Sunday, February 25, 2007

ไปตรวจบ้านกับหมู

หมูชวนไปตรวจบ้าน ตอนแรกเราฟังหมูพูดนึกจินตนาการไปใหญ่โตว่า บ้านคงเละมาก แต่พอไปถึงบ้านก็ดูเรียบร้อยดี (หรือภาพทาวน์เฮ้าส์พลัสมันหลอกหลอนเราจนโครงการไหนก็ดูดีไปหมดฟ่ะ) เราให้หมูเอาปิงปองมาลองกลิ้งดูด้วย (โหดจริงๆ หุหุหุ…) พื้นมันก็โอเค แต่พ่อกับแม่หมูดูยังไม่ค่อยชอบใจกับบ้านนัก (สงสัยเป็นเพราะเมื่อก่อนพ่อหมูทำรับเหมาก่อสร้าง คงทนไม่ค่อยได้ที่ช่างสมัยนี้ทำงานลวกๆ) แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก พวกเราเลยดูกันไม่นานก็เสร็จ หมูมาแอบกระซิบบอกเราทีหลังว่า พ่อหมูบอกว่าเรามาแนวมารยาทงาม เพราะมาแนวให้กำลังใจหมูว่าซื้อบ้านดี-สวยงามแล้ว อ้าว… เป็นงัยไป เราเลยนึกในใจว่า นี่ถ้าพ่อหมูมาเห็นทาวน์เฮ้าส์ของพลัส คงจะนึกสงสัยว่าผู้รับเหมามันใช้เท้าซ้ายหรือเท้าขวาทำงานกันแน่แน่ๆ เลย… -_-"

Saturday, February 24, 2007

รายงานตัวค่ะ

หลังจากที่รายการ "ช่างคุยกับสถาปนิก" โดนเรารวบอำนาจ (ท่ามกลางความดีใจของชั้ยกับต๊ะ) เปลี่ยนชื่อเป็น "เรื่องบ้านบ้าน" (นี่ถ้าไม่เกรงใจจะเปลี่ยนเป็น "บ้านน้อยคอยรัก" หรือไม่ก็ "เรือนรักเรือนทาส" แล้วนะเนี่ย…) ก็ยังไม่มีรายการออกมาซักกะที เราเลยเกรงใจไปช่วยหงษ์ทำ "เรียนเมืองนอก" แก้ขัดไปก่อน ว่าแล้วก็นำเสนอคนใกล้ตัว คือ ดอนละออ คุยกันไปชั่วโมงกว่าๆ ตอนเรียนหมูพูดแบบเรียบๆ มาก แต่พอตอนเที่ยวงี้ น้ำเสียงกระตือรือร้นเชียว เราเลยขำๆ นึกในใจว่า หมูนี่มันเด็กจริงๆ ; )

นกเอาหนังสือชื่อ Go Training มาประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นหนังสือแนวมีสาระ (ก็ตามชื่อหนังสือนั่นแหละ) ในขณะที่เราคิดว่านกจะทำหนังสือเกี่ยวกับอาหารซะอีก นกเลยยิ้มเขินๆ ว่า อันนั้นอยากทำมาก แต่ยังไม่มีสปอนเซอร์ แต่ได้ทำอันนี้ก็ชอบเหมือนกัน เราเลยนึกทึ่งในใจว่า นกนี่มันไฟไม่มอดเลยนะ ขนาดเป็นแม่บ้าน Full Time ยังหาโน้นนี่ทำตลอด และยังมี "ฝัน" ซะด้วย ที่สำคัญ ฝันเป็นจริงอีกตะหาก ถ้าเป็นเรา คงเป็นป้าแก่ๆ ที่วันๆ มีแต่เรื่องลูกและสามีเท่านั้นแน่ๆ เลย -_-"

Friday, February 23, 2007

ใจไม่ด้านพอ...

เราได้ทำตามที่นกบอกแล้วว่า ให้ลองหารูปคุณสตีเฟนจาก Company Profile ใน Internet ดู เพราะบริษัทเขาเป็นมหาชน ต้องเปิดเผยข้อมูลอยู่แล้ว แต่เราหาแทบตาย ก็ไม่มี คงเป็นเพราะตำแหน่งเฮียอาจจะใหญ่ไม่พอ และอาจจะคุมแค่ ๑ โครงการ เลยไม่ได้ขึ้นรูป พอคุณน้องชวนกินข้าว เราเลยได้ทีปรึกษาเรื่องนี้ เพราะคุณน้องคิดมุขเรื่องนี้ได้เก่งมาก และแล้วก็ไม่ผิดหวัง คุณน้องบอกว่าให้เราทำเป็นโทรไปขอ email address คุณแม่ เอ๊ย คุณป้าจากคุณสตีเฟน โดยอ้างว่าเราจะไปเที่ยวอเมริกา แล้วอยากจะเจอคุณป้า แต่พอดีวันก่อนลืมขอ email ของคุณป้าไว้ แล้วถ้าเฮียคุยดี ก็นัดเจอเลย แต่ถ้าเฮียทำท่างงๆ ก็ email ไปปรึกษากับคุณป้า ถ้าจะให้ดีก็ขอรูปมาดูซะด้วยเลย จะได้ตัดสินใจกันไปเลย ที่สำคัญคุณป้าก็เปิดทางสะดวกอยู่แล้วด้วย แถมแนะนำให้โทรวันเสาร์อีกตะหาก เพราะเป็นวันที่ผู้รับเหมาจะไม่ยุ่งมาก จะได้มีเวลาคุยกัน

สรุปว่าตอนนี้ก็เหลือแค่ ทำใจให้ด้าน เอ๊ย กล้าพอที่จะโทรไปหาคุณสตีเฟน… อืม…

Thursday, February 22, 2007

ทีมงานคุณภาพ

วันนี้เป็นการประชุมโครงการครั้งแรกของเรา เลยได้เจอทีมงานคุณภาพของโครงการเป็นครั้งแรก เราถึงรู้ว่าโลกนี้มีประชากรเกย์มากกว่าที่เราคิดมาก เริ่มจากคู่ดูโอหนุ่มสถาปนิกและ Interior Designer - พี่รอสและน้องพอล(ลาร์) ที่พูดไปค้อนไปตลอดเวลา โดยเฉพาะนังพอล พูดไปก็พลางเชิดใส่เราไปพลาง (แต่เราก็แอบเห็นว่า มันจ้องน้องริทซ์ตลอด หนอย…) ตามด้วยวิศกรโครงสร้าง - พี่จอน ซึ่งถึงแม้จะใส่แหวนที่นิ้วนางซ้ายแล้ว แต่ใครล่ะจะแน่ใจได้ว่า แหวนนั่นเฮียได้มาจากหญิงสาวหรือชายหนุ่มกันแน่ เพราะมือไม้เฮียก็แพรวพราวใช้ได้ ส่วน Interior Designer เฉพาะกิจอีกคน คือ โจ ซึ่งเคยช่วยเราทำโครงการที่ภูเก็ต (โลกกลม หรือโลกใบเล็กจริงๆ นะเนี่ย) ที่ใครๆ ก็แอบสงสัยในตัวน้องโจกันทั้งน้าน (ซึ่งเราจะต้องไปเม้าท์ต่อกับคุณน้องแน่นอน) ตกลงเกย์มันจะครองโลกรึงัยเนี่ย… เลยทำให้ทีมงานโครงการมีหนุ่มจริงๆ แค่หนุ่มเดียว (ไม่นับฝั่งเรากับ Owner) คือ QS ของโครงการ เป็นอาตี๋จากฮ่องกงท่าทางนิสัยดี ชื่อ Edward (Scissors Hand)

ส่วนหญิงสาวจะมี ๓ สาว สาวแรกจัดเป็นสาวใหญ่ เพราะอายุน้อยกว่าเราซัก ๒-๓ ปีเท่านั้น ชีเป็นวิศวกรเครื่องกล ชื่อ คุณ ศ. ดูท่าทางเก่งทีเดียว (พี่ณัฐชมให้ฟังบ่อยๆ ) ส่วนอีกสาวเป็น Landscape Designer ชื่อ คุณมิถุนายน ขาว-หน้าตาดี-หุ่นดี และก็มั่นใช้ได้เลย ส่วนสุดท้ายเป็นสาวน้อยหน้าใส ที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นป้ามากๆ ชื่อ น้องแป้ง หน้าตาน่ารัก-น่าเอ็นดู น้องแป้ง เป็น Lighting Designer ที่เรามั่นใจได้ว่า ผู้รับเหมาคงให้ Priority กับงานไฟเป็นลำดับที่ ๑ ตามด้วยงานสวน หึหึหึ…

ในฝั่งเจ้าของโครงการจากฮ่องกงมีคุณเบนเป็นผู้นำทีม นิสัยดี สุภาพ-อ่อนโยน พูดภาษาอังกฤษสำเนียงดีสุดๆ ไม่มีหลุด "la" ออกมาเหมือนคุณเฉินของทีซีซีเลย แต่น่าเสียดายที่คุณเบนแต่งงานแล้ว (ป้าเซ็งเลยงานนี้) คุณเบนมีผู้ช่วย ๒ คน คือ คุณพี่วิลสัน กับคุณพี่สแตนลีย์ เป็นคนฮ่องกงที่นิสัยสุภาพมาก ทำให้เรารู้สึกดีกับคนฮ่องกงมาก เป็น Owner มี่มีเหตุผลและเข้าใจถึง Nature ของงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในช่วงการก่อสร้าง Showflat มากๆ ทำงานด้วยแล้วสบายใจ ส่วนคนไทยที่เป็น ผจก. โครงการ ชื่อ คุณ ชช. ซึ่งมีนิสัยสมกับที่ทำงานด้าน Cost Plan มานาน เพราะขี้เหนียวมากๆ คุณ ชช. มีผู้ช่วยอาวุโส ๑ คน ชื่อ คุณ พพ. เป็นวิศวกรเครื่องกล ที่มีอะไรบางอย่างในตัวของเฮียที่เรารู้สึกว่าคล้ายพี่ พส. - เกย์เฒ่า แต่เอ… สงสัยเราจะคิดมากไป คงเป็นเพราะรูปร่างที่คล้ายกันและวัยที่ใกล้กันละมั๊ง…

ส่วนในด้านการคุมงาน ทีมงานก็มีคุณภาพไม่น้อยหน้ากว่ากัน คนแรก คือ พี่มาก (มาร์ค) ซึ่งเป็น Resident Interior Designer เฮียเป็นฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยนาน มีบ้านที่เชียงใหม่อีกตะหาก ต้องบินกลับบ้านบ่อยๆ และมีลีลาการสะบัดมือไม่น้อยไปกว่า ๒ หนุ่มสาว (รอสแอนด์พอล) นั่นหรอก ส่วนอีกคน คือ พี่ ท. เป็นวิศวกรหนุ่มไทย ที่ถ้าใครถามคำถามเฮียอะไรซักอย่างนึง เฮียจะร่ายประวัติมายาวยืด ประมาณว่า ถ้าเราถามเกี่ยวกับยุคสมัยรัชกาลที่ ๗ เฮียจะร่ายมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรฯ กู้กรุงศรีอยุธยานั่นทีเดียวเชียว เฮ้อ… คุณพี่ขา น้องไม่มีเวลาฟังค่ะ ขอแบบ Ex-sum ได้ไม๊คะ ซึ่งเราต้องดีลกับอีตานี้ตลอด คาดว่าจะต้องมีการระเบิดเกิดขึ้นแน่นอน ตรูจะนับได้ถึง ๑๐๐ ไม๊เนี่ย… เห็นไม๊ละว่าทีมงานแต่ละคนมีคุณภาพขนาดไหน อืม… ท่าทางโครงการนี้จะสนุกนะเนี่ย…

Sunday, February 18, 2007

Hard sell?

หญิงโทรมาบอกว่า ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มีระเบิดใหญ่อีกแล้ว เราเลยรีบเปิดดูข่าว แล้วโทรกลับบ้าน การณ์กลายเป็นว่า จังหวัดที่โดนหนักสุด คือ ปัตตานี เพราะโดนปล้นเมืองอีกแล้ว แต่ทางการปิดข่าวว่าแค่ไฟดับเท่านั้น แต่จริงๆ มีปาระเบิดและวางเพลิงด้วย แต่ที่น่าตกใจก็คือ ที่ไฟดับ เพราะสถานีไฟฟ้าถูกวางระเบิด และไอ้เจ้าสถานีไฟฟ้านี้ก็ดันอยู่ตรงข้ามกับโรงงานของอี๊ เทียนบอกว่า มีรอยสะเก็ดระเบิดด้วย เดชะบุญที่มันไม่ระเบิดโรงงานอี๊ เราไม่อยากนึกภาพโรงงานอัดก๊าซออกซิเจนระเบิดเลย คงน่ากลัวมากๆ และเป็นของคนใกล้ตัวเราอีกตะหาก แล้วเราก็โทรไปหาเกี๊ยก ซึ่งก็โชคดีที่โรงงานน้ำแข็งไม่โดนอะไร แต่ที่ทำให้เราอึ้งไป ๕ วินาที ก็คือ เกี๊ยกพูดกับเราด้วยน้ำเสียงเอ็นดูสุดๆ ว่า "แล้วอย่าลืมโทรไปหาที่บ้านที่ยะลาด้วยนะ" ฮ้า… นี่คิดว่าอิชั้นโทรหาคุณพี่ก่อนบุพการีหรือเนี่ย หรือว่าหมู่นี้เรา Hard Sell มากไปหน่อยฟะ??? เลยทำให้เฮียคิดแบบนั้น เราเลยตอบเสียงเรียบๆ ว่า "โทรหาหมะแล้วค่ะ แล้วถึงโทรหาเกี๊ยก" แล้วเลยวางหูแบบว่างงๆ ไปเลย เฮ้อ… แล้วเลยตั้งใจว่า คงต้องโทรหาเกี๊ยกให้น้อยลงแล้วล่ะ ถอยออกมาซัก ๒ Step น่าจะดีกว่านะ…

Saturday, February 17, 2007

Music & Lyrics

หญิงโทรมาชวนไปดูหนัง ตอนแรกตั้งใจจะไปดูนเรศวรเพื่อชาติกัน แต่คนเยอะมากๆ เลยเปลี่ยนไปดู Music & Lyrics แทน เพราะเป็นแนว Romantic Comedy จะได้คลายเครียดกัน และทั้งพระเอกและนางเอกก็เป็นที่ชื่นชอบของเรา คือ ฮิวจ์ แกรนท์ และดริว แบรี่มอร์ ก็น่ารักใสๆ ตามประสา แต่ที่ทำให้เรารู้สึกแก่มากๆ ก็คือว่า ในเรื่องพี่ฮิวจ์เป็นศิลปิน (นักร้อง) ที่หมดยุคแล้ว เฮียเคยดังตอนยุค 80's ซึ่งเป็นช่วงที่นักร้องชายแต่งตัวแหว๋วๆ เต้นสะบัดก้นสุดๆ ประมาณว่าสะโพกจะต้องคลากกันไปข้างนึง เลยชวนให้เรานึกถึงพี่จอร์จ ไมเคิล สมัยเราอยู่ ม. ๔ เป็นอย่างมาก (คาดว่าพี่จอร์จคงอยากเผา Music VDO สมัยนั้นของเฮียให้หมด) แถมในเรื่องมีการพูดถึงพวกนักร้องเคยดังหลายคน เราดันรู้จักหมดเลย เฮ้อ… อย่างนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกแก่ยังงัยไหว… ส่วนในแง่การแสดง ทั้ง ๒ คนก็เล่นได้ดีทั้งคู่แหละ ก็แหม หนังเข้าทางซะขนาดนั้น เราว่าตอนเขียนบท คนเขียนคงนึกถึง ๒ คนนี้อยู่เป็นแน่ และหนังก็จบแบบ happy ending ตามประสา ซึ่งก็สร้างความชุ่มชื่นใจเล็กๆ ให้กับป้าอย่างเรามีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป…

Friday, February 16, 2007

ละอ่อนน้อยหน้าตาน่ารัก-น่ากิน

วันนี้เป็นวันที่เราไปเริ่มทำงานที่ไซท์งานใหม่เป็นวันแรก ไซท์ออฟฟิสโคตรโทรมเลย สกปรกหน่อยๆ อีกตะหาก แต่ก็ยังดีที่ห้องน้ำสะอาด และก็โชคดีว่า เขาจะย้ายไปไซท์ออฟฟิสที่พึ่งสร้างเร็จใหม่อาทิตย์หน้า พี่ณัฐก็แนะนำเราให้รู้จักทีมงาน และแล้วพระเจ้าก็เข้าข้าง เพราะในจำนวนนั้นมีละอ่อนน้อยหน้าตาน่ารัก-น่ากินอยู่คนนึง ซึ่งมีนามอันไพเราะเสนาะหูว่า Ritz แหม… ช่างเป็น Ritz Biscuit ที่น่ากินจริงๆ เลย… แบบเนี้ยค่อยมีกำลังใจทำงานขึ้นหน่อย หุหุหุ…

Thursday, February 15, 2007

ร่ำลา

พี่แอน(โธนี) - Marketing Director เบี้ยวกุหลาบเราทั้งๆ ที่เมื่อวานสัญญาว่าจะให้กุหลาบเราเป็นการอำลา ไอ้เราก็นึกข่อนขอดอยู่ในใจว่า แหมให้ดอกกุหลาบหลังวันวาเลนไทน์เนี่ยมันไม่ขี้เหนียวไปหน่อยเรอะ สมกับเป็นหนุ่มอังกฤษจริงๆ แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลยอีกตะหาก เฮ้อ… พี่แอนนะพี่แอน เสียแรงที่เราโหวตให้เป็นผู้ชายที่น่าสนใจที่สุดใน Barama Bay

ส่วนพี่จอห์น - Marina Director ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าให้เรากลับมาภูเก็ตอีกให้ได้ แต่เรานึกสังหรณ์ในใจว่าท่าจะยาก เพราะจริงๆ เราก็ใกล้ถึงจุดวิกฤต(ทางจิต)เข้าไปทุกที ไปเจอเพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ บ้างจะดีกว่า อีกอย่างก็นึกถึงคอนโดฯ ด้วย อุตส่าห์ลงทุนตกแต่งไปหลายแสน ขอใช้บริการหน่อยเถอะ แต่จะว่าไป เราคงคิดถึงจอห์นมากใคร เพราะจอห์นเป็นคนใจดีมากๆ และเข้าใจเนื้องาน รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่ต้องให้เราปวดหัวอธิบาย แถมอยู่เมืองไทยนานซะจนจะกลายเป็นคนไทยไปแล้ว ก็เวลาจอห์นรับโทรศัพท์ลูก จอห์นมักจะพูดว่า "ไฮ ลูก" ตอนได้ยินครั้งแรก เรานึกว่าเราฟังผิดซะอีก เฮ้อ… แถมว่างๆ ยังชอบมาเม้าท์เรื่องครอบครัวชาวบ้าน และยังคอยเจ้ากี้เจ้าการหาแฟนให้ตั้ม เพราะกะให้มันปักหลักปักฐานอยู่ภูเก็ต แต่น่าเสียดายที่จอห์นไม่มีสาวๆ รุ่นตั้มอยู่ในสต๊อก มีแต่ป้าแก่ๆ ซึ่งจอห์นจะย้ำว่า "But, she has a good heart!" แต่จนเรากลับ จอห์นก็ยังหาสาวๆ มาแนะนำให้ตั้มไม่ได้ซะที…

พี่แดง - Property Management Director ก็ร่ำลาเราตามมารยาท แต่เราก็ขำๆ พี่แดงทุกทีที่เราได้ยินพี่แดงแนะนำตัวเองกับคนไทยอย่างภาคภูมิใจว่าชื่อ "แดง" เพราะจริงๆ แล้วพี่แดงเป็นคนอังกฤษชื่อ "Wayne" ซึ่งคงมีคนไป "บอก" แกว่า ชื่อแกตรงกับภาษาไทยว่า "เวร" แล้วเลย "หลอก" แกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยไปเลยดีกว่า เพราะไหนๆ ก็จะลงหลักปักฐานอยู่เมืองไทยแล้ว "พี่เวร" เลยมีชื่อไทยใหม่ว่า "พี่แดง" ซึ่งจะชวนให้คนไทยทั้งหลายที่ได้ยินชื่อนี้นึกไปถึงบรรดาไอ้ด่าง, ไอ้ดำ, ไอ้แดง, ฯลฯ อยู่เนืองๆ บรรดาคนไทยเลยมักจะแอบเม้าท์กันว่า เราจะสามารถบอกได้ว่าเมียพี่แดงอยู่ในอารมณ์ไหนกับพี่แดงได้จากการที่เธอเรียกชื่อพี่แดง เพราะถ้าคุณเธออารมณ์ดีก็คงจะเรียกว่า "คุณแดง" แต่ถ้าอารมณ์เสีย คงเรียกว่า "ไอ้เวร" เป็นแน่! 555…

แต่ ๒ ลุง ที่เราคงจะคิดถึงแต่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา ก็คือ ลุงเอ็ด(เวิร์ด) ซึ่งเป็น MD ของบริษัท กะลุง Seed เพราะวันนั้น ๒ ลุงไม่อยู่ตอนบ่ายที่เราจะกลับพอดี ที่เราชอบลุงเอ็ด เพราะลุงเอ็ดอายุ ๖๐ กว่าแล้ว แต่ยังเนี๊ยบมากๆ เดินไซท์ไม่เคยกางเกงเลอะ ในขณะที่เราเลอะโคลนไปครึ่งหน้าแข้ง ลุงเอ็ดยังหล่อเนี๊ยบประหนึ่งเดินอยู่ในเซ็นทรัล เฟสติเวล ฮ้า… (ชวนให้คิดถึงพี่ทิม แห่ง Wood Bagot จริงๆ ขานั้นทั้งหล่อทั้งเท่ห์ประหนึ่งริชาร์ด เกียร์ แถมเนี๊ยบตลอดเวลา เสียดายว่า ชอบข่มทับเราอยู่เรื่อย เราเลยไม่รักพี่ทิม) และที่ทำให้เราปลื้มลุงเอ็ดเอามากๆ ก็คือว่า จริงๆ ลุงเอ็ดกะทำโครงการนี้แบบชิล ชิล แค่ให้มีที่อยู่สบายๆ หลังเกษียณ แต่ติดขัดตรงที่ลูกชายลุงเอ็ด คือ น้องเอ็ดดี้ จูเนียร์ ซึ่งยังไม่อยู่ในวัยเกษียณ ต้องมีการมีงานทำ ลุงเอ็ดเลยต้องทำโครงการอย่างจริงจัง ลุงตัดที่ดินส่วนนึงมาทำโรงแรม ต้องระดมทุนเป็นที่วุ่นวาย ไม่รวมการแก้ Master Plan อีกยกใหญ่ เฮ้อ… น้องเอ็ดดี้ค่ะ น้องต้องรักคุณพ่อไว้ให้มากๆ นะคะ อย่ามัวแต่ไปจีบสาวรัสเซีย พ่อไม่ปลื้มนะค๊า…

ส่วนลุง Seed ไม่มีตำแหน่งเป็นกิจลักษณะในบริษัท แต่เนื่องด้วยลุง Seed เป็น Partner และซื้อที่ดิน ๒ แปลง ทุกคนในบริษัทเลยเกรงใจลุง Seed มาก เราจะได้คุยกับลุง Seed มากกว่าลุงเอ็ด เพราะลุง Seed ต้องให้เราช่วยทำเรื่องงบค่าก่อสร้าง ลุง Seed จะใจดีมาก ค่อยๆ อธิบายเราอย่างตั้งใจ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่เราก็รู้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องทำเป็นฟังอย่างตั้งใจ เพราะกลัวเสียน้ำใจลุง นี่ถ้าไม่ติดว่าเมียลุงมาด้วย เรากะจีบซะเลย เผื่อคำทำนายของหมอดูจะเป็นจริง หุหุหุ…

ขากลับจากภูเก็ตมากรุงเทพฯ คราวนี้ เราทุ่มทุนสร้าง (จริงๆ เพราะสามารถเบิกกับบริษัทได้ด้วย) นั่งชั้น Business Class กลับ แต่ด้วยความเกรงใจบริษัท เลยเลือกกลับกับนกแอร์ แต่พอขึ้นเครื่องเราก็เซ็งเล็กน้อย เพราะได้นั่งติดกับหญิงชรา (จริงๆ ก็ไม่ชรามากหรอก เธออายุประมาณ ๖๐ ปี เห็นจะได้) ตอนแรกเราก็นึกว่าเธอเป็นคนไทย แต่พอแอร์โฮสเตส อ้อ… ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า นก… ถามเธอเป็นภาษาไทย เธอไม่เข้าใจ เราถึงรู้ว่าเธอเป็นคนต่างชาติ แต่ที่เราประหลาดใจมากก็คือ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว เราก็นึกทึ่งในใจ โห… คนรุ่นแม่เราพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดา เราเลยชวนเธอคุยแก้เซ็งซะเลย เลยได้รู้ว่า เธอชื่อ "โทโมโกะ" เธอมาเยี่ยมลูกชายกรุงเทพฯ (ฮ้า… ชักน่าสนใจ) และนี่พึ่งกลับจากไปเยี่ยมเพื่อนที่ภูเก็ต ประเดี๋ยวคุณลูกชายจะมารับที่สุวรรณภูมิ แต่เราคิดในใจว่า ลูกคุณป้าคง ๒๐ ปลายๆ หรือไม่ก็ ๓๐ ต้นๆ แหม… เสี้ยดายยยยยยจัง… เลยชวนเธอคุยโน่นนี่ไปเรื่อย และก็ทึ่งเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอเที่ยวต่างประเทศบ่อย ล่าสุดเธอไปดู French Open เพราะลูกสาวเพื่อนแข่งเทนนิส และหญิงสาวนักเทนนิสผู้นั้น ก็คือ ลินเซย์ ดาเวนพอร์ท!!! เราฟังแล้วแทบตกเก้าอี้ ไฮโซจริงๆ นะคะคุณป้า และพอคุณป้ารู้ว่าเราอยู่ในแวดวงก่อสร้าง เลยหยิบนามบัตรคุณลูกชายมาให้เราดูเพื่อที่จะถามว่าเรารู้จักบริษัทที่คุณลูกชายทำงานอยู่อะป่าว เรากวาดตาดูแปร๊บเดียวก็รู้แล้ว ก็แหม… คุณ Stephen อยู่ STECON ใครจะไม่รู้จักละค๊า แล้วคุณป้าก็เชียร์คุณลูกชายให้เราใหญ่เลย จนเราทนไม่ได้ ต้องถามอายุคุณ Stephen ตรงๆ คุณป้าก็ตอบเขินๆ ว่า "He's 35. And, I think he's gay!" อ้าว… อะไรกันคะคุณแม่ (แหม… โทษที ลืมตัวไปหน่อย) เอ๊ยคุณป้า ทีแท้เพราะอย่างนี้นี่เองเหรอคะ แต่จะว่าไปถ้าประเมินโดยภาพรวม เราก็คิดว่าคุณ Stephen อยู่ในข่ายต้องสงสัยจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่าอย่างน้อยการที่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ก็มีแนวโน้มของความหน้าตาดีอยู่มาก หน้าที่การงานก็ดี แต่อายุอายุ ๓๕ แล้วยังโสด และที่สำคัญเลี้ยงหมา แต่ anyway ก็ยังนับว่ามีความน่าสนใจอยู่ เลยให้นึกเสียดายขึ้นมาเล็กๆ ว่า โธ่ รู้งี้ตะกี้ตั้งใจท่อง email ของเฮียก็ดี แล้วทีนี้จะหาทางสานสัมพันธ์ต่อยังงัยดีล่ะ เฮ้อ…

Wednesday, February 14, 2007

ยังหวังอยู่

เก็บของ เหนื่อยสุดๆ ช่างเป็นวาเลนไทน์ที่แย่จริงๆ (แต่ก็ไม่แน่ใจนะว่า ถ้าอยู่กรุงเทพฯ มันจะกดดันกว่านี้อะป่าว) เกี๊ยกก็ไม่โทรมา เฮ้อ… ยังหวังอยู่น๊า…

Sunday, February 11, 2007

สงสัยว่าจะแก่มากแล้ว

ถึงแจ้จะขู่เราว่าไปดำน้ำระวังท้องจะแตก เราก็ไม่กลัว เพราะก่อนหน้านี้เราซ้อมอุ้ม-แบกน้องมุกมาหลายรอบแล้ว ถ้าจะแตกมันคงแตกไปนานแล้ว แต่ที่แน่ๆ เราปวดหลังฉิบ… ขนาดเมื่อวานน้องเด็กเรือช่วยเรายกถังตลอดทั้งลง-ทั้งขึ้นจากน้ำ เฮ้อ… แก่แล้วจริงๆ ด้วย เราเลยขอเบี้ยวนัดโบว์ แบบว่ารู้สึกไม่อยากออกจากบ้าน เพราะนั่งไม่ค่อยจะไหว อย่างนี้แล้วเลยไม่รู้ว่า เวลาออกทริป live aboard ๔ วัน อาการเราจะสาหัสขนาดไหน จะทำครบวันละ ๓ ไดฟ์รึป่าวน๊า… เฮ้อ…

Saturday, February 10, 2007

ไดฟ์ที่ ๒๐๐ และ ๒๐๑

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราทำได้ ๒๐๐ ไดฟ์ แล้ว ตอนแรกบวกเลขผิด ข้าม log book (โง่ๆ - เชยๆ) ไป ๒ หน้า คิดว่าน่าจะเป็นไดฟ์ที่ ๑๘๐ อะไรประมาณนี้ ที่ไหนได้ ปาเข้าไป ๒๐๐ ไดฟ์ ในเวลาเกือบ ๑๐ ปี ในขณะที่นังอู๊ดปีเดียวปาเข้าไปเกือบ ๖๐ ไดฟ์ สงสัยอีกไม่นานคงไล่เราทัน เฮ้อ…

ไดฟ์ ๒๐๐ เซ็งมาก ไม่มีอะไรเลย น้ำเย็น และไม่ค่อยใส แถม BCD ยังมาเสียอีกต่างหาก อากาศไหลเข้าไม่หยุด เราก็เอะใจแล้วเชียว อะไรอากาศจะไล่ไม่หมดซะที ดีที่ Dive Leader - Harry ดูเราอยู่ พอเรายื่นสายกดอากาศให้ดู เฮียก็ดึงมันออกเลย แล้วใช้การเป่าอากาศเข้าเสื้อให้เราแทน นอกจากจะช่างสังเกตุ แล้ว Sense ยังดีใช้ได้เลยนะเนี่ย… เลยให้อภัยที่แอบจับก้นเราไป ๒ ที

พอไดฟ์ ๒๐๑ พอลงใต้นามปุ๊ป Harry ก็ให้เราซ้อมเป่าเลย ก็โอเคทำได้ เฮียประชดเราใหญ่ว่า ๑๐๐ ไดฟ์ up แถมถือบัตร Advance เนี่ยนะ เป่าไม่เป็น แล้วยังไม่มี Octopus อีก แต่ดันมีกล้อง สงสัยเราต้องกัดฟันซื้อ Octopus เสียแล้ว เฮ้อ… แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ Wetsuit Titanium 1 mm. ละเนี่ย… (ว่าแล้ว ก็ขอบ่นเจ๊จี๋หน่อยที่เอา Wetsuit เราไปไม่ยอมคืน ดีที่คนบนเรื่อให้เรายืมฟรี ถ้าเราโดนคิดค่าเช่าละก้อ เราจะเอาไปประชดเจ๊จริงๆ ด้วย) ไดฟ์นี้โชคดีมาก เจอ Octopus กับ Sponge Snail (แต่ Harry บอกว่า น่าจะเป็น Sea Slug มากกว่า) อีกแล้ว (คราวที่แล้วเราก็เจอเจ้าตัวนี้ที่นี่) แถมมันกำลังเดินด้วย น่าตื่นเต้นดีจริงๆ แต่ที่เด็ดกว่า คือ ปลาหมึกยักษ์ เพราะนอกจากมันจะไม่มุดลงไปในหินแล้ว ยังโผล่ออกมาอีกเรื่อยๆ จนเรากลัวว่ามันจะกระโดดเกาะหน้าเราแบบในหนังฝรั่ง เลยรีบว่ายออกมาก่อนที่มันจะออกมาทั้งตัว Harry เม้าท์ว่า มันคงคุ้นกับนักท่องเที่ยวน่ะ เลยออกมาโชว์ตัว บ้า!

มาทริปคราวนี้ได้คุยกับฝรั่ง Friendly แถมหน้าตาน่ารักอีกตะหาก ชื่อ น้อง Jon เฮียช่วยอธิบายมุขที่คนไทย (ภาษาอังกฤษสำเนียงดีสุดๆ อีกคนนึง) เล่นกับ Dive Leader อีกคนให้เราฟัง ก็คนไทยไล่ฝรั่งกลับโดยพูดว่า "Go back to where u're from. Go back to Burma!" ทีแรกเราก็เข้าใจว่าตานี้เคยทำงานที่พม่ามาก่อน น้อง Jon เลยช่วยอธิบายว่า ไม่ใช่ Burma มาจาก Burma Ink ตะหาก "ก็ Burma Ink = Birmingham งัย" ฮ้า… นี่ Advance ขนาดเล่นมุขผวนคำภาษาอังกฤษเลยรึนี่…

ปล. เสื้อน้อง Jon น่ารักมาก เห็นทีเราจะต้องไปหาซื้อไว้เป็นสมบัติซักตัวแล้ว ก็เสื้อน้อง Jon มีคำพูดเขียนไว้ทั้งภาษาจีนและอังกฤษว่า "ปู้ชืออวีชื่อ - Don't eat shark fin!"

Friday, February 9, 2007

เมื่อเจ้าชายในดวงใจเสด็จอ่าวปอ

วันนี้ตำรวจเต็มอ่าวปออีกแล้ว เราเลยไปแอบถามได้ความว่า เจ้าชายในดวงใจของเราเสด็จตอนบ่ายๆ เลยตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะไปรับเสด็จอีก (แม้ว่าอาจกินแห้วเหมือนตอนที่พระองค์ภาฯ เสด็จ) แต่พอตอนไปกินข้าวกลางวัน แล้วอ่านไทยรัฐ ปรากฎว่ามีข่าวว่าเจ้าชายเสด็จอินเดียอยู่ เป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากขึ้นครองราชย์ แล้วก็มีข่าวว่าเสด็จยายกับเสด็จแม่เสด็จเมืองไทย เราเลยคิดว่าคุณตำรวจมั่วเสียแล้ว เลยไหวตัวทัน ไม่ไปทนตากแดดรับเสด็จ แต่ตั้มไปเหมือนเดิม แล้วกลับมาบอกว่า เป็นท่านแม่กับสาวสวยหลายคน ไม่รู้ว่าเป็นน้องสาวหรือว่าที่คู่หมาย แต่ขอย้ำว่า "สวยมากๆ ครับ!"

Monday, February 5, 2007

ถ้วยยักษ์ปีนี้ไม่สนุกเลย

Superbowl ไม่สนุกเลย คะแนนทิ้งกันซะแบบไม่ต้องลุ้น แถม Chicago Bears แฟนเราก็แพ้หลุดลุ่ย ดูแล้วอยากลุกไปตบ Quaterback สุดๆ ขว้างบอลได้แย่มากๆ เลิกดู ไปเลี้ยงเหวินเฉียงหลานรักดีกว่า เฮอะ!
พอเย็นหมะกับเทียนก็มาส่งเราที่บ้านอี๊ เลยได้นั่งคุยกันเรื่องการเรียนของแบงค์ อี๊กับเฮียเชียรอยากให้แบงค์เรียนเอแบค ซึ่งเราว่าก็ดี แต่ให้ทำใจไว้นะว่า อาจไม่จบภายใน ๔ ปี อี๊บอกว่า อี๊เตรียมใจไว้แล้วว่าคง ๕ ปี แต่พอเราบอกว่า เทียนเรียน ๖.๕ ปี ทำเอาอี๊อึ้งไปเลย เฮียเชียรเลยสรุปว่า ก็ลองเรียนวิชาเตรียมพื้นฐานในช่วงปิดเทอมนี้ดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาไทยก็ได้ เอ้า… ก็ลองดู แล้วอี๊กับเฮียเชียรก็มาส่งเราที่รถทัวร์

จุ๊โทรมาคุย เสียดายมากเลยที่เที่ยวนี้เราไม่ได้เจอจุ๊ นี่ถ้าอยู่ กทม. คงได้เจอกัน เฮ้อ… ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อีกหน่อยถ้าเรากลับไปอยู่ยะลาแล้วชีวิตเราจะเป็นยังงัย จะได้มาเจอเพื่อนๆ บ่อยแค่ไหนก็ไม่รู้… นี่เราตัดสินใจถูกรึป่าวเนี่ยที่มาเลิกทำงานเอาตอนนี้ หรือจะฮึดอีก ๓-๔ ปี ดีวะ…

Saturday, February 3, 2007

กลับบ้าน (สั่งลา)

เราตัดสินกลับบ้านก่อนที่จะไปไถนาที่กทม. เพราะไม่แน่ใจว่าวันหยุดมาฆะฯ จะได้หยุดกับเขารึป่าว แต่คราวนี้เรากลับรถเที่ยวเช้า เพราะหมะไม่ยอมให้เรากลับกลางคืน ไม่รู้เป็นเพราะห่วงเราหรือห่วงเกี๊ยกมากกว่ากันแน่ เราเลยกลับเที่ยว ๖ โมง แต่หลับอย่างเมามันมากแม้ว่ารถจะจอดทุกสถานีก็ตาม เลยทำให้มาถึงดอนยางเอาเกือบบ่าย ๓ ดีที่เทียนกับหมะมารออยู่แล้ว เลยได้ขึ้นรถกลับบ้านเลย เฮ้อ… ดีใจจัง ถึงบ้านซะที…