Sunday, July 29, 2007

กลับบ้าน

แหกขี้ตากลับบ้าน ไฟล์ท 6 โมงเช้า พอขึ้นเครื่องได้ เรางี้แถมลืมตาไม่ขึ้น หลับไปแป๊ปนึงก็ถึงหาดใหญ่ล่ะ คราวนี้ป๊ากับหมะมาธุระที่หาดใหญ่พอดี เลยมารับเรา (สบายไป) พอถึงสนามบินหาดใหญ่ ก็เห็นคนกลุ่มนึงเดินถือธงเหลืองอยู่ ดูๆ ไปก็ไม่ยักเหมือนธงกินเจ หมะบอกว่า เป็นพวกสนธิ ลิ้มฯ เขามาปราศัยที่หาดใหญ่ เราเลยเล็งอีกทีนึง เออ ใช่ สนธิจริงๆ ด้วย ตัวจริงดูตัวใหญ่กว่าในทีวี (ผิดจากดาราทั่วไปที่ตัวจริงจะตัวเล็กกว่าในทีวี) และตัวขาวกว่าในทีวีตั้งเยอะ (สงสัยช่างไฟจัดแสงไม่ได้เรื่องอ่ะ) เราเลยต้องรีบลากหมะไปขึ้นรถ กลัวป๊าจะเห็นสนธิ เดี๋ยวจะปรี่เข้าไปบริจาคตังค์ให้เขา และก็เป็นดังคาด พอป๊าเดินมาเห็นสนธิ ก็เดินไปหาทันที ตอนแยกกันเห็นป๊าถือใบปลิวมากลับมาปึกนึง เรามาแอบดูทีหลัง ถึงรู้ว่าเป็นใบบริจาคเงินให้สนธิฯ มีทำจตุคามฯ รุ่นยามเฝ้าแผ่นดนแจกอีกตะหาก เออ... เอากันเข้าไป แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน เพราะมีแต่ข่าวพวกม๊อบถ่อย มีข่าวพวกนี้มาปนๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน

ตอนบ่ายแวะเอาหนังสือไปให้ฟ้ากับมุก ถึงรู้ว่ามุกเข้า รพ. เพราะไอมากจนหมอกลัวว่าจะเป็นหอบ แต่ตอนเราไปถึง มุกก็ดูสบายดี มีไอนิดหน่อย แต่ยังคง “มุก” เยอะมากและกวน teen เหมือนเดิม มุกมาเล่นแปะสติกเกอร์กับเราอยู่พักนึง แล้วก็กระโดดทับเราบอกว่า "ไม่ให้อาอี๋ไป" เลยทำให้วิญญาณแม่เข้าสิงเราอีกล่ะ อยากมีลูกจัง ถ้ามีซักคน สงสัยคงจะตามใจ ship หายแน่เลย ส่วนเหวินเฉียงดูผอมไปนิดนึง แต่เป็นเด็กอารมณ์ดีเหมือนเดิม แรงเยอะเป็นบ้า ดิ้นทีนึงแทบหลุกจากมือเรา ตอนนี้ก็เกือบ ๙ เดือนล่ะ แต่เรามานึกเปรียบกับน้องพิมตอน ๙ เดือน ดูเหวินเฉียงตัวเล็กกว่าเยอะ และยังคลานไม่ค่อยได้ ผิดกับน้องพิมที่คลานดังปั๊กๆ สงสัยเด็กฝรั่งจะแข็งแรงกว่าแฮะ

ค่ำๆ เกี๊ยกโทรมาเรื่องหนังตลกที่จะเอามาให้เรา บอกว่าดูแล้วยังไม่ขำพอ เลยขอติดไว้ก่อน ไว้เจอหนังขำๆ ค่อยเอามาให้ แล้วก็คุยโน่นนี่อยู่แป๊ปนึง ส่วนใหญ่เขาก็ถามว่าเราเป็นงัยบ้าง ส่วนตัวเขาก็ต้องนอนเฝ้าเครื่องจักรเหมือนเดิม แถมบอกว่า “โชคดีที่ลูกค้าน้อย เลยไม่เหนื่อยมาก” ทำเอาเรางงๆ ตกลงที่ลูกค้าน้อยเนี่ย มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ... แล้วเลยทำเอาเราเดาใจเฮียไม่ถูกจริงๆ แต่ก็ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ไม่สนล่ะ ก็เรามีเชฟแนมในดวงใจอยู่แล้วนิ (รับได้ฮ่ะ ที่จะเป็นเฉลิมพร เหงียน) หุหุ... ^_^ ว่าแล้วเราก็ถามหมะเรื่องเชฟแนมกับคุณโก๊ะโกะ หมะบอกว่า ยังงัยก็ได้ ตอนนี้ถ้าเป็นลูกเขยอิสลามยังรับได้เลย! On Sale อย่งแร่รงงงงงงจริงๆ เลย แบบนี้ยิ่งกว่า End of Season Sale ซะอีก อย่างนี้ต้องเรียกว่า Closing Down Sale ทีเดียวเชียวนะนั่น... -_-"

Friday, July 27, 2007

ใจหาย

หญิงชวนกินข้าว (หมู่นี่เรากับหญิงมักจะนัดกินข้าวเย็นตอน ๓ ทุ่ม ชีวิตหญิงโสดรายได้ดีจริงหรือนี่…) หญิงบอกว่าแม่เป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง ตอนนี้ลามไปทั่วตัวแล้ว เราก็งงๆ ว่า ทำไมตอนรักษามะเร็งมดลูกหมอถึงหาไม่เจอ แต่ก็ยังดีที่แม่หญิงเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ตั้งใจที่จะต้อสู้กับโรคร้าย ถูกต้องค่ะแม่ เราต้องสู้ หนิงจะขอเป็นกำลังใจให้แม่ค่ะ

Thursday, July 26, 2007

ได้คนเช่าคอนโดเล้ว ; D

ไม่รู้เป็นเพราะวัดที่หัวหินหรือศาลพระภูมิที่สุโขทัย ในที่สุดคอนโดแจ้ก็ปล่อยเช่าได้โดย Agent รายใหม่ ได้ ๔๒,๐๐๐ บาท อีกตะหาก แถมยังไม่ต้องทำม่านใหม่ เราเลยรีบไปเซ็นสัญญาเช่า พบว่าคนเช่า คือ คุณบ๊อบมากับเมีย(ผัว)ไทย ฮือ… ทำไมรอบตัวเรามีแต่เกย์วะ… แถมที่น่าอิจฉา คือ พี่บ๊อบให้แก้สัญญาเช่า โดยให้เพิ่มชื่อแฟนหนุ่มเข้าไปด้วย พี่บ๊อบอธิบายว่า จะได้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ดูว่า เขา ๒ คน อยู่ด้วยกันจริง คริสต์มาสนี้จะพาแฟนไปอเมกา จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่า โห… รักจริงหวังแต่งด้วยนะเนี่ย… อิจฉาจัง… แล้วเลยมีการคุยกันเรื่องการขอโทรศัพท์กับเคเบิลว่าจะขอยังงัย เราบอกให้เขาขอโดยตรง ถ้ามีปัญหาเราก็จะขอให้ เพราะว่าปกติ True จะยอมอยู่แล้ว Agent เราบอกว่า ไม่แน่หรอก เพราะ True บางครั้งก็งี่เง่า สำหรับมันแล้ว True ย่อมาจาก Truely Awful! เรางี้ขำเลย เพราะถ้า True ใช้ชื่อเดิม คือ TA ก็ยังไม่พ้น Turely Awful อยู่ดี แต่เห็นทีจะต้องไปบอกหงษ์หน่อยล่ะ เผื่อมันจะอาลัยรักบริษัทเก่ากลับไปแก้ไขให้เขา

Sunday, July 22, 2007

จบทัวร์หัวหิน ๒




อาหารเช้าที่โรงแรมนี้ไม่อร่อย แต่เพราะเรามาเกิน ๑ คน ปุ๊กกับหมูเลยตัดสินใจไปกินที่ตลาด ก่อนกลับ หมู request ไป "วัดตีนบวม" อีกรอบ (ชื่อวัดตั้งโดยผู้ว่า) เราฟังแล้วเก็ททันที แต่ หห. งง เราเลยบอกว่า เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง คราวนี้เราไหว้ด้วยความเร็วกว่าเดิม และไม่ได้ไหว้ด้วยธูป แป๊ปเดียวก็เสร็จ ตีนไม่ทันบวม ; p ขากลับแวะ Outlet เดินกันอยู่เป็นนาน แต่ก็ไม่ได้อะไรกันซักคน คราวนี้พวกเรากลับกันเลย ไม่ได้แวะกินข้าวกับนิจอีก เพราะมันเป็นมื้อเวลาแปลกๆ (เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะนิจ) เป็นอันจบทัวร์หัวหิน ๒ แต่เพียงเท่านี้

Saturday, July 21, 2007

หัวหิน ๒


ปุ๊กไปซื้อ Voucher โรงแรมมาจากงานไทยเที่ยวไทย พวกเราเลยไปหัวหินกันอีกรอบ คราวนี้มีปุ๊ก, เรา, หมู และหห. กะสามี (หญิงไม่สบาย) คราวนี้เพื่อนไม่ให้พลาดข้าวเที่ยงเพราะนอนกันเพลิน พอเช็คอินปุ๊ป ก็ออกมากินข้าวเลย คราวนี้ไปกินที่ร้านสารพัดไก่แถวๆ สถานีรถไฟ (จริงๆ ชื่อร้านอะไรก็จำไม่ได้ซักที) คนเยอะดี และอร่อยเหมือนเดิม แล้วกลับมานอนรอ หห. กับคุณอุ่นที่โรงแรม เราอาศัยจังหวะนี่ให้ปุ๊กถอนผมหงอก (กิจกรรมสำคัญ) ให้ก่อน เพราะเขินๆ ถ้าจะถอนต่อหน้าคุณอุ่น พอถอนเสร็จหห. กับคุณอุ่น ก็มาถึงพอดี เลยเปลี่ยนกิจกรรมมาให้ หห. สอนแต่งหน้า-เขียนตาแทน หมูเลยมาร่วมกิจกรรมด้วย ปล่อยให้คุณอุ่น Present แบบบ้านกับผู้ว่าฯไป

แล้วปุ๊กก็บอกให้คุณอุ่นแนะนำเพื่อนให้เรา (แต่ หห. ไม่ยอมบอกว่า เคยแนะนำแล้วไม่สำเร็จ เลยรู้สึกไม่ค่อยดี แต่เราบอกว่าไม่ถืออ่ะ ; D) คุณอุ่นคิดไปมาหลายตลบ ก็คิดมาได้ ๑ คน คือ คุณโก๊ะโกะ หลังจากสอบถามประวัติคุณโก๊ะโกะกันอย่างเมามัน (สงสัยเฮียจะจามไป ๑๕๐ รอบ) เราก็สรุป (แกมบังคับ) ว่า ให้คุณอุ่นโทรไปบอกคุณโก๊ะโกะว่าเราจะแต่งสวน ให้นัดมาเจอกัน (เดี๋ยวนี้ต้องเอาเงินเข้าแลก) ปุ๊กถามว่า "ถามจริงๆ ถ้าเขามาเจอแกจริงๆ แกจะบอกเขายังงัย แล้วมีเงินจ่ายค่าแบบเขาเหรอ" เราเลยเครียดเลย แต่ก็บอกว่า "เอาไว้ให้เจอก่อน แล้วค่อยว่ากัน"

กินข้าวเย็นเสร็จ (คราวนี้เปลี่ยนเป็นร้านปูเป็น ปูสดอร่อยทีเดียวเชียว) แล้วก็ไปบังคับทัวร์ คือ ไปเดินตลาดกับกินโรตี แต่ไม่ได้ซื้อกระเป๋า เพราะว่าใบที่อยากได้มันไม่ลดอ่ะ (ปุ๊กประชดใหญ่ว่า ทีใบละ ๒๐,๐๐๐ งี้ซื้อลง แต่ใบละ ๘๐๐ ซื้อไม่ลง) แต่ก็ได้เสื้อยืดแทน เพราะมันเป็นแบบซื้อ ๑ แถม ๑ เลยแบ่งกับปุ๊กคนละตัว

Friday, July 20, 2007

Request ของคุณแหนมเนือง

ไอ้คอมเม้นท์ ๒-๓ ข้อ ของคุณแนมเนี่ย เรายังคิดไม่ตกว่าจะขอยังงัยดีไม่ให้น่าเกลียด เพราะกลัวจะโดนว่าว่า “หน้ากล้วย” แถมเมื่อเช้ายังโดนคุณ ช. แซวว่า งานครัวน่าจะราบรื่น เพราะเห็นเรากุ๊กกิ๊กกับเชฟแนมทุกเช้า ไม่เป็นไร เอาไว้ไปปรึกษากับ หห. พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะไอเดีย หห. มักจะบรรเจิดเสมอ… ; )

Wednesday, July 18, 2007

น้องส้มคนสวย

ชั้นเหล็กแสนแพงที่โครงการซื้อมาขึ้นสนิมอ่ะ เราต้องโทรไปเคลมกับร้านเขา ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาระหว่างเรากับยายส้มคนขาย

ป้าหนิง: โทรจากโครงการ XXX ค่ะ ชั้นเหล็กที่เราซื้อจากคุณมาขึ้นสนิม
น้องส้ม: มีการใช้งานรึป่าวคะ
ป้าหนิง (อึ้งไป ๓ วินาที): แปลว่าอะไรคะ (แต่ก็นึกดีใจว่า ดีใจจังที่เรายังไม่ได้ใช้งาน ยังงัยก็ไม่ทำให้หมด Warranty แน่) เอ่อ เราไม่เคยใช้งานชั้นเลยนะคะ ตั้งแต่ทางคุณติดตั้งเสร็จ ห่อไว้ยังงัยก็ยังอยู่ยังงั้นค่ะ
น้องส้ม: งั้นต้องมีการใช้งานค่ะ
ป้าหนิง: ช่วยแปลอีกทีนึงค่ะ ไม่เข้าใจค่ะ
น้องส้ม: ชั้นเหล็กต้องมีการใช้งานค่ะ เพราะตัวที่ร้านเราไม่ขึ้นสนิมเลยค่ะ
ป้าหนิง (หมดความอดทน): คุณส้มกำลังจะบอกว่า ถ้าดิฉันเอาหนังสือไปวางซัก ๒-๓ เล่ม กับแจกันอีก ๒-๓ ใบ ชั้นเหล็กก็จะไม่ขึ้นสนิม เพราะของพวกนี้มันจะกำจัดปฏิกริยา Oxidizing ของเหล็กใช่ไม๊คะ
น้องส้ม (เงียบไป ๓ วินาที): งั้นส้มจะส่งคนไปขัดสนิมให้นะคะ แต่ที่โชว์รูมเรา ชั้นเหล็กไม่ขึ้นสนิมจริงๆ นะคะ และลูกค้าคนอื่นที่ซื้อไป ก็ไม่มีของใครขึ้นสนิมด้วยค่ะ
ป้าหนิง: รับทราบค่ะ แต่สำหรับโครงการเรา รบกวนคุณส้มส่งคนมาลองขัดสนิมดูก่อนก็แล้วกันนะคะ

เรามาเล่าให้พี่ณัฐฟัง พี่ณัฐบอกว่า "คนที่พูดจาอย่างนี้ได้ นี่ต้องสวยมากกกกกกเลยนะ" คุณ ช. ที่เคยเห็นคุณส้มมาก่อนบอกว่า "สวยจริงๆ ครับ" พี่ณัฐเลยบอกว่า "แต่โชคร้ายหน่อยนะที่มาเจอหนิงน่ะ" แล้วก็หัวเราะใหญ่เลย…

Tuesday, July 17, 2007

ขวัญใจคนใหม่

หลังจากที่คุณ GM โรงแรมบอกเรามาหลายอาทิตย์ว่า ถ้าครัวติดตั้งใกล้เสร็จให้เชิญเชฟแนมไปดูด้วย วันนี้ก็ได้ฤกษ์อัญเชิญซะที ในใจเราคิดว่าเชฟใหญ่น่าจะ ๔๐ อัพ แต่พอเราไปถึง ก็พบว่า มีเชฟหน้าตารุ่นเรา ๑ คน เป็นคนเอเชีย ส่วนอีกคนดูเด็กกว่าเป็นฝรั่ง เราเลยนึกในใจว่า สงสัยเชฟแนมจะส่งลูกน้องมาดู แต่ก็ไม่เป็นไร ที่ไหนได้ พอเราเดินไปใกล้ๆ เราถึงเห็นว่าเขาปักที่เสื้อว่า "Nam" ฮ้า…

เชฟก็คอมเม้นท์นิดหน่อย (มากก็ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีเปลี่ยนให้หมดเลย) คนอะไร้… มีเสน่ห์ปลายจวัก นิสัยก็ดี (ยื่นนามบัตรให้เราโดยใช้ ๒ มือ) ไม่เรื่องมากเหมือนพวกสต๊าฟคนไทย (คงจะจริงที่เขาประชดกันว่า พวกโรงแรมต้องพูดภาษาอังกฤษถึงจะเข้าใจ ถ้าพูดไทย จะไม่มีวันเข้าใจกันได้) แล้วอาทิตย์หน้า เจอกันอีกนะคะ ; )

Sunday, July 15, 2007

สาวโสดกับการตื่นเช้า

บังเอิญดิวมาเมืองไทย พวกเราเลยเปลี่ยนโปรแกรมจากที่จะไปงานเซลล์ของร้านภูฟ้าที่ Siam Discovery เป็นไปหาดิวที่บ้านแทน (ไม่เป็นไร ไปซื้อที่หัวหินเสาร์หน้าก็ได้) เราแวะไปรับหญิงก่อน จากที่นัดกัน ๑๐ โมง เพราะดิวจะต้องไปขึ้นเครื่องช่วงบ่ายเย็นๆ แต่กว่าเราจะไปถึงบ้านหญิงก็เกือบ ๑๑ โมงแล้ว แต่พอไปถึง แม่หญิงพูดว่า "ที่มานี่ไม่เกี่ยวกับหญิงใช่ไม๊ เพราะหญิงยังไม่ตื่น" ทำเอาเราอึ้งไปเลย กำลังมึนๆ งงๆ ว่าจะตอบแม่ยังงัยดี คุณดีก็ตะโกนบอกมาว่า หญิงแต่งตัวอยู่ เลยกว่าจะไปถึงบ้านดิวก็เล่นเอาเกือบเที่ยง ดิวบอกว่า คิดว่าพวกเราจะเบี้ยวแล้วนะเนี่ย พี่สางี้ลุ้นเชียวกลัวว่าผัดมักกะโรนีที่ทำไว้เยอะแยะจะเป็นม่ายซะแล้ว เราเลยหัวเราะเขินๆ ว่า "สาวโสดตื่นเช้าลำบากจ๊ะ" ซักพักนึงหมูกับปุ๊กก็มาถึง

ดิวดูผอมกว่าเดิมมาก สงสัยเพราะทั้งทำงานทั้งเลี้ยงลูกละมั๊ง น้องพิมน่ารักมาก ไม่มีเค้าไทยเลย (อยากมีลูกสาวจัง) ส่วนแม่ดิวดูแข็งแรงมาก ดูแข็งแรงกว่าแม่เราอีกทั้งๆ ที่ปีนี้อายุ ๗๖ แล้ว นี่ละนะ เขาถึงว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

Friday, July 13, 2007

กรรกรหญิงตัวจริง

เพราะเราให้หมูมากินข้าวด้วยแถวที่ทำงาน เลยเลี้ยงข้าวหมูเป็นการตอบแทน เลยลองไปกินที่ร้าน Pandanus ที่เราเล็งไว้พักนึงล่ะ เพราะแต่งร้านน่ารักมาก อาหารก็อร่อยดี เสียแต่ว่าราคาแพง เพราะมาจานละนิดละหน่อย ถ้ากินเป็นกรรมกรหญิงอาจหมดตัวได้ เรากับหมูเลยกินแต่พอประมาณหมดไป ๑,๘๐๐ บาทกว่าๆ (รวม Service Charge 10%) แล้วคืนนี้เราเลยรู้ตัวว่า จริงๆ แล้วเราเป็นกรรมกรหญิง ไม่ใช่วิศวกรหญิง เพราะเราลุกขึ้นมาต้มมาม่ากลางดึก ก็มันหิวนินา… -_-"

Thursday, July 12, 2007

ช่างรุ่นใหม่

วันนี้เราเดินสวนกับช่างของครีฟูร์ ๔ คน เรางี้ต้องกลั้นยิ้ม เพราะทั้ง ๔ หนุ่มผมยาวเดินกินนมกล่องโฟโมสต์เท่ห์มาเลย ถูกต้องนะค๊า… คนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่และไม่กินเหล้า กินนมสดถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ

และแล้วก็พิสูจน์ว่าเกย์ด้าเราทำงานดีมาก เพราะวันนี้ไอ้เดวิดตัวเป็นๆ มาประชุม มีการพูดจาที่ประชดประชันตลอดเวลา แต่มือไม้ไม่พลิ้วมาก (ยังเก็บอาการอยู่) ถึงอย่างนั้นเราก็มั่นใจมากว่า ไอ้เดวิดเป็นเกย์แน่นอน!

Saturday, July 7, 2007

วันเลขสวย

วันนี้เป็นวันเลขสวย เพราะเขียนเป็นเลขอารบิคได้ว่า 07.07.07 โอว… นี่มันผ่านครึ่งปีแรกไปแล้วรึนี่ เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจริงๆ เผลอตัวอีกที เราคง ๔๐ แล้วอ่ะ ว่าแล้วก็เมลล์ไปอวยพรวันเกิดพ่อเลี้ยงไผทซะหน่อย ขอให้มีความสุขมากๆ นะเจ้า…

วันนี้มีคนชมทรงผมใหม่ของเราอีกล่ะ เราเลยชักชอบผมบ๊อบ(เท)ที่ตัดใหม่แล้ว คราวหน้าจะเทให้มากกว่านี้อีกนิดนึง หุหุหุ… ^_^

Thursday, July 5, 2007

เบื่อเกย์เอาแต่ใจ

พี่วิลขอเปลี่ยนแบบอีกล่ะ ตั้งแต่มีพี่เปิ้ลมาเป็นผู้ช่วย เลยช่วยกันเปลี่ยนแบบอย่างเมามัน จนใครๆ ประชดว่า โปรเจคนี้มี Kerry Hills Architect Co., Ltd. เป็นดีไซน์เนอร์หลัก และมี Kerry Ple และ Wilson Hill Architect เป็นดีไซน์เนอร์หลักกว่า งานนี้เลยทำพอลลาร์งอนมากถึงมากที่สุด ถึงกับเมล์มาแสดงความไม่พอใจ พอรู้ถึงหูตานิคโคลัส เง้า ตานิคโคลัสบอกว่า ฝากบอกพวกฝรั่งด้วยว่า คนเอเซียสร้างบ้านกันเป็นมากว่าพันปีแล้ว พวกเราทำเองได้ ไม่ต้องให้ฝรั่งมาบอกหรอก งานนี้คนกลางอย่างเราเลยแย่หน่อย เพราะโดนประชดผ่านกันไปมา แต่ก็ดีตรงที่ว่า พวกนี้เป็นผู้ชายหมด เลยไม่มีเรื่องงี่เง่าอย่างอื่นตามมาด้วย

ประชุมโปรเจคคราวหน้าเราต้องทำ mock-up ไฟแถว Lobby ให้อีตาเดวิดซึ่งเป็น Lighting Designer ดู แต่เราหาคนทำไม่ได้เลย ก็เลยจะขอเลื่อนออกไปอีกหน่อย อีเดวิดเมลล์มาโวยวายทันที (เอ่อ อิชั้นมีงานหลายอย่างต้องทำนะคะ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว และที่สำคัญ งานคุณก็ใช้กับตึกจริง ซึ่งกว่าจะใช้ก็อีก ๓ ปีโน่นนะคะ ต่อให้ไม่ทันประชุมคราวหน้า หรืออีก ๑๐ ประชุมหน้า อิชั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน) และจากการเขียนอีเมล์ของมันที่ใช้ Font ตัว Cap ในจังหวะที่บ่นเรา เราเลยสงสัยว่ามันอาจเป็นเกย์ ซึ่งงานนี้ต้องรอดูตัวเป็นๆ ของมันในวันพฤหัสฯ หน้าว่า เกย์ด้าของเราจะมีประสิทธิภาพขนาดไหน เพราะพี่วิลมาบอกเราว่า เขาก็อยากดู Effect ของแสงเร็วๆ เหมือนกัน ให้เราช่วยเร่งให้ทันประชุมพฤหัสฯ หน้าหน่อย จะโมฯ ยังงัยก็ได้ ขอให้เสร็จให้ทัน ไม่ต้องตามสเปคเป๊ะๆ หรอก เพื่อพี่วิล หนูจะทำให้ค่ะ!

Tuesday, July 3, 2007

แพ้ความสูงอ่ะ

ปกติเวลาเลี้ยงส่งสต๊าฟคนไทยกัน เราจะสั่ง Pizza หรือไม่ก็ KFC มาเลี้ยง แต่พอถึงคราวเลี้ยงส่ง Mark พี่มากของเรา request อาหารอีสานบ้านเฮามาเลย แถมช่วยคิดเมนูอีกตะหาก นี่ขนาดได้ภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินโนนะเนี่ย นี่ถ้าเป็นภรรยาสาวไทย พี่มากของเรามิจกข้าวเหนียวทุกวันเหรอเนี่ย…

บ่ายไปส่งมอบงานระบบกัน เราถึงสังเกตว่า ไอ้น้องวิศวกรงานระบบเนี่ยหน้าตาน่ารัก-น่ากินใช้ได้เลย ที่ผ่านมามันมัวแต่ไปแอบซ่อนอยู่ตรงไหนของไซท์ฟะ หรือว่าเราอยู่ไซท์มากว่า 4 เดือน ถึงได้มีโอกาสเงยหน้าเงยตาจากกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์มาเห็นหน้าเห็นตาชาวบ้านเขา แหม… เป็นวิศวกรงานแอร์ซะด้วย มิน่าล่ะ showflat เราถึงได้แอร์เย๊นเย็น แต่หรือจะแจก defect ซัก 50 ข้อดี น้องจะได้อยู่ให้ป้าได้ชื่นใจนานๆ อิอิอิ... หลังจากแอบพินิจ-พิเคราะห์รูปพรรณสันฐานอย่างใกล้ชิด ก็สรุปได้ว่า "เราเป็นโรคแพ้ความสูงอ่ะ" หุหุหุ...

Monday, July 2, 2007

ฮีโร่คนใหม่

หนุ่มๆ ที่ไซท์ชมทรงผมใหม่เรากันใหญ่ (แหม… เราก็บิ๊กใช้ได้นะเนี่ย ใครไม่ชม ป้าจะด่าให้เลยเชียว) เลยรู้สึกค่อยยังชั่ว สงสัยเราคงไม่ชินที่เราผมสั้นมากกว่า…

เราเล่าให้ริทซ์ฟังว่า ในคอนเสิร์ตเฉลียงมีการทำมิวสิคล้อคนดังด้วยนะ ก็ตอนที่เจี๊ยบร้องเพลง "ฉันกับเธอ" มีการเอารูปคู่คนดังมาประชันกัน มีตั้งแต่ "คู่รัก" อย่าง "ภราดรกับนาตาลี" ไปจนถึงคู่กัดอย่าง "เนาวรัตน์-เจ๊เบียบ", "พี่หนูแหม่ม-น้องแหม่ม", "ทักษิณ-สนธิ" และ "สรยุทธ-คุณปลื้ม" น้องริทซ์ทำหน้างงๆ บอกว่า "คู่หลังผมไม่เก็ท" เราก็อธิบายว่า "ก็ที่คุณปลื้มเลิกทำรายการเรื่องเล่าเช้านี้กับสรยุทธงัย" ริทซ์ทำหน้างงยิ่งขึ้นไปอีก ถามต่อว่า "คุณปลื้มอ่านข่าวช่อง ๓ ด้วยเหรอครับ" ป้าเลยตบะแตกถามกลับไปบ้างว่า "แกพึ่งกลับมาจากดาวอังคารเหรอคะ" เป็นอันจบบทสนทนาแต่เพียงเท่านี้

แต่เนื่องจากเรายังอยู่ในอารมณ์อยากเม้าท์อยู่ เลยเดินไปเม้าท์แตกต่อที่ห้อง Meinhardt ซึ่งตั้งแต่ทำงานก็มีวันนี้แหละที่เราไปเม้าท์และกินขนมตอนบ่าย ๔ โมง และก็เป็นไปตามกฎเจ้านาย-ลูกน้อง ในขณะที่เรากำลังเม้าท์อย่างเมามันอยู่นั้น คุณพี่วิลก็เดินมาสะกิดเราข้างหลังเพื่อจะแนะนำพนักงานใหม่ให้รู้จัก (แต่ในใจคงพูดว่า นังนี่เม้าท์แตกจริงๆ เลย กลับไปทำงานได้แล้ว มิน่าล่ะงานถึงไม่ค่อยมีโปรเกส!) ให้ตายเหอะ… ทำไมทำชั่วครั้งเดียวมันก็แจ็คพอทแตกอย่างนี้วะ เรางี้อายสุดๆ จะวิ่งออกไปจากห้อง เฮียก็ไม่ให้ไป แถมบอกให้เราดูหน้า Design Manager คนใหม่ให้ดีๆ พอเราดูดีๆ เราก็พบว่า เธอคือ พี่เปิ้ล - TCC ฮ้า… โลกแคบจริงๆ นี่ใจคอเฮียจะดึงมาให้หมดทุกคนเลยหรืองัยนะ

หลังจากมัวแต่เม้าท์ งานการไม่ทำ เราเลยต้องตะกายไปดู lightbox ที่อมารี วอเตอร์เกท เป็นการชดใช้ให้พี่วิล (แต่จริงๆ เพราะ Mark จะไม่อยู่แล้วตะหาก เราไม่อยาก deal กับพอลลาร์) ป้ายที่ว่ามันอยู่ในที่จอดรถ เราต้องรีบๆ ถ่ายรูปและดูรายละเอียดการติดตั้ง ใจนึงก็กลัวยามจะมาเห็นแล้วจะยึดกล้องถ่ายรูปเรา ส่วนอีกใจก็กลัวจะโดนจี้-ปล้นในลานจอดรถ (ก็เล่นมาถ่ายรูปตอน ๓ ทุ่ม -_-") เราเลยดูป้ายไปด้วยใจระทึกประหนึ่งกำลังประกอบอาชญากรรมอยู่ยังงัยยังงั้น เฮ้อ… แต่ก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้เป็นผลสำเร็จโดยไม่โดนจับได้ หุหุหุ… เพื่อพี่วิลแล้ว หนูสู้ตายค่ะ!

คืนนี้รายการชีพจรโลกมีสัมภาษณ์ CEO นิสสันและเรย์โนล์ ซึ่งหน้าตาเหมือน Mr. Bean ชะมัด ชื่อว่า คาร์ลอส กอล์น ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นการโปรโมทบริษัทธรรมดา แต่พอฟังเฮียหยุ่นเกริ่นๆ ประวัติก็ฟังดูน่าสนใจ เลยต้องตั้งใจดู มีการสัมภาษณ์ตอนนึง พี่หยุ่นถามว่า คาร์ลอสเป็นฝรั่งมาทำงานที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ใช้วิธีฝรั่ง (จริงๆ เฮียหยุ่นใช้คำว่า American Way) คือ สั่ง สั่ง และสั่ง และไม่ใช้วิธีญี่ปุ่น คือ ค่อยๆ โน้นน้าว แล้วคาร์ลอสใช้วิธีอะไรในการบริหาร คาร์ลอสตอบว่า ใช้ทั้ง ๒ วิธีผสมกัน เฮียหยุ่นเลยกระเซ้าว่า "อ้อ ใช้คาร์ลอสเวย์" แต่คุณคาร์ลอสทำหน้าเฉยๆ แล้วตอบว่า "โน มันเป็น common sense way ตะหาก" เราฟังแล้วทึ่งมากเลย แบบว่าเขาไม่โอ้อวด-ขี้โม้ และที่สำคัญ คือ เขาเป็นคนมี common sense มากถึงมากที่สุด (ยิ่งพักหลังๆ เราเจอแต่ผู้บริหารที่ไม่มี common sense หลายคน จนนึกว่า common sense มันแปรผกผันกับตำแหน่งซะแล้ว) ส่วนตอนท้ายๆ เขาพูดว่า คนเราต้องทำงานและตัดสินใจโดยใช้ "สติ" และต้องมีความสุขที่ได้ทำงานและตัดสินใจแบบนั้น เรางี้ยิ่งทึ่งว่า นี่มันหลักศาสนาพุทธชัดๆ แต่เขาใช้มันในชีวิตประจำวันได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ และแล้วก็ตั้งใจว่า อาทิตย์นี้เราต้องไปซื้อหนังสือชื่อ Shift ที่เขาเขียนมาอ่านซะแล้ว อืม… นี่สิผู้นำตัวจริง…

Sunday, July 1, 2007

ช้อปปิ้งเธอราปี

เหนื่อย ก็เหนื่อย แต่ก็ต้องออกจากบ้านไปจัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ให้แจ้ให้เรียบร้อย ยิ่งลากยาว ยิ่งกดดันวะ ว่าแล้วก็ปรี่ไปมาบุญครองเพื่อซื้อ SB แต่ชุดโต๊ะกินข้าวที่เราเลือกดูเหมือนมันจะฮิตมาก ต้องรอคิวตั้งเกือบ ๓ อาทิตย์ แต่ก็เอาวะ สวยและถูก รอได้อ่ะ

เสร็จธุระคุณพี่สาว เราก็แวะไปดูกระเป๋าแบรนด์เนมที่พารากอน ด้วยอาการลงแดงเล็กๆ เพราะอุตส่าห์ฝ่าฟันไปงานไทยแลนด์แกรนด์เซลล์แล้วแห้วถึง ๒ ครั้ง (จะทนไม่ไหวแล้วนะ เดี๋ยวไปฮ่องกงซัมเมอร์เซลล์ซะเลย ฮึ่ม) แวะเวียนอยู่หลายร้าน ก็พบว่ากระเป๋าของ Kenzo ดูเข้าตาที่สุดในบรรดากระเป๋าแบบ Oversize ทั้งในแง่รูปแบบและราคา แต่ที่สาขานี้มีแต่แบบใบเล็ก พนักงานก็ใจดี โทรไปเช็คที่สาขาเอ็มโพเรียมให้เรา ก็พบว่า แบบใบใหญ่เหลืออยู่แค่ ๑ ใบ ลด ๓๐% แล้วเหลือ สามหมื่นกว่าบาท เขาบอกให้เราจ่ายเงินเลย แล้วจะส่งกระเป๋ามาให้ที่พารากอน เราก็ลังเลใจ ของตั้งสามหมื่นกว่าบาท จะซื้อโดยไม่เห็นของก็กระไรอยู่ ก็เลยขอเขาดูรูป แต่ที่ร้านก็ไม่มี เลยเสี่ยงดวงไปเอ็มโพเรียม ตั้งใจว่าถ้ามันยังอยู่ ก็จะซื้อเพราะถือว่ามีวาสนาต่อกัน พอไปถึงมันยังอยู่จริงๆ ด้วย พนักงานที่สาขาเอ็มโพเรียมบอกว่า กระเป๋าราคาสามหมื่นขึ้นไปลด ๔๐% โห… คุ้มสุดๆ ที่มา ได้ลดอีก ๑๐% แน่ะ นี่ถ้าซื้อที่สาขาพารากอนคงกลุ้มใจตาย งัดยาดมขึ้นมาดมทันทีเหมือนในโฆษณาเป็นแน่ ที่สำคัญ คือ ถ้าถือบัตร Citi Bank จะได้ cash back อีก ๕% โห… ได้มาอีกตั้งเกือบ ๘,๐๐๐ บาท แน่ะ แต่เราก็ยังลังเลเล็กน้อย เพราะก็ยังเกินงบอยู่เกือบ ๕,๐๐๐ บาท พนักงานเลยกระตุ้นอีกว่า "ถ้าราคาเกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ลด ๕๐% เลยนะคะ" เราก็ตอบเสียงจ๋อยๆ ว่า "ก็ใบนี้มัน ๔๙,๕๐๐ บาท เองนี่คะ มันก็ไม่ถึงอยู่ดี" คุณพนักงานเลยโคสดิวโดยการบอกเราว่า "อีกนิดเดียวเอง งั้นหนูลดให้พี่ ๕๐% เลยละกัน" เท่านั้นแหละ อิชั้นเลยงัดบัตร Citi Bank ขึ้นมาทันทีชนิดไม่ให้พนักงานมีโอกาสเปลี่ยนใจกลืนน้ำลายตัวเอง และแล้วก็ได้กระเป๋า Kenzo มานอนกอดลูบคลำที่บ้านสมใจนึก หุหุหุ…

ยัง… กิจกรรมของสาวโสดรายได้ดียังไม่หมด ว่าแล้วก็แวะไปตัดผมหลังจากที่ตั้งใจจะตัดมาอยู่ชาตินึง เพื่อเป็นการอินเทรนด์ (แม้ว่าจะช้าไปซักนิด) เราเลยตัดทรงบ๊อบ ซึ่งออกมาแล้วดูบ๊องแบ๊วเหมือน "หนูหิ่น" ยังงัยพิกลไม่รุ… เฮ้อ…