Sunday, April 29, 2007

ไปงาน ADEX กับแฟนเก่า

ก่อนอื่นต้องเอารถไปล้างก่อน (รถเขอะเชียว เดี๋ยวจะโดนคุณสุทินว่าเอาได้) แต่เราดันนอนเพลินไปหน่อย กว่าจะแวะล้างรถเสร็จ ก็เลยเวลานัดไปร่วมชั่วโมง นึกว่าจะโดนมันด่า แต่มันไม่ด่าวะ แถมยังซื้อข้าวหมูแดงมาให้เรากินด้วย ไม่เก็บตังค์อีกตะหาก โห… นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย… "ฝันไป… รึป่าว ฝันไปจริงรึป่าว… ฉันฝันไปรึป่าวเธอ…" แต่ในที่สุด เราก็รู้ว่าเราไม่ได้ฝัน เพราะพอเรากินข้าวเสร็จ เราก็ขอกาแฟ (ยังกับคนติดบุหรี่ ที่กินข้าวเสร็จต้องสูบบุหรี่) นังอู๊ดจัดแจงชงตามแบบที่มันคิดว่าอร่อยมาให้เรากิน ทั้งๆ ที่เราบอกเราว่า เรากินกาแฟไม่ใส่น้ำตาล มันก็ดันชงแบบใส่น้ำตาลมาให้เราจนได้ นี่ชีวิตนี้แกจะจัดแจงให้ชั้นทุกเรื่องไปรึงัยนะอู๊ด จะบ้าเอานะเนี่ย เลยต้องรีบซดให้หมดๆ แล้วก็รีบไปที่งาน

งานเล็กกว่าที่คิดแฮะ เล็กกว่างาน TDEX ซะอีก เราเลยได้แต่เมียงๆ มองๆ เพราะไม่มีทริปมาขาย มันเป็นงานโชว์เทคโนโลยีและเปิดโลกดำน้ำมากว่า (แต่มีเรือยอช์ทมาแจมด้วย ดูแล้วไฮโซสุดๆ จะว่าไป ก็ชักคิดถึงลุงเอ็ดเหมือนกันนะเนี่ย…)

ขากลับอู๊ดบอกกลับเราว่า ไม่ต้องนัดเดทนกให้มันแล้ว เพราะมันไม่กล้าเดทนก มันกลัวว่ามันจะสามารถโคสเซลล์ได้ในเดทเดียว เราฟังแล้วกลายร่างเป็น "อึ้ง" ย้งไปเลย อะไรทำให้สุทินมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นนะเนี่ย แถมมันยังบอกว่า "อู๊ดไม่ใช่สุทินน้อยเมื่อ ๑๐ ปี ก่อนแล้วนะ" เออ… รู้แล้วยะ จะจำไว้ กรูอยากบ้าจริงๆ เลย…

Saturday, April 21, 2007

ได้ฤกษ์เปิดบ้าน

ในที่สุด "เรื่องบ้านบ้าน" ก็ได้ฤกษ์เปิดบ้านซะที มีนก - วิสากร มาช่วยชีวิต โดยเราคุยกันเรื่องเบื้องต้นของกฎหมายจัดสรร ซึ่งก็เบื้องต้นเอามากๆ จริงๆ จนไม่รู้ว่าจะโดนหงว่ารึป่าวว่า อุตส่าห์รอตั้งนาน กลับได้มาแค่นี้ งานนี้เราถึงรู้ซึ้งว่า การพูดเรื่องมีสาระให้ได้ ๓๐ นาที นี่มันยากจริงๆ น๊า…

Thursday, April 19, 2007

เด็กมีจินตนาการ

ริทซ์: อยากไปดำน้ำที่สิมิลันมากเลยครับ เพราะช่วงนี้มีปลาวาฬว่ายเข้ามา เขาว่ากันว่าเป็นเพราะเอลนินโญ มันว่ายมากินแมนต้าครับ
ป้าหนิง: อึยส์… งั้นไม่เอาด้วยหรอก ท่าจะเป็นปลาวาฬตัวใหญ่ยักษ์ เดี๋ยวโดนฮุบเข้าปากไปละแย่เลย ออก้ามันกินคนนะ
ริทซ์: งั้นผมจะเอามีดไปด้วย
ป้าหนิง: จะเอาไปทำไม (ไม่เข้าใจจริงๆ นะเนี่ย…)
ริทซ์: ก็ถ้าโดนปลาวาฬฮุบ เราก็จะได้เอามีดกรีดท้องมัน แล้วก็ว่ายน้ำออกมางัยครับ
ป้าหนิงในใจพูดว่า มีดแกคงต้องยาวมากและคมมากเลยนะนั่น ถึงจะได้ผ่าชั้นไขมันปลาวาฬออกมาได้ แต่ก็พูดว่า "พี่ว่าเราน่าจะโดนกรดน้ำย่อยกัดตายก่อนนะ แต่เราอาจจะตายตั้งแต่โดนปลาวาฬกัดขาดครึ่งตัวแล้วก็ได้"
ริทซ์: เราต้องสไลด์ตัวให้ดีซิครับ กะจังหวะให้ดีๆ แล้วเราก็ใส่ถังอากาศด้วย เราน่าจะมีเวลาเล็กน้อยก่อนโดนกรดน้ำย่อยกัด ผมว่าน่าจะทันนะ (ว่าแล้วมันก็ทำท่ากรีดท้องปลาวาฬแล้วว่ายน้ำออกมาประกอบด้วย สงสัยกลัวเราไม่เข้าใจ)
ป้าหนิง: (สุดห้ามใจ) แกคิดว่าแกเป็นปิน๊อคคิโอรึงัย
ริทซ์: (อึ้งไป ๑ วินาที) ผมว่ามันทำได้จริงๆ นะ
ป้าหนิง: งั้นก็ขอให้โชคดีละกัน ขอให้เจอปลาวาฬสมดังใจ (มันช่างเป็นเด็กจริงๆ จินตนาการบรรเจิดได้ขนาดนี้ได้งัยเนี่ย… ไร้สาระจริงๆ ไถนาต่อดีกว่าตรู งานยิ่งตรึมๆ อยู่ด้วย)

Sunday, April 15, 2007

วันเกิดแจ้


เผลอแป๊ปเดียวพี่สาวเราก็ถึงหลักสี่ล่ะ (เราคิดว่าเรากระพริบตาอีก ๒ ที เราก็คงผ่านแยกเกษตรถึงหลักสี่ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว คิดแล้วก็รู้สึกแก่โคตร…) แล้วเลยไปกินกันที่ร้านต่อฮวด คราวนี้โต๊ะจีนเกือบล้น นั่งรวมกันทั้งผู้ใหญ่และเด็กได้ ๑๐ คน พอดี แต่ถึงจะเป็นวันเกิดแจ้ หมะก็ยังอวยพรแถมเราว่า ขอให้ได้แต่งงาน! เขาว่ากันว่า คำอวยพรของบุพการีจะศักดิ์มาก ก็ขอให้เป็นจริงเถ้อ... สาธุ!

Saturday, April 14, 2007

ไปเที่ยวสงขลากัน





ไหนๆ ก็ปิดร้านตั้ง ๓ วัน ครอบครัวเราเลยถือโอกาสไปเที่ยวสงขลา ๒ วัน ๑ คืน ส่วนแจ้กับครอบครัวจะมาจากภูเก็ต แล้วมาเจอกันที่โรงแรมเลย แต่เราเราเปิดท้ายรถ CRV เพื่อเก็บกระเป๋า ก็เป็นอันแทบหงายหลัง เพราะของแทบทะลักออกมา เพราะนอกจากกระเป๋าเสื้อผ้า ๑ ใบใหญ่แล้ว ยังมีตะกร้าแพมเพิส์ม, ตระกร้าใส่อุปกรณ์เล่นทราย, ตะกร้าของเล่น, รถเข็นเด็ก และที่เด็ดสุด คือ กะละมังอาบน้ำ! ส่วนบอกเขินๆ ว่า จับเหวินเฉียงอาบน้ำในอ่างอาบน้ำที่โรงแรมไม่ถนัด คุณแม่มือใหม่เลยเอากะละมังไปเอง ส่วนของเล่นก็เอาไปเผื่อเหวินเฉียงงอแง เรานึกในใจ นี่ของมันสามารถอยู่กันได้ ๗ วัน ๗ คืน เลยนะนั่น แต่ก็เอาเหอะ ไม่รู้จะออกความเห็นไปทำไม ลูกก็ยังไม่เคยมีกับเขาซักหน่อย

ตอนเที่ยงไปแวะกินข้าวที่แถวสะพานป๋าเปรม แล้วเลยถ่ายรูปเล่นกันนิดหน่อย เราสังเกตว่า ไอ้เหวินเฉียงมันเหมือนพ่อมันมากขึ้นทุกวัน นี่ถ้าไปเจอตามสะพานลอย เราอุ้มมาคืนพ่อมันได้แน่นอน

แจ้มาถึงเย็นๆ ก็ไปกินข้าวกันที่ "ร้านเหล่าแต่" ซึ่งเป็นร้านโปรดของเรา กินมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราก็จำไม่ได้ซักทีว่าร้านนี้จริงๆ แล้วชื่ออะไร เพราะเราได้แต่เรียกตามป๊า ซึ่งป๊าก็เรียกตามแซ่ของเถ้าแก่เจ้าของร้าน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า อาหารไม่ค่อยอร่อยเหมือนเมื่อก่อน เพราะแม้แต่เต้าหู้ทรงเครื่อง-เมนูโปรดของเรา ยังรสชาดธรรมดาเลย เสียดายจัง…

Friday, April 13, 2007

ยังไม่ได้หยุดไถนา

หยุดสงกรานต์คราวนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวกรีซกับ ๒ ป้า ทั้งๆ ที่อยากไปใจแทบขาด แต่คิดว่าถ้าไปตอนนี้หมะคงฉุนมาก เพราะอุดส่าห์ให้เงินเรามาไถ่คอนโดตั้งล้านนึง แบบว่าไม่อยากให้เราเป็นหนี้แบงค์-แบกดอกเบี้ยหัวโต มีเงินแทนที่จะไปจ่ายแบงค์ ดันเอาไปเที่ยวซะนิ เราเลยต้องทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมในช่วงนี้ ซึ่งก็ดี เลยได้กลับบ้านยาวเลย แต่ที่ไหนได้ ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด เราก็ยังต้องไถนาเหมือนเดิม เพราะยังเหลืออีก ๑ minutes ที่ต้องปั่น เซ็ง อ่ะ เซ็ง…

Wednesday, April 11, 2007

ไม่รักไม่ได้แล้ว

ฝนตกปรอยๆ จนเกือบหยุดก็ได้เวลากลับบ้านพอดี น้องริทซ์บอกให้เรารอหน้าบ้าน (ออฟฟิส) แล้วไปขับรถมารับ แหม… น่ารักจริงๆ อย่างนี้ไม่รักไม่ได้แล้ว แต่คิดว่ายังงัยรักนี้คงไม่สมหวัง เพราะนังตั้มเป็นตัวแทน TGR โทรมาตามเรากลับไปทำงาน เราเลยพูดไปเล่นๆ ว่า ค่าตัวเราเป็นแสนนะ มันดันตอบว่า ถ้าเป็นแสนกลางๆ ก็คุยกันได้ครับ ฮ้า… ดวงงานกระฉูดจริงๆ เลย…

Friday, April 6, 2007

ที่ปรึกษาด้านการศึกษา

วันนี้เป็นวันจักรีเราเลยไม่ต้องทำงาน เลยไปหาซื้อเฟอร์ฯ เข้าคอนโดให้แจ้ แล้วเลยถือโอกาสพาหมะออกไปข้างนอก ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในคอนโดฯ สุดท้ายก็ได้เฟอร์ฯ มาบางส่วน เราคิดว่าค่อยๆ ซื้อก็ได้ เพราะซื้อมาตูมใหญ่ที่เดียว เราจะงงๆ ค่อยๆ ประกอบร่างจะดีกว่า แถมอาจได้ของสวยๆ จากที่ต่างๆ กันด้วย เสร็จแล้วก็ไปกินข้าว กู๋เรียกลูกสาว ๒ คน มากินข้าวด้วย ซึ่งน้องๆ (ตามศักดิ์) เลยปรึกษาเราเรื่องเรียน เราตั้งใจตอบมาก แบบว่าไม่อยากให้น้องๆ ผิดพลาดเหมือนเรา เราอยากให้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ปี ๑ เลย อย่าไปคิดว่า ชีวิตจบสิ้นเมื่อเอนท์ติด เพราะเกรดมันจะติดตัวเราไปจนตาย ถ้าเราย้อนเวลาได้ เราอยากกลับไปตั้งใจเรียนให้ได้เกรดสวยๆ เหมือนคนอื่นๆ เขา เฮ้อ… ก็หวังว่าที่พูดไปวันนี้มันจะมีคุณค่า และ ๒ สาวเก็บไปใช้นะ…

Wednesday, April 4, 2007

มาหาหมอเก้อ

หมะตั้งใจมารักษาโรคเจ็บเท้าที่ รพ. รามาฯ ซึ่งอันที่จริงหมอที่ยะลาบอกว่าเป็นโรคเก๊าท์นั่นแหละ แต่หมะบอกว่า หมอที่ยะลาอาจจะมั่ว ต้องหา second opinion (ทันสมัยจริงแม่เรา!) และต้องมารักษาที่ รพ. รามาฯ เท่านั้น เพราะบรรดาอากู๋ของเรามารักษาตัวกันที่นี้แล้วหายดีกันทุกคน เรียกว่า ทั้งเก่งทั้งถูก เราบอกให้ไป รพ. พญาไท ก็ไม่ยอมไป หมะเลยต้องตื่นตี ๕ เพื่อไปรับบัตรคิว ดีที่มีกู๋กับกิมไปด้วย เราเลยค่อยสบายใจหน่อย เพราะตอนค่ำเรากลับมาบ้านถามว่า ตกลงหมะเป็นโรคอะไร หมะก็ตอบเขินๆ ว่า "โรคเก๊าท์" แถมบ่นต่อว่า หมอที่ รพ. รามาฯ ไม่ยอมรักษาให้ เขาบอกว่า โรคนี้มันต้องรักษาต่อเนื่อง ขอแนะนำให้ไปรับการรักษากับหมอใก้ลบ้านจะดีกว่า! เลยเป็นอันว่าเที่ยวนี้หมะมากรุงเทพฯ เก้อไปเลย…