Saturday, March 29, 2008

อย่างนี้เรียกซื้อที่แล้วค่ะ

แจ้บอกให้เรากลับหาดใหญ่ไปช่วยดูที่ เพราะได้ที่ดินน่าสนใจเหมาะกับการทำโครงการเล็กๆ ของธุรกิจครอบครัวเรามาอีก พอไปถึงหาดใหญ่ แจ้ก็ขับรถพาเราไปชะโงกดูที่แปลงนึง (ดูจากในรถ) แล้วก็ชี้ๆ ให้ดูว่า ที่เริ่มจากเสาไฟฟ้าต้นไหนไปถึงต้นไหน แล้วก็ขับต่อ เราก็เห็นด้วยว่าที่แปลงนี้สวย แต่ก็นึกในใจว่า เดี๋ยวรอดูให้เสร็จ แล้วค่อยคุยทีเดียวว่าจะ Approach แปลงไหนเป็นแปลงแรก เรากำลังนึกเพลินๆ แจ้ก็จอดรถบอกว่า ให้ลงมาเจอเจ้าของที่แปลงตะกี้ เราก็งงๆ แล้วก็งงหนักมากขึ้นเมื่อเห็นแจ้ยื่นเช็คค่ามัดจำที่ให้เขา เฮ้ย… คุณพี่ค่ะ อย่างนี้เขาเรียกว่า ซื้อที่แล้วค่ะ ไม่ใช่ดูที่!!! นึกในใจว่า ในที่สุดฝันก็เป็นจริง อิชั้นได้เป็น Developer จริงๆ แล้ว…. แต่ก็เครียด! ฮ่ะ! เครียด! แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าต่อลูกเดียว ไม่อยากคิดเลยว่า ช่วงงานโครงสร้าง อิชั้นจะต้องขึ้น-ลงกรุงเทพฯ บ่อยแค่ไหน… แค่คิดก็เหนื่อยแล้วววววววววว….

Wednesday, March 26, 2008

บังหน้า

พอขับรถเข้าไซท์ปุ๊ป เรารีบมองหานิสสัน เทียน่า อ่า… โชคดีจัง วันนี้พี่อองวินมาแฮะ หุหุหุ… เราเลยได้โอกาสถามเรื่องทัสมาเนียกับพี่อองวินซึ่งหน้า ไม่งั้นต้องคิดอีกหลายตลบว่าควรจะโทรไปถามพี่อองวินหรือป่าว เพราะมันดูจะออกนอกหน้าไปนิดนึง พอเราพูดถึงพี่อองวินขึ้นมา คุณยุทธ์เลยแซวว่า "หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าคุณวินเลย เขาไปธุดงค์แล้วเหรอครับ" เราเลยแจกค้อนตาคุณยุทธ์ไป ๒ อัน แหม… พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ เราก็ไปโบ๊ะหน้ารอประชุมกับคุณพี่น้ำพริกอ่อง อะฮ่ะ…

คราวนี้จังหวะดี เราได้นั่งติดกับพี่อองวิน เพราะตาคุณ ชช. เลือกนั่งอีกข้างนึง มันเลยเหลือข้างพี่อองวินอีก ๑ ที่ เสร็จเรา… รีบพุ่งเข้าไปนั่งทันที ก่อนที่คุณ ชช. จะเปลี่ยนใจ ก่อนประชุมเราถามพี่อองวินว่า เขายุ่งไม๊ หลังประชุมเรามีคำถาม ๒-๓ คำถามจะถามเขา เขาดูงงๆ คุณสุพจน์รีบหันมามองทันที กลัวเราจะหลอกถามเรื่องงานกับพี่อองวินหรืองัยนะ เราต้องรีบพูดว่า ไม่ใช่เรื่องงาน พี่อองวินเลยดูกังวลหนักขึ้นไปอีก อะไรวะ ยังไม่ได้จะขอแต่งงานซะหน่อย

ตอนประชุม คุณสุพจน์แซวเรื่องค่าเหล็กกับงานเพิ่มอีกล่ะ คุณ ชช. ก็บลัฟกลับว่า ก็ไม่เห็นมีเอกสารมาซะที คราวนี้คุณสุพจน์เลยหันมากัดคุณวินว่า เมื่อไหร่จะทำเอกสารซะที ใจดีเกินไปแล้ว (ใครลูกน้อง ใครนายกันแน่วะเนี่ย) คุณวินก็หัวเราะเขินๆ คราวนี้เลยโดนคุณสุพจน์ดุอีกรอบ เราเลยทนไม่ได้ล่ะ มาดุพี่น้ำพริกอ่องของเราได้งัย เลยต้องหันไปพูดเสียงเรียบๆ ว่า "คุณสุพจน์ นี่คุณพูดกับ EVP ของคุณอย่างนี้เหรอ" แกถึงยอมสงบ หนอย…

พอเลิกประชุม คำถามแรกของเรา คือ Have u ever been to Tasmania? คำตอบ คือ No! เราเลยต้องถามคำถามตามแผน ๒ (ดีนะเนี่ยที่แอบคิดเผื่อไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หุหุหุ…) คือ แต่ยังงัยยูก็ต้องตอบคำถามไอให้ได้นะ ก็ยูเป็นออสซี่นิ ว่าแล้วก็ถามคำถามที่พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้วไปเรื่อยเจื้อย ตามด้วยคำถามที่ถามเผื่อปุ๊ก คือ พอจะแนะนำออสเตรเลี่ยนไวน์ได้ไม๊ แล้วแถมว่า "คุณวินจะฝากซื้อก็ได้นะคะ" แต่คุณพี่อองวินตอบว่า "ผมไม่ดื่มครับ เพราะผมถือศีล ๕ No alcohol ครับ" ฮ้าาาาา เคร่งไปไม๊คะ เอ… อย่างนี้ก็มอมเหล้าไม่ได้แล้วซิ สงสัยต้องเปลี่ยนไปใช้แผนยานอนหลับในน้ำส้มแทนซะละ เอ๊ย… ไม่ใช่ ขอโต๊ดดดด ลืมตัวไปหน่อย เอ… แล้วงี้เราจะซื้ออะไรมาฝากพี่อองวินดีล่ะ

ไม่รู้เพราะเราชวนแกคุยเยอะไปหน่อยรึป่าว แกเลยจะให้เราช่วยขายที่ของแม่บุญธรรมที่สุขุมวิท ๑๓ ให้ เสียดายที่ที่ดินเล็กไปหน่อยแค่ ๒๐๐ วานิดๆ จะขึ้นคอนโดฯ คงลำบากมาก เอ๋คงไม่เอา และพลัสฯ ก็คงไม่อยากได้ แต่ไม่เป็นไร ไว้เราจะลองปรึกษานกดู เพื่อพี่อองวิน หนูจะกระทำอย่างสุดความสามารถค่ะ!!!ก่อนแยกย้ายกัน เราถามพี่อองวินว่า สงกรานต์ไปเที่ยวไหน พี่น้ำพริกอ่องบอกว่า ไปจิ่วจ้ายโกว แหม… อยากไปด้วยจัง แต่ไม่กล้าถามต่อว่าไปกับครอบครัวเหรอ กลัวได้คำตอบปวดหัวใจ พอเราเล่าให้ฟังว่า ที่จริงเราอยากไปจิ่วจ้ายโก่วเหมือนกัน แต่คงไม่มีโอกาสได้ไปแล้ว เพราะป๊ากับหมะหนีไปเที่ยวกันแล้วไม่ยอมชวนเรา เราเลยไม่ได้ไป พี่อองวินพูดยิ้มๆ ว่า "Probably, they don't want to take a naughty girl with them." ทำเอาเราอึ้งไปเล็กน้อย แหม… เขินจัง… ในความเป็นจริงอิชั้นไม่ได้เด็กขนาดนั้นนะคะ แต่เราก็ยังไม่ลืมที่จะพูดปิดการสนทนาว่า "จบไซท์แล้ว ตกลงจะมีจัดทัวร์ไปไหว้พระที่ย่างกุ้งอยู่หรือป่าวคะ" พี่อองวินหัวเราะเขินๆ แล้วพูดว่า "อืม…" แล้วก็เดินไป เอ… แล้วตกลงจะได้ไปไหว้พระด้วยกันไม๊ละเนี่ย ไม่ได้ชาตินี้ ขอชาติหน้าก็ได้ค่ะ!

Tuesday, March 25, 2008

ได้ฤกษ์ไปขอวีซ่า

ในที่สุดเราก็ได้ฤกษ์ไปยื่นวีซ่า ปรากฎว่า ทางสถานฑูตฯ บอกว่า เอกสารการเงินของเรา, ปุ๊ก และแม่ ต้องใช้บุ๊คแบงค์ฉบับจริงด้วย ดีที่เรามีบุ๊คคาอยู่ในซอง เลยยื่นให้เขาไปก่อน พอออกมาจากสถานฑูตฯ ก็รีบโทรบอกปุ๊ก ก็คุยกันไปนิดนึง

พอเรากลับมาถึงออฟฟิส ก็เข้านิจบอร์ดเช็คพอร์ทหุ้นพันล้านของเรา เอ๊ย ไม่ใช่ เช็คข่าวป้าๆ ตะหาก ก็เจอปุ๊กมาโพสต์แบบหาเรื่องปั่นบอร์ดว่า มีเรื่องฟามรักจะปรึกษาเรา ให้เรารีบ msn ไปหาด่วน เราเลยต้องรีบ log on สงสัยเรื่องเอกสารที่คุยกันตะกี้มีเปลี่ยนวะ พอ on line ปุ๊ป หมู msn มาแซวทันทีว่า เราติดกับปุ๊ก เรางี้นึกในใจ บ้าจริง นี่ภาพพจน์เราแย่ขนาดนี้เลยหรือนี่ เลยต้องรีบเฉลย และขอตัวไปคุยกับปุ๊ก อิชั้นแชท ๒ หน้าต่างไม่ทันอ่ะ แล้วนี่ก็เวลางานเต็มๆ ซะด้วย เดี๋ยวโดนด่า พอคุยเรื่องวีซ่าเสร็จ ก็มาเรื่องที่พัก ปุ๊กไม่ค่อยแน่ใจว่า ที่เขาเขียนว่า with Kitchenette จะมีเตาให้ด้วยด้วยรึป่าว เพราะมันไม่โชว์รูปเตา เราเลยได้ทีขันอาสาจะไปถามพี่อองวินให้พรุ่งนี้ โฮะๆๆ มีเรื่องไปคุยด้วยแล้ว…

Friday, March 21, 2008

Good Friday

เมื่อก่อนทำงานไม่เคยสนใจวันพวกนี้ แต่พอมาทำงานที่เดี่ยวข้องกับโรงแรม ๕ ดาว วันพวกนี้กลับมีความสำคัญขึ้นมาทันที เพราะเราจะโดนสั่งให้ทำงานก่อสร้างด้วยความสงบ (เอ่อ ก่อสร้างนะคะ ไม่ได้เล่นหมากเก็บ) เนื่องจากเป็นช่วงแขกเต็มโรงแรม ตอนแรกเราตั้งใจจะไปขอวีซ่าวันนี้ แต่พอรู้ว่าวันนี้เป็น Good Friday เลยเอ๊ะใจเช็คกับเวบ ถึงรู้ว่า วันนี้สถานฑูตฯ ปิดทำการ ฮ้า... เจ๋งจริงๆ เลยเรา

ตอนเย็นมีกินเลี้ยงครั้งแรกโดยผู้รับเหมางานเสาเข็มเจาะของโครงการ ก็ทำงานกันมาเกือบ ๕ เดือน เราไม่เคยเอ่ยปากให้พาไปเลี้ยง (อันนี้ไม่นับที่เขาไปตีกอลฟ์กันหลายครั้งแล้วอ่ะนะ) จนคุณสุพจน์ทนไม่ได้มาบอกเราว่า ขอเลี้ยงซักทีเถอะ งบเอ็นเทอร์เทอร์ส่วนนี้ไม่ได้ใช้เลย จนเขาโดนลูกพี่ต่อว่าแล้ว เลยตกลงไปเลี้ยงกันที่ “ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ” เพราะมันอยู่แถวไซท์ แต่ตา ปส. ไม่ไป เพราะบอกว่า ผิดจริยธรรม แล้วก็ห้ามลูกน้องไปทุกคน แต่อิชั้นมันเป็นคนไร้จริยธรรม เลยบังคับลูกน้องไปครบถ้วนทุกคน ฮ้า... แล้วก็ชวนโอนเนอร์ไปด้วยตามมารยาท โดยต่อท้ายว่า “ให้สั่งไฮนาเก้นรอเลยไม๊คะ” ตา ชช. หันมาทำหน้าดุพูดว่า “ใครบอกให้สั่งเบียร์” เรางี้อึ้งไปเล็กน้อย ก็ทุกทีเห็นพี่ณัฐ กับคุณ ชช. และคุณ ปภ. โซ๊ยเบียร์กันทุกวันศุกร์ชนิดเด็กๆ เราวิ่งไปหน้าปากซอยซื้อเบียร์ให้ไม่ทัน(ใจ)เลยนี่นา แล้วคุณ ชช. ก็ทำหน้าตายพูดต่อว่า “สั่งไวน์ดิ” เราเลยแซวกลับว่า “ไม่มี อันนี้ผิดจริยธรรม” เขาก็ขำกันใหญ่ สรุปว่างานนี้หมดไวน์ไปลายขวด ผิดจริยธรรมถ้วนหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน

Sunday, March 16, 2008

บาป

เช้ามาแม่หมูบอกว่า “เก๋ก็ดูนอนปกติดีนิ” ฮ้า... เรานึกในใจ อ้าว… บาปเลยกรู ไปอำคนแก่ซะจนเขาเป็นกังวล แต่แม่ก็ดูกระชับกระเชงดี เพราะยังลุกมานึ่งขนมจีบให้กิน แหม... บ้านก็ฟรี-อาหารเช้าก็ฟรี ดีกว่าโรงแรม ๕ ดาวอีกนะเนี่ย… หุหุหุ...

ขากลับไปแวะโรงแรมที่ หห. พัก จริงๆ มันชื่อ อลีลา (Alila) แต่ความที่ หห. ออกเสียงว่า “อะลี้ลารรรรรรร์” ทุกครั้งที่พูดถึงชื่อโรงแรม เลยทำให้ทุกคนพร้อมใจกันเรียกโรงแรมนี่ว่า “อะลี้ลารรรรรรร์” ไม่เว้นแม้แต่แม่ปุ๊ก! โรงแรมนี้ออกแนวโมเดิร์น ออกแบบโดยพี่ด้วงของน้องอุ้ม ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นที่ถูกใจของป้าปุ๊กมากกว่าโรงแรมที่กิ๊กเราออกแบบ เพราะชมไม่หยุดและถ่ายรูปอย่างเมามัน แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับกรุงเทพฯแต่เหมือนชะตาเราไม่ยอมพลัดพรากจากกัน หมูเลี้ยวผิดเลยไม่ได้ไปออกเส้นเฉลิมพระเกียรติ์เหมือนตอนขาแม่ แล้วเลยออกมุขแก้เขินโดยการเสนอให้ไปกินกันที่ “ชวัล” แทน เพราะเป็นเส้นทางผ่าน เรากับเก๋เลยได้กินกุ้งแม่น้ำกันคนละตัวชนิดไม่กลัวคอเลสเตอรอลจุกเส้นเลือดตาย เพราะ ๒ วันมานี้ซัดปูไปคนละ ๒ ตัวแล้ว กินเสร็จถึงได้กลับบ้านจริงๆ ซึ่งก็ปาเข้าไปหลายทุ่ม จนเราแซวหมูว่า เดี๋ยวถึงบ้านพี่ชายคงแซวแม่ว่า คงจะเที่ยวสนุกซะจริงๆ จนกลับบ้านค่ำมืดเลยนะเนี่ย... แต่ที่เรากังวล คือ ปูที่อยู่ท้ายรถวะ เพราะมันอยู่ในถุงตั้งแต่เช้า แถมเรายังผูกปากถุงไว้อีก (กลัวกลิ่นปูกระจาย) ไม่รู้มันจะรอดไปถึงบ้านหมูรึป่าว มาเที่ยวคราวนี้ ทำบาปหลายข้อจริงๆ -_-“

Saturday, March 15, 2008

หัวหินอีกครั้ง

ความที่หมูบ่นอยากไปหัวหินขึ้นมา เลยทำให้ป้าๆ ทั้หลายออกอาการอยากไปหัวหินขึ้นมา อาทิตย์ก่อนเราเลยนัดกับปุ๊กไปเดินงานไทยเที่ยวไทยหาที่พักหรูราคาถูกแถวหัวหิน (ป้าแก่แล้ว อยู่ที่พักไม่ดีไม่ได้) เดินซะจนเหนื่อยแต่ก็ไม่มีที่พักที่ถูกใจในเวลาที่เราอยากได้ กำลังหมดหวังอยู่พอดี หมูก็ message มาว่า ไม่ต้องหาที่พักแล้ว เพราะแม่ไปขอคอนโดพี่ชายได้แล้ว เราก็พูดขำๆ กับปุ๊กว่า “อย่างนี้นิจก็ไม่ไปอะดิ เพราะพวกเราไม่ได้พักโรงแรม ๕ ดาว มันจะผิดจุดประสงค์การท่องเที่ยวของนิจ” ใครจะไปรู้ว่า เราพูดถูก นิจไม่ไปจริงๆ ด้วย งานนี้เลยมีหมูและแม่, ปุ๊กและแม่ และ เราและเก๋ (ดูเป็นคู่ๆ ดีไม๊???) ไปหัวหินกัน คราวนี้ออกรถ ๒ คัน เราไปกับหมู เพราะขากลับจะได้ขัยรถกลับบ้าน ไม่ต้องนั่งแท๊กซี่ แต่ความที่เราไปถึงช้า หมูกับแม่เลยชมคอนโดเก๋ซะเพลิน เลยล้อหมุนจากโปรแกรมช้าไปหน่อย

คอนโดพี่ชายหมูมี ๒ ห้องนอน วิวดีมาก เพราะหันหน้าไปทะเล หันซ้ายไปเป็นโรงแรมเชอราตันกับโครงการจัดสรรที่มีพี่บอลเป็นพรีเซ็นเตอร์ ดูสวยงาม-ไม่ขัดลูกตา สระว่ายน้ำก็ใหญ๊ใหญ่ สรุปว่าน่าอยู่เป็นที่สุด และก็ตามฟอร์ม มาถึงบ่ายๆ อย่างนี้ ทุกคนหามุมสงบนอนกันใหญ่ พอเย็นๆ ก็ออกไปเดินชาดหาด เจอผู้ชายวัย ๓๐ คนนึง กำลังยืนคุมสาวๆ ขุดหาหอยเสียบอยู่ แม่ปุ๊กก็ไปชวนคุย คุยไปคุยมา เขาก็ชวนให้พวกเราไปกินข้าวที่ร้านเขา โดยเขาจะให้ส่วนลด เพราะ “ที่ให้ได้ เพราะผมเป็น Share Holder ครับ” เราฟังแล้วตะลึงตึงๆ ไปเลย โอ้ว!!! คุณน้องเป็นถึง “Share Holder” เลยเหรอคะ ใช้คำไม่ธรรมดานะคะเนี่ย เก๋เลยมาสะกิดเราว่าให้จีบตาคนนี้ เพราะเขาเป็นถึง “Share Holder” เราเลยต้องอบรมมันไปว่า นี่ชั้นไม่ได้ Desperate ขนาดต้องมาเก็บผู้ชายตามชายหาดนะยะ ถึงมันจะเป็น “Share Holder” ก็เถอะ! และที่สำคัญ ชั้นอยากได้สามีมีคุณภาพนะ มันต้องคัดสรรกันหน่อย (ยังสวยเลือกได้อยู่ หุหุหุ...) ไม่ใช่มาหาเก็บเอาตามชายหาด หรือถนนข้างทาง!

แล้วก็ออกไปกินข้าวเย็น เรากับปุ๊กเลือกร้านปูเป็นเหมือนคราวที่แล้ว เพราะปูสดดี และที่สำคัญ มันไม่พลุกพล่านน่าเวียนหัวเหมือนร้านมาดามกรีน (เจ๊เขียว เวอร์ชั้นอินเตอร์ฯ) โดยมี หห. และคุณสามีตามมาสบทบด้วย แต่มีข้อแม้ว่า เราห้ามพูดถึงพี่โก๊ะโกะเด็ดขาด ฟังแล้วอยากไล่มันกลับไปเลย แล้วจะมาเจอกันทำไมละฟระ เฮอะ! ก็คุยๆ เฮฮากันใหญ่ตามระเบียบ ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าวีรกรรมของเก๋ โดยเฉพาะเรื่องมันนอนละเมอ และแถมขู่แม่หมูว่า ให้ระวังตัวให้ดี เพราะคืนนี้ต้องนอนห้องเดียวกับเก๋ ตามด้วยพฤติกรรมเกี่ยวกับอาหารการกินของเก๋ จนแม่หมูต้องสะกิดๆ ว่าพอได้แล้ว สงสารเก๋ แต่เราก็มิได้นำพา ๕๕๕... ยังคงร่วมกับป้าๆ แซวเก๋ต่อไปอย่างเมามัน จนสมควรแก่เวลาถึงได้กลับที่พัก

Thursday, March 13, 2008

โลกกลม

เราได้ Forward mail เรื่อง “จกโต๊ะเดียว” มานานแล้ว แล้วพอจู่ๆ พี่ณัฐถามเราว่า แฟนเขาจองโต๊ะได้ เราจะไปกินด้วยไม๊ เรารีบรับคำทันที เพราะเฮียจกทำอาหารแบบโต๊ะจีน และความที่มีแค่โต๊ะเดียว คนที่จะกินเลยต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ (เมนูเลือกไม่ได้อีกตะหาก) เราจะไปหาเพื่อนกินมาจากไหนตั้ง ๑๐ คน แถมยังไม่มีสิทธิ์เลือกวันกินอีก ป้าๆ แต่ะละคนถึงแม้จะยังไม่มีลูก-ผัว แต่ก็ไม่ได้จะนัดกันพร้อมหน้าพร้อมตาได้ง่ายๆ โอกาสนี้จึงพลาดไม่ได้แล้ว

ในบรรดาเพื่อนพี่ณัฐที่ไปกินด้วยกันเป็นแก๊งค์ดำน้ำทั้งหมด และมีอยู่คนนึงเป็นหญิงสาวร่างเล็ก-ผมยาวชื่อ คุณอ้อย มีอาชีพเป็นพยาบาล เรานั่งติดกับคุณอ้อยเลย แต่ความที่อาหารอร่อย และจุดประสงค์ของเรา คือ การมากิน เราก็ตั้งหน้าตั้งตากินเอาๆ (ปล. เมนูปลาหิมะอร่อยมากๆ ส่วนเมนูแพงบาดใจ คือ ปูนึ่ง ๔ ตัว ๔,๐๐๐ บาท แต่ก็ยังถูกเมื่อเทียบกับกุ้งแม่น้ำที่เรากับป้าๆ ไปกินกัน เพราะนั้น ๔ ตัว ๑,๘๐๐ บาท) แม้ว่าคุณอ้อยจะพยายามพูดกับเราหลายครั้งว่า เรากับคุณอ้อยเคยเจอหน้ากันมาก่อน เราก็หันไปตอบว่า “เราก็เจอกันที่งานปีใหม่บ้านพี่ณัฐเมื่อต้นปีงัยคะ” แล้วก็กินต่อ พอกลับมาบ้าน สติเราก็เริ่มมา เราเริ่มคุ้นๆ กับคุณอ้อยวะ นึกไปนึกมา ก็เริ่มมั่นใจว่า เราเคยเจอคุณอ้อยมาก่อนหน้านี้จริงๆ เพราะเธอคือ คุณอ้อยแฟนคุณอาร์ท ที่เคยไปดำน้ำที่หินแดง-หินม่วงด้วยกันมาก่อน

วันนี้เราก็รีบตอกย้ำความมั่นใจนี้โดยการถามพี่ณัฐว่า คุณอ้อยนี่ใช่มีแฟนชื่ออาร์ทรึป่าว พี่ณัฐชะงักไปนิดนึงแล้วพูดว่า เขาเลิกกันนานแล้ว ตอนนั้นคุณอ้อยเสียใจซะแทบแย่ เราเลยนึกดีใจที่ตอนนั้นไม่มีมารยาท ขืนมีมารยาทถามกลับไปว่า แล้วคุณอาร์ทเป็นงัยบ้างคะ งานคงกร่อยแย่...