Monday, July 2, 2007

ฮีโร่คนใหม่

หนุ่มๆ ที่ไซท์ชมทรงผมใหม่เรากันใหญ่ (แหม… เราก็บิ๊กใช้ได้นะเนี่ย ใครไม่ชม ป้าจะด่าให้เลยเชียว) เลยรู้สึกค่อยยังชั่ว สงสัยเราคงไม่ชินที่เราผมสั้นมากกว่า…

เราเล่าให้ริทซ์ฟังว่า ในคอนเสิร์ตเฉลียงมีการทำมิวสิคล้อคนดังด้วยนะ ก็ตอนที่เจี๊ยบร้องเพลง "ฉันกับเธอ" มีการเอารูปคู่คนดังมาประชันกัน มีตั้งแต่ "คู่รัก" อย่าง "ภราดรกับนาตาลี" ไปจนถึงคู่กัดอย่าง "เนาวรัตน์-เจ๊เบียบ", "พี่หนูแหม่ม-น้องแหม่ม", "ทักษิณ-สนธิ" และ "สรยุทธ-คุณปลื้ม" น้องริทซ์ทำหน้างงๆ บอกว่า "คู่หลังผมไม่เก็ท" เราก็อธิบายว่า "ก็ที่คุณปลื้มเลิกทำรายการเรื่องเล่าเช้านี้กับสรยุทธงัย" ริทซ์ทำหน้างงยิ่งขึ้นไปอีก ถามต่อว่า "คุณปลื้มอ่านข่าวช่อง ๓ ด้วยเหรอครับ" ป้าเลยตบะแตกถามกลับไปบ้างว่า "แกพึ่งกลับมาจากดาวอังคารเหรอคะ" เป็นอันจบบทสนทนาแต่เพียงเท่านี้

แต่เนื่องจากเรายังอยู่ในอารมณ์อยากเม้าท์อยู่ เลยเดินไปเม้าท์แตกต่อที่ห้อง Meinhardt ซึ่งตั้งแต่ทำงานก็มีวันนี้แหละที่เราไปเม้าท์และกินขนมตอนบ่าย ๔ โมง และก็เป็นไปตามกฎเจ้านาย-ลูกน้อง ในขณะที่เรากำลังเม้าท์อย่างเมามันอยู่นั้น คุณพี่วิลก็เดินมาสะกิดเราข้างหลังเพื่อจะแนะนำพนักงานใหม่ให้รู้จัก (แต่ในใจคงพูดว่า นังนี่เม้าท์แตกจริงๆ เลย กลับไปทำงานได้แล้ว มิน่าล่ะงานถึงไม่ค่อยมีโปรเกส!) ให้ตายเหอะ… ทำไมทำชั่วครั้งเดียวมันก็แจ็คพอทแตกอย่างนี้วะ เรางี้อายสุดๆ จะวิ่งออกไปจากห้อง เฮียก็ไม่ให้ไป แถมบอกให้เราดูหน้า Design Manager คนใหม่ให้ดีๆ พอเราดูดีๆ เราก็พบว่า เธอคือ พี่เปิ้ล - TCC ฮ้า… โลกแคบจริงๆ นี่ใจคอเฮียจะดึงมาให้หมดทุกคนเลยหรืองัยนะ

หลังจากมัวแต่เม้าท์ งานการไม่ทำ เราเลยต้องตะกายไปดู lightbox ที่อมารี วอเตอร์เกท เป็นการชดใช้ให้พี่วิล (แต่จริงๆ เพราะ Mark จะไม่อยู่แล้วตะหาก เราไม่อยาก deal กับพอลลาร์) ป้ายที่ว่ามันอยู่ในที่จอดรถ เราต้องรีบๆ ถ่ายรูปและดูรายละเอียดการติดตั้ง ใจนึงก็กลัวยามจะมาเห็นแล้วจะยึดกล้องถ่ายรูปเรา ส่วนอีกใจก็กลัวจะโดนจี้-ปล้นในลานจอดรถ (ก็เล่นมาถ่ายรูปตอน ๓ ทุ่ม -_-") เราเลยดูป้ายไปด้วยใจระทึกประหนึ่งกำลังประกอบอาชญากรรมอยู่ยังงัยยังงั้น เฮ้อ… แต่ก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้เป็นผลสำเร็จโดยไม่โดนจับได้ หุหุหุ… เพื่อพี่วิลแล้ว หนูสู้ตายค่ะ!

คืนนี้รายการชีพจรโลกมีสัมภาษณ์ CEO นิสสันและเรย์โนล์ ซึ่งหน้าตาเหมือน Mr. Bean ชะมัด ชื่อว่า คาร์ลอส กอล์น ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นการโปรโมทบริษัทธรรมดา แต่พอฟังเฮียหยุ่นเกริ่นๆ ประวัติก็ฟังดูน่าสนใจ เลยต้องตั้งใจดู มีการสัมภาษณ์ตอนนึง พี่หยุ่นถามว่า คาร์ลอสเป็นฝรั่งมาทำงานที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ใช้วิธีฝรั่ง (จริงๆ เฮียหยุ่นใช้คำว่า American Way) คือ สั่ง สั่ง และสั่ง และไม่ใช้วิธีญี่ปุ่น คือ ค่อยๆ โน้นน้าว แล้วคาร์ลอสใช้วิธีอะไรในการบริหาร คาร์ลอสตอบว่า ใช้ทั้ง ๒ วิธีผสมกัน เฮียหยุ่นเลยกระเซ้าว่า "อ้อ ใช้คาร์ลอสเวย์" แต่คุณคาร์ลอสทำหน้าเฉยๆ แล้วตอบว่า "โน มันเป็น common sense way ตะหาก" เราฟังแล้วทึ่งมากเลย แบบว่าเขาไม่โอ้อวด-ขี้โม้ และที่สำคัญ คือ เขาเป็นคนมี common sense มากถึงมากที่สุด (ยิ่งพักหลังๆ เราเจอแต่ผู้บริหารที่ไม่มี common sense หลายคน จนนึกว่า common sense มันแปรผกผันกับตำแหน่งซะแล้ว) ส่วนตอนท้ายๆ เขาพูดว่า คนเราต้องทำงานและตัดสินใจโดยใช้ "สติ" และต้องมีความสุขที่ได้ทำงานและตัดสินใจแบบนั้น เรางี้ยิ่งทึ่งว่า นี่มันหลักศาสนาพุทธชัดๆ แต่เขาใช้มันในชีวิตประจำวันได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ และแล้วก็ตั้งใจว่า อาทิตย์นี้เราต้องไปซื้อหนังสือชื่อ Shift ที่เขาเขียนมาอ่านซะแล้ว อืม… นี่สิผู้นำตัวจริง…

4 comments:

me! said...

อ่านจบแล้วขอยืมต่อนะ

Anonymous said...

ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลยอ่ะ เพราะมัวแต่อ่านนิยายจีนเรื่องใหม่ของหวงอี้อยู่ -> จอมคนแผ่นดินเดือด

มันโคตรๆ

me! said...

ทำไมใครๆ ก็อ่านหวงอี้ สงสัยต้องอ่านมั่งแล้ว เริ่มต้นที่ มังกรคู่ก่อนดีไหมเนี่ย -_-'

Anonymous said...

หวงอี้มีดังสุดๆ 3 เรื่อง คือ เจาะเวลาหาจิ๋นซี (น่าจะ 8 เล่ม), มังกรคู่ฯ (ประมาณ 10 กว่าเล่ม) และจอมคนฯ (ระห่ำไป 30 กว่าเล่ม)

ขอแนะนำว่าให้อ่าน 2 เล่มแรกก่อน เพราะถ้าไม่ชอบ จะได้ไม่ทรมานมากที่ต้องอ่านให้จบ