…

Thursday, May 17, 2007

กำลังใจของป้า

วันที่ไปกินกุ้งกัน มีการเม้าท์เรื่องของเนาวรัตน์กับเจ๊เบียบ แล้วเลยพัวพันมาถึงเรื่องแฟนใหม่ของเนาวรัตน์ ที่ทำให้ป้าอย่างเราอิจฉามาก เพราะป้าจิ๊กแกฉกน้องเอ๊กซ์ผู้น่ารักไปได้ ปุ๊กบอกว่า ให้มองไว้เป็นกำลังใจได้เลย ใครจะไปรู้วันนึงเราอาจจะมีโอกาสได้แฟนเด็กก็ได้นะ ทีป้าจิ๊กยังทำได้เลยอ่ะ พูดแล้วก็ให้อิจฉาจริงๆ วุ๊…

เราเลยเล่าเรื่องยงยุทธให้ป้าๆ ฟังว่า ยงยุทธเป็นไอ้หนุ่มวิดวะผมยาว-หน้าใสอยู่ที่ไซท์เรา อายุไม่น่าเกิน ๓๐ ไปได้ มีอยู่วันนึงยงยุทธโทรมาเลื่อนนัดกับเรา เพราะแฟนตกเลือดและอาจจะแท้ง ยงยุทธต้องพาแฟนไปโรงพยาบาล เราเลยต้องรีบอนุญาต พออีก ๒ วัน ยงยุทธมาหาเรา เราก็พูดว่า "อย่าเสียใจเลยนะ ยงยุทธยังหนุ่มเดี๋ยวก็มีได้อีก" โดยอนุมานว่า แฟนยงยุทธยังสาว แต่ที่ไหนได้ยงยุทธกลับตอบเราว่า "โชคดีที่ไม่แท้งครับ แต่ถ้าแท้งจะแย่มาก เพราะถึงผมจะยังหนุ่ม แต่แฟนผมแก่แล้วครับ" เราเลยถามว่าแฟนมันอายุเท่าไร พลางนึกในใจว่า หนอย… ถ้าเแฟนแกแก่ ชั้นมิแก่โคตรเหรอวะ ยงยุทธตอบว่า "ปีนี้แฟนผม ๓๔ แล้วครับ" เราฟังแล้วอึ้งไปเลย โอว… อีกหนึ่งกำลังใจของป้า หุหุหุ… ว่าแล้วก็เลยแซวยงยุทธเล็กๆ ว่า "แหม… อินเทรนด์มากเลยนะเธอ…" แต่พอเล่าเรื่องยงยุทธ์ให้ Ritz ฟัง Ritz ก็ยิ้มๆ ไม่คอมเมนท์อะไร แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะยังเครียดกับงานอยู่ โดยถามเราว่า คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากทำงานแนวนี้หรือป่าว เราเลยได้ทีตอบว่า "ไม่คิด เพราะชีวิตนี้ตั้งเป้าหมายว่า จะให้สามีหาเลี้ยง พี่ไม่ทำงานไปจนแก่หรอก" แต่พอฟัง Ritz ตอบกลับมา เรางี้อึ้งไปเลย เพราะ Ritz พูดว่า "อย่างนี้ผมก็ต้องหาแฟนรวยๆ แล้วให้แฟนเลี้ยงซิ" เราก็ยิ้มๆ แล้วพูดว่า "อ้าว งัยกลายเป็นอย่างนั้นไปได้" แต่ในใจพูดว่า "ก็แต่งกลับป้า เอ๊ย พี่สิจ๊ะ พี่สัญญาว่าจะเลี้ยงดู Ritz อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่-แมลงวันไม่ให้ตอมกันเลยทีเดียวเชียว หุหุหุ…"

พอประชุมมาราธอนเสร็จ (คนฮ่องกงนี่อึดจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ สามารถ concentrate ได้ ๘ ชม. เต็ม ประชุมตั้งแต่ ๙ โมงเช้า จนจะ ๕ โมงเย็นแล้ว เฮียยังสามารถอ่านทุก bullet ในสไลด์ได้อีก เฮ้อ… ตรูจะรอดไม๊เนี่ย…) เราก็รีบนั่งมอเตอร์ไบค์ไปกินข้าวกับสาวๆ Sheffield ปรากฎว่าไปถึงคนแรก เลยต๊กใจ นึกว่าจำร้านผิด หรือไม่ก็จำวันผิด กำลังจะโทรหานิจ เอกับบีก็มาถึงพอดี แล้วเลยเปรยๆ ว่าพี่หมวยมีซัมซิ่ง ตอนแรกเรานึกว่ามุข แต่ที่ไหนได้ พอพี่หมวยมาถึง ก็ประกาศจริงๆ ว่ามีซัมซิ่ง เพราะตอนนี้พี่หมวยคบกับหนุ่มคนนึงอยู่ แถมบอกว่า เราไม่ได้อยู่ในวัย desperate จริงๆ แล้วเราอยู่ในวัยที่มีพร้อมทุกด้านตะหาก เราสามารถจัดการกับชีวิตได้โดยตัวเองทุกอย่าง และมีความ mature มากขึ้น วัยนี่แหละที่เป็นวัยที่มีความสุขที่สุด ฮ้า… นี่จัดได้ว่าพี่หมวยมาเปิดกะลาเราเลยนะเนี่ย… งานนี้นิจมาเขียนบล็อคที่หลังโดยจั่วหัวว่า "องค์กรล่มสลาย" ทีเดียวเชียวนั่น แหม… ก็หัวหน้าองค์กรเล่นชิ่งหนีไปแล้วนิ… แต่จะว่าไป นี่จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่สำคัญของเราเลยน๊า…

Saturday, May 12, 2007

โลกใบเล็ก

เจ้าของเรือเบี้ยวอ้างว่า เรือยังทำประกันภัยไม่เสร็จ เลยไม่กล้าออกเรือ โธ่… แค่พัทยาเอง ไม่แน่จริงนี่หว่า ลูกทัวร์ใจถึง แต่เจ้าเรือใจไม่ถึง เลยอดไปเที่ยวกัน เราเลยไปอัดพอดคาสท์แทน ตอนแรกกะอัดเรื่องดำน้ำเพิ่ม เพราะไม่ต้องทำการบ้านอะไรง่ายดี แต่ที่ไหนได้ นกดันเบี้ยวเพราะงานเยอะมากเลยมาไม่ได้ พอจะไปพึ่งอู๊ด วันนี้มันด็ดันแปลงร่างเป็นคุณชายอู๊ด เป็นศิลปินซะงั้น แบบว่า ไม่มีอารมณ์อัดอ่ะ

แต่โชคดีที่แพนมา แถมหงษ์ช่วยคิดมุขให้ เลยได้อัดเรื่องบ้านบ้านกับแพนกับชั้ย และความที่คนเยอะมาก เลยทำให้หัวข้อนี้กลายเป็นหนังไตรภาคไปในบันดล แต่ก็ดี จะได้มีสต๊อคเก็บไว้หลายอาทิตย์ แซวกันว่านี่ถ้าตัดออกกากาศทีจะตอนกว่าจะครบตามชื่อหัวข้อ และออกอากาศอาทิตย์เว้นอาทิตย์ละก้อ เรากับชั้ยสามารถอยู่กันสบายแบบไม่ต้องกังวลไปจนถึงปีใหม่โน่นที่เดียวเชียว ทำเป็นพูดเล่นไป อิชั้นเอาจริงนะฮ้า…

ว่าแล้วก็ขอเม้าท์คุณแพนหน่อย กับคุณกมล ภาพสุดท้ายของแพนในหัวเรา คือ ภาพแพนตอนเรียนปี ๕ จำได้ว่า แพนเป็นหนุ่มผมยาว หล่อ-เท่ห์สุด แก้มแดงน่ารักอีกตะหาก แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอแพน ๑๕ ปี แพนก็เปี๋ยนไปตามกาลเวลา ร่างกายท้วมตามวัย ไว้เคราอีกตะหาก ตอนแรกที่แพนทักเรา เรางี้ดีใจเชียว ที่แพนจำเราได้ ไม่อยากจะเชื่อเลย… แต่พอเราเข้าห้องน้ำ ก็ถึงบางอ้อ ก็เราใส่เสื่อช่างคุยอยู่นี่นา แพนเลยเดาได้ว่าเราเป็นใคร โธ่เอ๊ย…

แต่ที่เด็ดกว่า วันนี่เราเจอพี่ด๊อกเตอร์ พอเราทักพี่ด๊อกเตอร์ ทั้งแพนทั้งพี่ด๊อกเตอร์ก็งงแตกที่เรารู้จักทั้งคู่ เราก็งงๆ อะไรโลกมันจะแคบขนาดนั้น กว่าจะไล่เรียงญาติกันเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อย ว่าแล้วหงษ์เลยมาพ่วงความงงอีกคนนึง คือ แพนกับหงษ์เป็นเพื่อนที่คริสเตียน ส่วนแพนรู้จักกับพี่ด๊อกเตอร์เพราะทำงานวิจัยอะไรซักอย่างด้วยกัน (นั่นดิ ทำเอาเรางงๆ อยู่แป๊ปนึง ก็แพนจบลาดกระบัง แต่พี่ด๊อกเตอร์จบศิลปากรนี่หว่า) ส่วนเรารู้จักทั้ง ๓ หนุ่ม ในวาระต่างๆ กัน แต่ไม่เคยรู้ว่าทั้ง ๓ หนุ่มจะ relate กันได้ และวันนี้ก็เป็นความบังเอิญอย่างมากที่พี่ด๊อกเตอร์นัดฝรั่งและแพนมากินข้าวที่ร้านอาหารของไทปิง เพราะเป็นร้านของแฟนตัวเอง (ไอ้เรารึก็มากินตั้งชาตินึง แต่ไม่ยักรู้ว่าเจ้าของร้านคนสวยจะเป็นแฟนกับพี่ด๊อกเตอร์ได้) ส่วนเรามาหาหงษ์ หงษ์ก็เลยรวบเรามาเจอแพนกะว่าจะอัดรายการเรื่องบ้านบ้าน ว่าแล้วเลยได้ทีคุยเรื่อง 6 degrees of separation กันอีกรอบ เราได้แอบเม้าท์ถึงความเจ้าชู้ของพี่ด๊อกเตอร์เรื่องน้อง ต. ทันทีในวงอาหาร หุหุหุ… ว่าแล้วต้องโทรไปเม้าท์กับคุณน้องถึงโลกใบเล็กอันนี้ซะแล้ว…

Wednesday, May 9, 2007

ขอเบอร์(รองเท้า)หน่อยครับพี่

เราบอกริทซ์ว่าเราจะไปดำน้ำที่พัทยาเร็วๆ นี้ เพราะมีทริปไปทดลองเรือที่อู๊ดแนะนำมา ริทซ์เลยถามเราว่า เราใส่รองเท้าเบอร์อะไร จะได้เอา split fin ของริทซ์มาให้เรายืม เรางี้ปลื้มซะแบบว่ากลั้นยิ้มเกือบไม่อยู่ แหม… คนอะไรน่ารักจริงๆ เลย ^_^ แต่พอคุยไปคุยมา รู้ว่าฟินมันเป็นแบบ full foot เราเลยเผลอด่าไปว่า "นี่แกคิดจริงๆ เหรอว่าเท้าชั้นมันจะเท่าเท้าแก จะบ้าเหร๊อ" ตามด้วย "มีแต่หนุ่มๆ มาขอเบอร์โทรชั้น นี่แกดันมาขอเบอร์รองเท้าชั้น หยามกันชัดๆ เฮอะ" อย่างนี้ต้องหักคะแนนทำโทษ ๕ คะแนน!

Sunday, May 6, 2007

ไปกินกุ้ง

หลังจากเรียกร้องอยากกินกุ้งแม่น้ำมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ไปกิน ร้านอยู่แถวพุฑมณฑลซึ่งเราคงไม่มีทางไปครั้งที่ ๒ เองถูกอย่างแน่นอน กุ้งตัวใหญ่สะใจมาก เรากิน ๑ ตัวเต็มแบบไม่กลัวคอลเลสเตอรอลกระฉูด แต่ที่อร่อยไม่แพ้กัน คือ หมูสะเต๊ะ นุ่มมากๆ เลยซื้อกับบ้านมากินด้วย ได้กินของอร่อยๆ แบบนี้ค่อยรู้สึกดีกับชีวิตหน่อย ก็ทุกวันนี้กินแต่กระเพราะไก่ป้าซึ่งรสชาดพอๆ กับโรงอาหารวิศวะลาดกระบังจนจะอ้วกอยู่แล้ว แบบว่ากินเพื่ออยู่จริงๆ นะนั่น

แต่ที่น่าแปลกใจ คือ เราไปเจอไอ้เจ้าตาล โลกใบเล็กจริงๆ ดูๆ มันก็มีความสุขดี คงจะอยู่ตัวแล้ว หวังว่ามันจะพัฒนาตัวเองได้โดยไม่ต้องให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไชนะ

Wednesday, May 2, 2007

เด็กผีทะเล

พอขับรถออกจากไซท์แป๊ปนึง ยังไม่พ้นตลาด ริทซ์ก็บอกเราว่า ให้ช่วยดูข้างหลังรถปิ๊กอัพของริทซ์ว่า ที่เกาะอยู่ ๒ คน นั่นเป็นเด็กจริงๆ หรือเนผี เรานึกว่ามันอำ ก็พึ่งจะ ๒ ทุ่มเอง จะมีผีเผออะไรกัน แต่พอหันกลับไปมองก็ตกใจ มีมือเล็กๆ ๒ คู่ เกาะอยู่ที่ท้ายรถจริงๆ ด้วย ใจหายวูบเลย เล็งดีๆ ก็เห็นเด็กอายุซัก ๑๐ ขวบ ๒ คน เกาะอยู่ที่ท้ายรถ ที่สำคัญมันตัดผมแกละอีกตะหาก ดูแล้วยังกับกุมารทอง เรานึกในใจ ไอ้เด็กเปรต-เด็กผีทะเลนี่บ้าจริงๆ ทำป้าหัวใจจะวาย กว่าจะตั้งสติได้ รู้ตัวอีกทีก็พบว่ามือข้างนึงของเราเกาะแขนน้องริทซ์อยู่ เอ่อ… อันนี้ป้ากลัวจริงๆ นะค๊า ไม่ได้จะ harassment จริงๆ น๊าฮ๊า… สาบานได้…

Tuesday, May 1, 2007

กรรมกรสาวตัวจริง

พี่ณัฐโทรมาบอกว่า น้ำรั่วที่ออฟฟิส แถมยังรั่วตรงหน้าห้องคุณเบนอีกตะหาก เราเลยต้องแวะไปดูให้ (ไม่น่าบ้านอยู่ใกล้ไซท์เลยตรู) แต่ก็นึกในใจว่า แล้วเราจะทำอะไรได้วะ ผู้รับเหมาหยุดงานหมดแบบนี้ จะให้เราไปวิดน้ำแทนรึงัย แต่พอไปถึงไอ้แจ๊คก็โทรเข้ามือถือเราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงซะใจสุดๆ ว่า "ได้ข่าวว่าพี่ต้องการให้ผมรับใช้ใช่ไม๊ครับ" เรางี้อึ้งไปเลย เออ… จะจำไว้ไอ้แจ๊ค แล้วก้อท่องในใจว่าเอาวะ Each dog has each day! ทีใครก็ทีมัน แล้วเลยระงับใจพูดไปว่า "เออ งั้นต้องรบกวนคุณแจ๊คให้กรุณาส่งคนมาวิดน้ำโดยด่วนด้วยค่ะ" แล้วระหว่างที่รอคนงาน เราก็ปีนขึ้นไปดูบนดาดฟ้าด้วยร้องเท้าแตะแบบคีบอันแสนลื่นของเรา (นี่อิชั้นจะร่วงลงมากระแทกพื้นตายไม๊เนี่ย กลัวความสูงก็กลัว โธ่โว๊ย ทำไมตรูเลือกทำอาชีพนี้วะเนี่ย… รู้งี้ตั้งใจเรียนแล้วออกมาทำดีไซน์ดีกว่า ฮ่วย!) เพราะต้องไปชี้จุดทุบ curb เอาวะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนละกัน แต่ก็ให้งงๆ นะว่า มันทำออฟฟิสกันยังงัยวะ ดันทำ curb รอบดาดฟ้า แต่ดันไม่ทำ drain ซะนิ นี่กะจะขังน้ำฝนไว้ดูเล่นหรือว่าจะทำสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้ารึงัย อย่าให้ใครมารู้เข้าเชียว อายเขาตาย เป็น developer รายหญ่ายแท้ๆ… เฮ้อ…

แล้วรีบตาลีตาลานไปสปาของปุย เป็นการเข้าสปาเป็นครั้งแรกในชีวิต ป้าๆ ก็มากันครบ ขาดแต่หมู เพราะหมูไม่ใช่ชนชั้นกรรมกรเลยไม่ได้หยุดงานเหมือนพวกเรา ว่าแล้วเราก็ลองนวดหน้าดู ตอนนอนรอให้ไข่มุกมันซึมลงหน้า เรารู้สึกสบายจนเผลอหลับไปแป๊ปนึง แต่น่าเสียดายที่เตียงนวดเล็กไปหน่อย (ยังกับเตียงผ่าตัด พูดไปก็เสียวหน่อยๆ) เลยนอนแบบไม่ค่อยสบายใจ เพราะกลัวตกเตียง!