Monday, December 31, 2007

Count Down

ปีนี้ที่บ้านไม่ได้ไปไหนกัน พอกินข้าวเสร็จ เราก็นั่งดูทีวีกับหมะ ซึ่งแน่นอน ย่อมต้องเป็นรายการของจีนแผ่นดินใหญ่ ปีนี้เขาจัดเป็นคอนเสริทต์ มีเชิญนักร้องจากอาเชียนมาร้องด้วย หนึ่งในนั้น คือ น้อย วงพรู ฮ้า… เราว่าคนจีนคงจะงงๆ ว่า ทำไมคนไทยหน้าตา-ท่าทางแบบนี้ แต่ที่เด็ดสุด คือ พอใกล้ๆ เที่ยงคืน ก็มีเพลง "หลองปัน…. ตึงๆๆ หลองเรา… ตึงๆๆ" พอกล้องโคสเข้าไปที่หน้านักร้อง หมะก็ร้องฮ้า… เราก็งงๆ หมะบอกว่า นั้นมันนางเอกเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ คราวนี้เป็นเราบ้างที่ร้อง ฮ้า… หมะบอกว่า จะดูให้จบเลย กะจะ Count Down ร่วมกับคนจีน เราเลยแซวว่า จะอยู่ไหวเหรอ เพราะเห็นปกติ หมะหลับตั้งแต่ยังไม่ ๔ ทุ่มดี นี่ต้องยืดไปอีกถึง ๕ ทุ่ม หมะก็หัวเราะ สุดท้ายก็ดูกันจนจบจริงๆ

ปีนึงๆ ผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี่ก็ครบปีอีกแล้ว เราเห็นหลายคนในนิจบอร์ดมีการตังเป้าหมายของชีวิตในปีใหม่ๆ เราเลยตั้งบ้างว่า ปีนี้เราจะแต่งงานให้ได้ เฮ้ย… ไม่ใช่ ปีนี้เราจะออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละ ๒ ครั้ง และเราจะพูดจากับหมะให้ดีมากขึ้น จะอดทนต่อเสียงบ่นให้มากขึ้น และที่สำคัญ ปีนี้เราจะพาหมะไปเที่ยว!

Thursday, December 27, 2007

ขำไม่ออก

ในที่ประชุมวันนี้ พี่วิลถามว่าจะเรียกฤทธามา Final negotiate วันไหน เรากับพี่ณัฐอึ้งไป ๑ อึดใจ เพราะพวกเราไม่ได้เรียก เนื่องจากเราลากันทั้งคู่ (ให้ตายเหอะ นี่พี่จะประชุมจนถึงเที่ยงคืนของศุกร์ ๒๘ เลยหรืองัยคะ) พี่ณัฐเลยรีบทำเป็นตลกถามว่า "Anyone in this room that take leave tmr. Please raise your hand!" แล้วก้อทำท่ายกมือขึ้นอย่างน่ารัก แต่ปรากฎว่าทั้งห้องมีเรากับพี่ณัฐยกกันแค่ ๒ คน แป่วววววว…. เรางี้ไม่กล้ามองหน้าพี่วิลเลย และพี่วิลก็ไม่ขำจริงๆ แถมพูดปลงๆ ว่า เขา lead ประชุมเองก็ได้ เราแค่ช่วยนัดให้เขาก็พอ คุณนพเลยหันทำมาเสียงเครียดใส่เรากับพี่ณัฐทันที "ผมบอกแล้วงัยว่า PM กับ APM ห้ามหยุดพร้อมกัน"

ตอนแรกเราตั้งใจกลับบ้านมะรืนนี้ และพรุ่งนี้เราจะไปจัดการธุระส่วนตัวทั้งปวง เช่น ไปปิดบัญชี ๒ ธนาคาร, ไปซื้อกองทุน, ฯลฯ ส่วนพี่ณัฐไป ตจว. ตั้งแต่เย็นนี้ แต่พอมาเจอประชุมด่วนของพี่วิลเข้า เราเลยต้องพูดเบาๆ "หนิงอยู่ก็ได้ค่ะ" เฮ้อ… เซ็งเลย พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน

Wednesday, December 26, 2007

แล้วหนิงจะดูแลเจ้าชายเอง

เมื่อวันก่อนคุณสุพจน์เอาบัตรกินข้าวฟรีที่ "ร่มไทร" ๔ ใบ มาให้พี่ณัฐ แต่โดนเราดักคอว่า พี่ณัฐกินอาหารโรงแรมบ่อยแล้ว แถมไม่ค่อยมาไซท์อีกตะหาก พี่ณัฐเลยจำใจต้องยกบัตรกินข้าวให้เราต่อหน้าคุณสุพจน์ ตอนแรกเราตั้งใจจะพาเด็กๆ ไปกิน แต่น้องเมย์หนีกลับ ตจว. ไปซะก่อน เราเลยเปลี่ยนแผน ชวนคุณสุพจน์ไปกินแทน โดยเล็งผลเลิศว่าคุณพี่อองวินน่าจะไปด้วย ตอนไปชวนกินข้าวเที่ยง คุณสุพจน์ดูงงๆ แต่พอเราบอกว่าที่ไหน แกก็หัวเราะใหญ่ และเป็นไปตามคาด คุณพี่อองวินก็มาจริงๆ ด้วย

งานนี้เราเลยรู้ว่า คุณพี่เป็น Veggy แน่นอน (ตอนแรกนึกว่าคุณสุพจน์อำ) โห… แต่ขอนินทาหน่อยเหอะว่า คุณพี่เป็น Veggy ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกที่เราเคยเห็น แต่ก็ตามมาด้วยคำพูดบาดหูว่า "My wife is also vegetarian." แหม… อันนั้นหนูไม่อยากรู้ค่ะ คุณสุพจน์แซวว่า พี่อองวินอัดแป้งเยอะไปหน่อย เลยเป็น Veggy ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ อันนี้เห็นจะจริง เราเลยได้ข้อมูลต่างๆ เพิ่มมาอีก เพราะมีอีตา ปส. กับพี่ณัฐชวนพี่วินคุย อิอิ…

พี่อองวินปีนี้อายุ ๔๗ แล้ว (โห… ตรงตามที่หมอดูบอกเลยว่า เนื้อคู่หนูเป็นชาวต่างชาติ อายุห่างกันมาก) มีสัญชาติเป็นออสเตรเลีย (โห… เจ๋งอ่ะ มิน่า… ภาษาอังกฤษดีเชียว) มีแม่บุญธรรมเป็นคนไทย แถมคุณแม่ยังมีที่ในซอยสุขุมวิท ๔๐ อีก ๒๐๐ วา (เอ่อ… คุณแม่อยากได้ลูกสะใภ้เพิ่มเป็นคนไทยบ้างไม๊คะ) และเป็นคนสอนพี่อองวินพูดไทย พี่อองวินอ่านไทยได้ด้วยเล็กน้อย (ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนิงอ่านให้ฟังก็ได้ค่ะ) ทำเปเปอร์เรื่องงานดินเยอะมาก (มิน่าล่ะ ถึงได้เขียน Method Statement ได้ดีมากๆ) ว่างๆ พี่อองวินก็จะไปนั่งสมาธิ อย่างปีที่แล้วก็ไปนั่งมา ๑ อาทิตย์ แถมพาภรรยาไปด้วย แถมยังอ่านหนังสือธรรมมะที่พระฝรั่งเป็นคนเขียนด้วย (เอ่อ… แล้วอย่างนี้นางมารอย่างหนูจะแทรกเข้าไปในชีวิตคุณพี่ได้ยังงัยละคะ) พี่อองวินตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ ๕๕ (ก็ขอให้พี่วินได้เกษียณก่อน ๖๐ สมตามความตั้งใจนะคะ)

พอกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาประชุม Site แต่พอพี่ณัฐเอา Milestone ของฤทธามาให้ดูเท่านั้นแหละ พี่อองวินถึงกับปรี๊ดแตก เสียงดังขึ้นมาทันทีว่า ก็บอกไปแล้วว่าทำตามนี้ไม่ได้ และแกก็ให้แผนงานของแกไปแล้วด้วย ทำไมฤทธาไม่ยอมฟัง จนคุณสุพจน์ต้องพูดแบบขำๆ ว่า "คุณวินใจเย็นๆ เดี๋ยวความดันขึ้น" เลยฮากันทั้งห้อง เรางี้อึ้งไปเลย เพราะปกติเราเห็นคุณอองวินออกจะใจเย็น เลยหักคะแนนฤทธาออกหน่อยนึง ฐานทำคุณอองวินโมโห ขนาดคุณยุทธยังพูดเลยว่า ฤทธามันแย่จริงๆ นะเนี่ย ขนาดทำคุณวินโมโหได้ เราเลยตั้งใจว่า ในประชุมครั้งต่อไปกับฤทธา เราต้องช่วยพูดแทนคุณพี่อองวินของเราอย่างเต็มความสามารถ!

Monday, December 24, 2007

ตรวจร่างกาย

เมื่อวานเป็นวันเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลเลยประกาศให้เป็นวันหยุด เราเลยถือโอกาสไปตรวจร่างกายหลังจากที่เลื่อนมานานจนโดนหมะบ่น ที่เราต้องไปวันธรรมดา เพราะคุณหมอสูติฯ ที่รักษาเราเขาไม่ทำงานเสาร์-อาทิตย์ เราถือโอกาสตรวจช่องท้องแบบสแกนไปด้วย (เซ็งเล็กน้อยนะเนี่ยที่ต้องจ่ายเองหมด) ซึ่งต้องกินน้ำไปซะเต็มคราบ ตอนตรวจอยู่น้องที่เขาตรวจเราถามว่า เราตัดรังไข่ออกเหรอ แล้วถามต่อว่าเป็นข้างไหน เราเบลอๆ เพราะปวดฉี่อิ๋บอ๋ายเลยตอบไปว่า "ข้างขวาค่ะ" เพราะจำได้ว่าปวดท้องแถวนั้น น้องเขาฟังแล้วร้อง "เอ๊ะ" เราเลยนึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นข้างซ้ายตะหาก แต่ที่ปวดท้องข้างขวา เพราะของเสียมันไหลไปรวมกันที่นั่น พอตอบใหม่เขาก็โอเค เราเลยนึกในใจ อ้าว แล้วถามทำไมละเนี่ย ดูจากในจอก็รู้นิ

พอตอนมาฟังผล หมอบอกว่า ท่อไตเรามีรูปร่างผิดปกติ มันใหญ่นิดหน่อย เราฟังแล้วใจหายแว่บ เฮ้อ… อย่าบอกนะว่าเรามีอาการเป็นโรคไตแล้ว แต่ฉี่เราปกตินี่นา หมอบอกต่อว่า แต่ไม่มีอะไร และไม่มีอาการของโรคไตด้วย เพราะผลฉี่เราปกติ (ลอจิกใช้ได้ คงไม่ต้องไปหามือที่ ๓ มาตรวจอีกรอบ) เฮ้อ… ใจคอหายหมด เรานึกในใจ คราวนี้เราต้องทำสแกนช่องท้องทุกปีแน่ เพราะไม่รู้ว่าไอ้ท่อไตของเรามันจะผิดปกติอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่… เฮ้อ… ปีนี้ไม่ค่อยดีแฮะ…

Sunday, December 16, 2007

เจ็บหลัง

ตอนแรกนึกว่าจะได้ไปลอนดอน เราเลยไปเลือกตั้งล่วงหน้า คราวนี้ตั้งใจไปเลือกตั้งมาก เพราะอยากเป็นอีก ๑ คะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ และคราวนี้เรากลายเป็นคน กทม. แล้วด้วย ที่สำคัญกลัวไอ้หมักได้เป็นนายกฯ ตอนแรกเรากะกาประชาฯ ๓ เบอร์รวด แต่เอาเข้าจริง เรากลับลังเลใจอยู่พักนึง ก็เพราะนามสกุลของคุณกรณ์ ดันมาเป็นนามสกุลเดียวกับไอ้สันฯ ศัตรูข้างโครงการเรา พักหลังมันทำตัวเลวสุดๆ นึกครึ้มขึ้นมาก็โทรมาด่าเรา หรือไม่ก็เมลล์มาโวยให้เราโดนทั้งพี่ณัฐทั้งโอนเนอร์โทรมาบี้ทันที แต่จริงๆ แล้วหน้างานไม่มีอะไร หรือมันเป็นคนแก่ที่ขาดความอบอุ่นวะ พอมีคนไปหา-ไปคุยด้วย ชีวิตก็สงบสุขทันที เฮ้อ… บ่นมาซะยาว แต่สุดท้าย… เพื่อชาติ ให้ญาติมันได้เป็นใหญ่ก็ได้วะ ไม่อยากนึกเลยว่า ถ้าคุณกรณ์ได้ตำแหน่งด้วย มันจะทำตัววุ่นวายขึ้นไปอีกขนาดไหน เฮ้อ…

ทำไมถึงเจ็บหลังนะเหรอ ก็เจ้าของบ้านที่ลอนดอนนะดิ หักหลัง เลื่อนไป ๕ ม.ค. เฉยเลย แถมไม่โทรมาบอกเราอีก แต่กลับไปเมลล์ทิ้งไว้ กรูจะบ้า… ดีนะเนี่ยที่เราโทรไปร่ำลา เพราะตามกำหนดคุณน้องจะเดินทางวันพุธนี้แล้ว เราเลยต้องเลื่อนตั๋วอีกรอบ คิดไม่ตกจริงๆ ว่าจะไปพร้อมกัน หรือรอไปสงกรานต์เหมือนเดิม แต่เรารอนานขนาดนั้นไม่ได้จริงๆ จะขาดใจแล้วนะ ไม่ได้เที่ยวมาเกือบ ๒ ปี สุดท้ายงัดปฏิทินมาดูวันหยุด จำได้ว่าต้นปีมันมีวันมาฆะฯ นี่นา และปีนี้มันอยู่กลางกุมภาซะด้วย เออ ไปตอนนั้นดีกว่า เก็บสงกรานต์ไว้ไปเที่ยวกับป้าๆ เพราะไม่ได้ไปเที่ยวกันนานแล้วเหมือนกัน และปีนี้เราก็ไม่ได้ไปกรีซกับป้าๆ ด้วย ทั้งๆ ที่กรีซก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เราชอบ แต่ไม่เป็นไร ยังเหลือหมูอยู่อีกคน อิอิ…

อยู่ว่างๆ เราเลยรื้อหาเงินยูโรที่แอบเก็บไว้มาเตรียมการ แต่กลับเจอดวงเก่าที่หมอดูที่เชียงใหม่ตอนไปเที่ยวงานราชพฤกษ์ให้จดไว้ คุณหมอดูทายว่าเราจะเจอเนื้อคู่ปี ๕๐ หรือต้นปี ๕๑ เป็นคนต่างชาติ อายุห่างกันมากๆ เลยให้นึกเข้าข้างตัวเองว่า หรือจะเป็นคุณพี่อองวินฟระ แต่คุณพี่อองวินแต่งงานแล้วนี่หว่า แถมยังใส่แหวนที่นิ้วนางอยู่ด้วย ท่าทางจะรักมั่นคง ครอบครัวไม่ระหองระแหง แต่เอ… หรือเราจะเจอใครช่วงเดินทาง แต่ดวงแต่งอีกตั้ง ๔ ปี แน่ะ กว่าจะถึงตอนนั้น ไข่ก็หมดอายุพอดี… กลุ้มใจๆๆ…

Monday, December 10, 2007

Outing Day 2

ช่วงเช้าเป็นสัมนา ริทซ์ฝากให้ถามว่า ปีนี้โบนัสกี่เดือน เราว่าหลายคนก็อยากรู้ แต่ไม่กล้าถามคำถามนี้ สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้มันเป็นคำถามคาใจต่อไป กินข้าวเที่ยงเสร็จก็กลับ กทม.

ที่หน้ารีสอร์ทมีต้นปีปปลูกอยู่ ออกดอกเต็มไปหมด พี่สุชาติไม่รู้นึกครึ้มงัยหันมาถามเราว่า รู้จักกาสะลอง รีสอร์ทไม๊ แล้วก็อธิบายว่า กาสะลองเป็นภาษาพม่า ส่วนภาษาไทยก็คือ ต้นปีป เราเลยนึกในใจ ดีจัง จะได้มีเรื่องไปคุยกับพี่วิน แต่ทายได้เลยว่า วิศวกรอย่างพี่วิน ไม่รู้จักต้นกาสะลองแน่นอน…

Sunday, December 9, 2007

Outing Day 1

เพราะริทซ์ต้องกลับมาทำงานพรุ่งนี้ เลยต้องขับรถไป Outing เอง ไม่ไปรถตู้ของบริษัท เราเลยได้ทีติดรถมันไปด้วย มันนัดว่าจะมารับเรา ๗ ครึ่ง แต่ ๗.๔๕ น. เราโทรไป มันพึ่งงัวเงียตื่นมารับ ฮ้า… แล้วก็วนไปรับคุณธำรง แล้วก็รีบเหยียบเต็มที่ และดูเหมือนจะทำเวลาได้ดี เลยแวะซื้อขนมกัน-กาแฟกันชนิดคุณธำรงแซวว่า คณะเราใจเย็นดีจริงๆ แล้วถึงได้ฤกษ์ตามชาวคณะไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เราเลยได้โอกาสถ่ายรูปคู่กับน้องริทซี่ เพราะคุณธำรงไม่พลาดที่จะทำหน้าที่เป็นช่างภาพ หุหุหุ… ซักพักชาวคณะก็เดินมาเจอพวกเรา การถ่ายรูปคู่เลยจบลงแต่เพียงเท่านี้

กิจกรรมวันนี้มี ล่องแพเปียก-ขี่จักรยาน และคาราโอเกะ ไอ้เราก็สงสัยว่ามันเปียกยังงัย แต่พอเห็นสภาพแพก็ไม่แปลกใจ เพราะมันเป็นแพไม้ไผ่ผูกเข้าด้วยกัน และพอนั่ง มันก็จะจมอยู่ในน้ำประมาณ ๑๐ ซม. ทางรีสอร์ทให้ล่องมาตามแม่น้ำประมาณ ชม. นึง พวกหนุ่มๆ นำทีมโดยพี่ณัฐนั่งจนเบื่อ เลยลงไปว่ายน้ำแทน เสร็จแล้วก็ให้ขี่จักรยานกลับมาที่รีสอร์ท เรางี้ชักหวั่นๆ จะขี่กลับไหวไม๊เนี่ย… แต่สุดท้ายก็มาถึง เย้!

แน่นอนกินข้าวเสร็จก็ต้องเป็นคาราโอเกะ บริษัทนี้เขาร้องกันเก่งจริงๆ ตอนแรกพี่ณัฐออกตัวว่าร้องเพลงไม่เป็น แต่พอเราช่วยพี่แกหาแนวจนเจอ คราวนี้ร้องไม่หยุด คาราบาว ๕ เพลงรวด รู้ตัวอีกที ริทซ์ก็หนีกลับไปแล้ว ก็ขอให้งานพรุ่งนี้ราบรื่นผ่านไปด้วยดีนะจ๊ะ

Friday, December 7, 2007

จำนำมือถือ

เราไม่มีมือถือใช้อยู่ ๒-๓ วัน เลยรู้กันทั้งไซท์ว่าเรามือถือหาย เรางี้โวยคุณสุพจน์คนแรกว่า ทำมือถือเราหาย เพราะคุณสุพจน์เป็น Last Call แต่พอตาตนุเห็นมือถือใหม่เรา ก็เอาไปเม้าท์ว่า ที่จริงเราไม่ได้ทำมือถือหาย แต่เราเอามือถือไปให้ผู้ชายตะหาก เออ… ชั้นคงรักไอ้บ้านั่นมากเลย ถึงขนาดให้ซิมมันไปได้ แต่ที่แค้นที่สุด คือ ไอ้แจ๊ค เพราะมันถามเราอย่างเอาจริงเอาจังว่า เราเอามือถือไปจำนำรึป่าว เฮ้ย… คิดได้งัยวะ อย่างแรกยังพอทน แต่อย่างหลังนี่รับไม่ได้จริงๆ อ่ะ

เย็นนกนัดกินข้าว เพราะเรารับปากไว้ว่าจะเลี้ยงข้าวนก แต่พอเอาเข้าจริงๆ เพราะมันใกล้วันเกิดเรา นกเลยต้องกลายเป็นคนเลี้ยงข้าวเราแทน หุหุหุ…

Wednesday, December 5, 2007

แก่ขึ้นอีกปี

เวลาผ่านไปไวเมื่อโกหก เผลอแป๊ปเดียวก็ครบปีอีกล่ะ ปีนี้เราฉลองวันเกิดในกรุงเทพฯ ไม่ได้ลางานกลับบ้าน เพราะพี่ณัฐชิงลาไปดำน้ำก่อน เราเลยต้องอยู่โยงเฝ้าไซท์ เลยถือโอกาสนัดสาวๆ ไปกินกันที่กัลปพฤกษ์ แล้วถึงรู้ว่าเก๋ไม่เคยมาร้านนี้ ทั้งๆ ที่พวกเรามากินร้านนี้กันบ่อยมาก เก๋กินอย่างเมามัน เออ… ก็ดี อย่างน้อยวันนี้ก็มีคนมีความสุขเพิ่มขึ้นอีก ๑ คน…

ปีนี้เราไม่ได้ซื้อของขวัญให้ตัวเอง เพราะเมื่อกลางปีได้ใช้ข้ออ้างนี้ไปแล้วในการซื้อกระเป๋า Kenzo ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากัน

Sunday, December 2, 2007

อยากมีลูกๆๆ

แจ้พาไปดูที่ที่จะซื้อมาทำจัดสรร พร้อมๆ กับที่ที่จะซื้อเพื่อสร้างบ้าน เราชอบแปลงที่อยู่ใกล้ๆ ห้างแมวตัวใหญ่ของมุก (บิ๊กซี แคท) ส่วนหมะเฉยๆ เราว่าหมะคงไม่อยากให้ลงทุนในภาวะเศรษฐกิจซบเซาละมั๊ง แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรมาก แต่เราว่าแจ้ทำจัดสรรเล็กๆ ก็ดี เพราะแจ้จะได้มีงานทำ ส่วนหมะก็จะได้มีเรื่องอื่นต้องคิด ไม่พะวงกับโรคไตของตัวเอง (แต่ถึงตอนนี้หมะก็ดูโอเคในแง่จิตใจขึ้นมากแล้ว) ส่วนเราก็จะได้มีงานทำในอนาคต เผลอๆ ถ้าออกมาดี ทำกันเป็นล่ำเป็นสรร เราก็จะได้กลับมาอยู่กับที่บ้านซะที นับแต่เรื่องวิน-วิน-วิน เชียวนะเนี่ย…

ที่อพาร์ทเมนท์แจ้ไม่มีกาแฟกิน เราเลยขอเข้าเซเว่นฯ โดนมีมุกเป็นหัวหน้าทัวร์คอยช่วยหาร้านซเว่นฯ ตลอดทาง เพราะกะให้เราซื้อน้ำหวานให้กินด้วย แต่เหมือนคุณเก๋จะอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่สนใจอะไรเลย ตะลุยขัยรถไปเซ็นทรัลแบบไม่พูดไม่จา เราเลยไม่กล้าบอกให้ช่วยจอดนอกเส้นทาง พอไปถึงเซ็นทรัลเราก็กลัวมุกเสียใจ เลยถามมุกว่า เอาน้ำอย่างอื่นแทนน้ำเซเว่นฯ ได้ไม๊ มุกบอกไม่ได้ แต่เปลี่ยนเป็นให้เราอุ้มแทน เราเลยใจอ่อนจับมุกมาโยนเล่น-หมุนไป-หมุนมา ในใจก็กลัวท้องแตกนิดๆ แต่อยากอุ้มมุกมากกว่า พอขากลับขึ้นรถไปส่งเรา มุกก็แบตหมดทันที-หลับคาตักเรา ทำเอาวิญญาณแม่ในตัวเราออกอาการอีกแล้ว อยากมีลูกๆๆๆๆๆ…

Saturday, December 1, 2007

นางทาส

ก่อนไปหาดใหญ่เราก็ถือโอกาสเลื่อนตั๋วเครื่องบินไปลอนดอน จากที่จองไว้ช่วงสงกรานต์มาเป็นคริสต์มาส เพราะทนไม่ได้แล้ว ชั้นต้องไปไหนซักที่นึงบนโลกใบนี้ให้ได้ในตอนนี้ และก็รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ด้วยที่จะได้ไปเคาท์ ดาวน์ที่โน่น

พอไปถึงเปิดมือถือปุ๊ป message เข้าปั๊ป แหม… เป็นคุณนพซะด้วย ท่าจะเหตุการณ์ไม่ดีแฮะ และก็เป็นไปตามคาด ไอ้เจมาป่วนที่ไซท์ คุณเบนต้องให้บริษัทเรามาทำงานช่วงเสาร์-อาทิตย์ แถมระบุตัวด้วยว่า ถ้าไม่ใช่คุณนพ, พี่ณัฐก็ต้องเป็นเรา คราวนี้เราเลยซวยทันที คุณนพจะให้เรากลับ กทม. ให้ได้ แถมโวยว่า ทำไมเราไป ตจว. ไม่บอกเขาก่อน เฮ้ย… นี่มันวันหยุดของชั้นนะ ต้องขออนุญาติก่อนด้วยเหรอ ชั้นไม่ใช่นางทาสนะยะ เลยทำเอาเราอารมณ์เสียหน่อยๆ พอแจ้มารับไปกินข้าว เราก็เอามือถือมาวางบนโต๊ะ เพราะกลัวคุณเบนหรือใครโทรมา จะไม่ได้ยินเสียง (หลอนไปเลยตู) ในใจก็นึกว่า เดี๋ยวตูได้ลืมมือถือแน่ และก็เป็นไปตามคาด กว่าเราจะรู้ตัวว่าลืมมือถือ ก็อยู่บนรถแล้ว พอวกรถกลับไป ก็ไม่ทันการณ์ซะแล้ว เราละแค้นใจจริงๆ กว่าจะตัดใจถอยมือถือเครื่องใหม่นี่มา ก็คิดอยู่เป็นนานสองนาน นี่พึ่งผ่อนหมดเอง พอไปซื้อมือถือใหม่ เลยเอารุ่นเดิม-สีเดิมเป๊ะ ในใจก็คิดว่าควรไปซื้อหวยโดนด่วนตามที่ไอ้ฟลินท์มันบอก เพราะเมื่อโชคร้ายแล้ว โชคดีจะตามมา ดูซิว่า มันจะเป็นอะไร…

Friday, November 30, 2007

ได้ฤกษ์ก่อสร้าง(จริงๆ)ซะที

เช้าไปขอวีซ่าไปอังกฤษ เพราะเขาบอกว่าถ้ามีปัญหาต้องสัมภาษณ์ จะใช้เวลา ๓ อาทิตย์ (จากเคสปกติที่ใช้เวลาแค่ ๑ วัน) เราเลยต้องรีบแจ้นไปขอวีซ่าแม้ว่าจะยังติดต่อคุณน้องไม่ได้ก็ตาม (ลุ้นอิ๋บอ๋าย เพราะเราอ้างชื่อคุณน้องไปด้วย) แต่สุดท้ายเราก็ได้วีซ่าเลยในวันนั้น ดีใจจัง จะได้ไปเที่ยวแล้ว

วันนี้โครงการฯ ได้ ๓๙ ทวิ เพราะได้ EIA เมื่องานนี้เอง พอซีฟโก้เจาะเข็มปุ๊ป ไอ้เจกับไอ้สันฯ ก็หาเรื่องโครงการฯ ทันที เริ่มจากไอ้สันฯ โทรมาด่าเราเรื่องที่ครอบแอร์ว่า ทำงานไม่ดี แอร์เสียงดังโคตรกว่าเดิม แล้วไอ้เจก็มาที่ไซท์กับมัน (เพื่อนบ้านแสนดีจริงๆ) พร้อมด้วยเครื่องวัดเสียงสั่วๆ ของไอ้สันฯ ที่วัดทีไรก็สูงกว่าเครื่องวัดของโครงการทุกครั้งไป และพอถามว่า Calibrate ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ก็จะอ้อมแอ้มตอบว่า ไม่เคย Calibrate ของมันเป็นแบบเครื่องวัดเสียงสมัครเล่น แหมโว้ย… แล้วมึ-จะมาโวยอะไรเนี่ย ไอ้เจเลยขู่เราว่า มันจะฟ้องเขตฯ ทุกวัน ให้เขตฯ มาวัดเสียงด้วย รับรองโครงการฯ โดนปิดไซท์แน่ แต่คุณเบนบอก ไม่ต้องสนใจ ขอให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็พอ เราค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เกลียดมัน ๒ ตัว จริงๆ แล้วก็นึกสมน้ำหน้าที่มันโก่งค่าที่ดินซะแพงจนโครงการฯ ซื้อไม่ลง จะมาลดราคาตอนนี้ก็ไม่ทันล่ะ เพราะมาสเตอร์ แพลนเสร็จแล้ว ที่ดินของมันมีค่าแค่เป็นที่จอดรถของโครงการฯ เท่านั้น ซึ่งก็ไม่จำเป็น เพราะโครงการฯ มีที่จอดรถเหลือเฟือ (ก็เล่นขุดลงไปซะ ๓ ชั้น) สมน้ำหน้าจริงๆ

พอหัวฟูกลับมานั่งที่โต๊ะได้ ๒ นาที คุณนพก็เรียกเราไปคุย เรางี้นึกในใจ ถ้าเรียกมาด่าล่ะโดนด่ากลับแน่ เพราะป้ากำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ขอบอก แต่กลับกลายเป็นว่า คุณนพบอกว่า พี่วิลฯ ฝากมาชมเราว่า เราดูเอกสารละเอียดขึ้น-ทำงานเรียบร้อยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารประมูลผู้รับเหมาหลักของโครงการฯ ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า พี่วิลฯ จะชมหรือประชดเรากันแน่ เพราะถ้าเทียบกับสิ่งที่เราต้องอ่านทั้งหมด เราพึ่งจะอ่านไปได้แค่ ๑๐% เอง ทั้งๆ ที่ตอนนี้โครงการฯ จะ award ผู้รับเหมาหลักร่อมร้ออยู่แล้ว แถมที่สำคัญ พึ่งจะรบกันเรื่อง P-Trap ไปหมาดๆ แต่ก็เอาเหอะ เชื่อดีกว่าไม่เชื่อ ว่าแล้วคืนนี้เราเลยต้องหอบเอกสารตั้งใหญ่มาอ่านต่อที่บ้าน เพราะกลัวโอนเนอร์จะผิดหวังในตัวเรามากไปกว่านี้ เฮ้อ… เหนื่อยๆๆ…

Saturday, November 24, 2007

ลอยกระทง

ตอนแรกนึกว่าจะไปลอยกระทงด้วยความสุข ที่ไหนได้โครงการดันมีเรื่องทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันนี้ จะอะไรซะอีกล่ะ ก็ลูกน้องของพี่วินสุดเลิฟของเราไปรื้อโดนสายไฟกับท่อน้ำของโรงแรมเข้าแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็ใครจะไปรู้วะว่า โรงแรมยังจะมีท่ออะไรต่อมิอะไรฝังอยู่ในโครงการ คุณใหม่วิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าเพื่อช่วยหาไฟชั่วคราว แต่กว่าเราจะรู้เรื่องก็บ่ายหล่ะ พอหันไปเห็นทีมเฮีย ปส. นั่งสูบบุหรี่คุยกัน เราเลยออกไปสั่งให้พวกมันช่วย Acting ซะหน่อย อะไรกันเป็นงานระบบซึ่งเป็นงานในส่วนของมันแท้ๆ มันยังจะมาอิดออด แต่พอเห็นโอนเนอร์เดินมาเท่าั้นั้นแหละ 3 ตัว ลุกขึ้น Acting พรึ่บพรั่บ เราหมั่นไส้จนทนไม่ได้ เลยพูดกับโอนเนอร์ไปว่า “สบายใจได้แล้วค่ะ ไมนฮาร์ท Acting แล้ว” เหตุการณ์ถึงได้สงบ ให้ตายเหอะ นี่ถ้าโอนเนอร์ไม่เห็น มึ-จะไม่ทำหรืองัยวะ ไม่น่าเชื่อว่า จนยุคนี้แล้ว ยังมีพวกทำงานเอาหน้าอยู่อีก จะบ้าตายจริงๆ กว่าจะเคลียร์ขั้นต้นเสร็จก็เย็นๆ ได้เวลาไปลอยกระทงพอดี งานนี้เลยรอดพ้นหวุดหวิดจากการตอบคำถามน่าอึดอัดว่า คืนนี้จะไปลอยกระทงที่ไหนเหรอ เพราะเราจะตอบอย่างเสียงดังฟังชัดว่า ไปลอยบ้านเพื่อนค่ะ (ต้องขอขอบพระคุณท่านเจ้าของบ้านไว้ ณ ที่นี้) แต่ไม่ได้บอกนะว่า มีแต่เพื่อนสาวๆ เฮ้อ…

เรานัดกับหมูและหญิงที่คอนโด (หญิงเอากระทงมาอีกตะหาก ฮ้า… เอาจริง วุ๊…) และงานนี้เราเตรียมตัวมาดีมาก เพราะปรินท์แผนที่มาเรียบร้อย (ก็ หห. ให้แต่แผนที่แถวบ้าน ไอ้ครั้งเราจะให้วาดตั้งแต่สาทร ก็เกรงใจ) มีหมูเป็นเนฯ ไม่นานก็มาถึงบ้าน หห. งานนี้มีปุ๊ก, เก๋, หญิง, หมู, เรา และ ๒ เจ้าของบ้าน คุณอุ่นรีบบอกว่า ไม่ได้ชวนพี่โก๊ะโกะ เพราะไม่คิดว่าเราจะเอาจริง เฮ้ย… พูดงี้ได้งัย เดี๋ยวก็งอน กลับบ้านซะเลย…

ก่อนกินก็ต้องชมบ้านก่อน มาบ้านสถาปนิกทันที จะไม่เยี่ยมชมบ้านได้ยังงัย บ้านก็น่ารักไม่เสียชื่อที่เจ้าของบ้านมีสัมมาชีพเป็นสถาปนิก หมูงี้ชมตลอดเวลา แล้วก็ได้เวลากิน ก็กินไป-คุยไป-มุขไป จะมุขขนาดไหน คุณอุ่นก็ไม่ยอมโทรไปหลอกพี่โก๊ะโกะมาจริงๆ สุดท้ายหลังจากที่โดนเรามุขเอาจริงไปหลายดอก คุณอุ่นก็ยอมเอารูปพี่โก๊ะโกะมาให้ดู (กว่าจะได้ดูรูป เล่นเอาป้าออกแรงซะเหนื่อยขนาดนี้ เฮ้อ…) หน้าพี่โก๊ะโกะไทยมากๆ จริงๆ ด้วย แต่ที่เราผิดหวังมากๆ คือ ทำไม Art Director แต่งตัวเชยงี้วะ ติสจรืงป่าวเนี่ย แหม… ไอ้เราก็วาดฝันซะ… เฮ้อ… คุณอุ่นเลยได้ทีพูดว่า "เห็นไม๊ ผมบอกแล้ว คุณหนิงไม่ชอบเพื่อนผมหรอก" รอดพ้นจากการถูกเราเหน็บเรื่องไม่ยอมแนะนำพี่โก๊ะโกะไปในบันดล

ก่อนแยกย้ายกันกลับ ป้าๆ เปลี่ยนใจไม่เดินไปลอยกระทงที่คลองแถวบ้าน หห. เพราะกลัวสวัดดิภาพตัวเอง เนื่องจาก หห. เตือนว่า แถวนั้นจิ๊กโก๋-วัยรุ่นเยอะ เกิดมันไม่แซวป้าขึ้นมา จะเสีย Self กันแย่ สู้กลับบ้านไปนอนตีพุงเลยให้สบายใจจะดีกว่า (ก็เล่นกินกันซะเต็มคราบขนาดนั้น) เลยเป็นอันไม่ Complete มิชชั่นวันลอยกระทงไปซะฉิบ…

Friday, November 23, 2007

เกรี้ยวกราด

เมื่อวานพี่ Stanley เรียกเราไปเคลียร์เรื่องแบบ เคลียร์ไปเคลียร์มา ดันมาวกเข้าเรื่องเราตรวจแบบช้า เราเลยปรี๊ดขึ้นมาทันที โวยกลับเรื่องคนไม่พอทันที แถมพูดว่าที่พูดมามันไม่ใช่สโคปของบริษัทเรา ทำเอาเฮียอึ้งๆ ไป พอบ่ายๆ พี่ณัฐมา เฮียก็เรียกพี่ณัฐไปคุย แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะดี เพราะพี่ณัฐกลับมาบอกเราให้หาคนมาช่วยเพิ่ม ฮ้า… รู้งี้โวยไปนานล่ะ

หลังจากที่เราโดนประชดว่าจากโอนเนอร์ว่า อย่าเชื่อผู้รับเหมาทั้งหมดจนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะพี่วิลฯ มุดลงไปดู P-Trap แต่หาไม่เจอ วันนี้เราไม่ยอมแพ้ เพราะเราว่าไอ้แจ๊คไม่กล้าหลอกเราแน่นอน เราเลยบังคับให้มันมุดลงไปถ่ายรูป P-Trap ให้เรา ถึงรู้ว่าที่แท้พี่วิลฯ ของเรามุดผิดรู พอเราส่งรูป P-Trap ไปให้วิลฯ ดู เรื่องเลยมาจบที่ พี่วิลฯ ให้เราเปลี่ยน P-Trap จากท่อ PVC ให้เป็นท่อเหล็กชุบฯ แทน ชนิดไม่ยอมเสียฟอร์มโอนเนอร์ ยังงัยก็ต้องขอเป็นคนพูดประโยคสุดท้าย เฮอะ… เรื่องอื่นพอยอมกันได้ แต่มาหยามกันเรื่องคุมผู้รับเหมา เรายอมไม่ได้เด็ดขาด

พอตกบ่ายเราก็โต้เมลล์กับคุณ อ. เรื่องไฟสปอต์ไลท์ หนอย… ยืมมา ๑ ดวง จะให้คืน ๒ ดวง จะบ้าเหรอ สุดท้ายมาจบที่ คุณ อ. ยอมสารภาพมาว่า อีกดวงนึงมันอยู่มากับต้นไม้ตั้งแต่ชาติที่แล้วก่อนที่จะเริ่มโครงการซะด้วยซ้ำ (เออ… กรูจะรู้ไม๊เนี่ย…) ให้เราช่วยหามาคืนหน่อย เออ… เห็นเราเป็นอะไรเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ เราจะช่วยตามล่าจากผู้รับเหมามาให้

หลังจากตบตีกับโอนเนอร์ไปครบ ๓ คน เราเลยโดนหนุ่มๆ ในออฟฟิสแซวว่า หมู่นี้ดุจัง หนอย… เล่นรุมเราซะขนาดนี้ ใครจะไปยอมได้ล่ะ และเพราะมัวแต่ไปทะเลาะกับชาวบ้านเขา เราเลยทำงานไม่เสร็จ เลยตัดสินใจเสียสละการไปโยนโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยคุณพี่จอร์จ คลูย์นี่ เอ๊ย คุณจอร์จ เบบนี่ - จีเอ็มของโรงแรม เพราะเราจะต้องรีบเคลียร์งานเพื่อที่จะได้ไปลอยกระทงที่บ้าน หห. ซึ่งจะต้องลุ้นว่า คุณสามีของ หห. จะยอมหลอกพี่โก๊ะโกะมาให้เรารู้จักหรือป่าว วู้… ลุ้นระทึก แฮะ…

Monday, November 19, 2007

รักวันจันทร์

ชั่งใจอยู่นานว่าจะหัวข้อว่าอะไรดี ระหว่างรักวันจันทร์, Construction Technology 3 หรือว่าฉันรักผัวเขา! แต่ด้วยความที่มีกุลสตรีไทยอยู่ในตัวเล็กน้อย เลยเอาอันสุดท้ายออกเป็นอันแรก ทำไมนะเหรอ เพราะเมื่อวานนี้ตอนกลับจากพัทยา ริทซ์บ่นใหญ่เลยที่พรุ่งนี้ คือ วันจันทร์ แต่เรากลับรู้สึกเฉยๆ เลยให้เอะใจว่า โรคเกลียดวันจันทร์ของเรามันหายไปตอนไหนวะ

ทุกวันจันทร์บ่าย 3 เราจะมี Technical Meeting ซึ่งมีตา ปส. เป็นลีดในการประชุม เฮียเลยพูดได้อย่างเมามัน ชนิดไม่ต้องเกรงใจใคร จะว่าไปเฮียเขาก็รู้มากจริงๆ นั่นแหละ แต่เราคิดว่า มันเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รู้ (แต่เราเป็นคนส่วนน้อย ความรู้ด้านเทคนิคเราน้อยมากๆ จริงๆ โดยเฉพาะเหมือนเทียบกับคนแถวนี้) และที่สำคัญ ผู้รับเหมาที่ฟังเขารู้มากกว่าตา ปส. ด้วยซ้ำ (โดยเฉพาะพี่วินของเรา) เพราะฉะนั้นในความเห็นของเรา มันไม่จำเป็นต้องอธิบายมากขนาดก็ได้ เสียเวลาอ่ะ แต่ริทซ์บอกว่า เฮีย ปส. ตั้งใจพูดข่มผู้รับเหมาว่า เฮียก็รู้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผู้รับเหมาจะมามั่วไม่ได้นะ เออ ก็จริง เราคงต้องลองมองเฮียในแง่มุมดีๆ บ้างแล้ววะ และที่ผ่านมา เราเซ็งประชุมอันนี้มาก เรียกว่า 2 ครั้งแรกของการประชุม ถ้าเราไม่โดนพี่ณัฐบังคับ เราไม่เข้าเด็ดๆ แต่ประชุมวันนี้ เรามานั่งรอในห้องก่อนใครเลยทีเดียว

ในที่ประชุม ทุกคนให้เกียรติเฮีย ปส. มาก เพราะดูทุกคนดูตั้งอกตั้งใจฟังมาก รวมถึงพี่วิน มีแต่เราที่ทำหน้าเบื่อๆ และคอยสรุปๆ แบบว่าพยายามรวบรัดการประชุมให้จบเร็วๆ แต่พอประชุมกันไปซัก 4-5 ครั้ง เราก็เริ่มสังเกตตัวเองว่า เราไม่ค่อยเบื่อแล้วที่ต้องนั่งฟังตา ปส. พูด เพราะเราจะได้มีโอกาสแอบมองหน้าพี่วินนานๆ (และหวังว่าพี่วินจะไม่สังเกตเห็นแววตารูปหัวใจในลูกกะตาเรา ; D) แล้วเลยนึกในใจว่า คงจะได้เจอกันอีกไม่นาน เพราะพอทุกอย่า่งเริ่มเข้าที่เข้าทาง พี่วินคงไม่มาประชุมบ่อยๆ แล้ว หรือจะภาวนาให้โครงการเจออุปสรรคเยอะๆ ดีวะ พี่วินจะได้มาประชุมไปนานๆ ; p แต่ก็เหมือนโชคเข้าข้าง โครงการเจอเข็มเก่า 2 ต้น ที่ไม่ได้ปรากฎในสารบทมาก่อน แถมยังอยู่ในแนวก่อสร้างซะด้วย พี่วินบอกว่า “ก็ดีครับ มีอะไรแปลกๆ และต้องพลิกแพลงบ้าง ก็สนุกดี” เราเลยได้ทีพูดว่า “งั้นสงสัยคุณวินคงต้องมาประชุมนานกว่าที่คิดแล้วค่ะ” แล้วก็แอบปลื้มอีกว่า ดูดิ ช่างเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีในการทำงานจริงๆ เราเลยให้แปลกใจว่า นี่เราชอบคุณวินได้งัยวะ ก็คุณวินรูปก็ไม่หล่อ (ทานาเบ้ยังหล่อกว่าอีกอ่ะ) แถมฟันหน้าบิ่นนิดๆ อีกตะหาก เวลายิ้มแล้วดูตลกเชียว ดูเข้าท่าแค่อย่างเดียว คือ อกกว้างน่าซบ (แม้ว่าจะมีพุงกะทิขวางอยู่ก็ตาม นี่ขนาดพี่วินเป็นมังฯ นะเนี่ย...) เราเลยให้มั่นใจว่า เราชอบพี่วินที่นิสัยอะ ก็ไอ้อาการอ่อนน้อมถ่อมตน และไม่เคยพูดโอ้อวด แถมยังอธิบายงานเราอย่างใจเย็นสุดๆ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ตามด้วยการมีทัศนคติที่ดี ตรงไปตรงมา ไม่โกงและไม่เอาเปรียบใคร ไม่คิดเล็กคิดน้อย หรือจุกจิกกับ Cost เล็กๆ น้อยๆ เลยทำให้โรคเกลียดเช้าวันจันทร์ของเราหายเป็นปลิดทิ้ง

วันนี้ผู้รับเหมางานตู้เสื้อผ้า Built-In ของโครงการแวะเอาขนมไข่เจ้าอร่อยของป้า เอ๊ยลุงต๊อบมาให้เรา 2 กล่อง พอเลิกประชุม เราเลยแบ่งให้ PM ที่เป็นลูกน้องของพี่วิน 1 กล่อง แล้วบอกพี่วินว่า “อันนี้เป็นขนม คุณวินคงกินได้นะคะ” ; )

Sunday, November 18, 2007

Any diving day is a good day!

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราได้ยินริทซ์คุยโทรศัพท์เรื่องไปดำน้ำที่เรือหลวงคราม เลยขอไปด้วย พอไปถึงพัทยาก็เจอเพื่อนริทซ์กับแฟนก่อน ก็คุยกันว่า พวกเราจะอยู่กลุ่มครูเตี๊ยะ เราก็คุ้นๆ ว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนวะ แต่ก็ช่างมันเพอะ รีบกินข้าวดีกว่า พอไปถึงท่าเรือ ก็เข้าใจว่าทำไมโลกกลม เพราะเจอตาครูอำนาจกับครูเตี๊ยะยืนต้อนรับลูกศิษย์อยู่ (เดี๋ยวนี้รุ่งเรืองเป็นครูไปซะแล้ว) แต่อำนาจบอกเราว่า ไม่ต้องเรียกครูก็ได้ เขาเขิน แต่ตาเตี๊ยะไม่ยักเขินแฮะ เรางี้ต้องตั้งสติก่อนเรียก (ยังกับตั้งสติก่อนสตาร์ทยังงัยยังงั้น) ก็เผลอจะเรียก "ไอ้" อยู่ร่ำไป

ไดฟ์แรกเป็นเรือหลวงคราม น้ำไม่แรง แต่ขุ่นโคตร เลยทำเอาเราเซ็งเล็กน้อย ใต้น้ำก็ไม่มีอะไรมากตามประสาไดฟ์ไซท์แถวพัทยา แต่ก่อนขึ้นเขาเจอปูประการังเจ๋งๆ ตัวนึง เลยฮือกันเข้ามา เราเลยไม่ได้ถ่ายรูป แถมหันมาอีกที ริทซ์ก็หายไปไหนไม่รู้ ก็ตะกี้มันขึ้นแล้วนี่หว่า เลยหากันอยู่พักนึง ถึงเห็นว่ามันลงไปไทยมุงกับเขาด้วย ลงไปตอนไหนวะ เลยลงไปลากมันตามไอ้ เอ๊ย ครูเตี๊ยขึ้นผิวน้ำ

ไดฟ์ ๒ เป็นเกาะหูช้าง เรานึกว่า เพราะแถวนี้ปลาหูช้างเยอะ แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มี ๕ อะไรเลย แถมประการังยังน้อยกว่าไดฟ์แรกอีก น้ำก็ขุ่น เฮ้อ… แต่ก็เอาวะ ดีกว่าทำงาน พอใกล้จะขึ้น ตาเตี๊ยะก็เคาะถังใหญ่ เรารีบพุ่งไป โอ… มันคือ เต่าทะเล ตัวใหญ่ใช้ได้ แต่ความที่น้ำขุ่นมาก เรามีแต่เรากับเต๊ยะที่เห็น พอขึ้นมาบนเรือ เราเลยข่มริทซ์ว่า "เป็นงัยล่ะ Split Fin แก เวิร์คสุดๆ ไล่กวดเต่ายังไม่ทันเลย 555"

ตอนแยกย้ายกันกลับ เราเห็นอำนาจขึ้นรถไปกับแก๊งค์ ๔ ป้า (คุ้นๆ ไม๊เนี่ย -_-") เพื่อนริทซ์บอกว่า พวกนี้เขาแก๊งค์เดียวกัน เรางี้นึกในใจที่เคยได้ยินใครซักคนแซวว่า อำนาจเป็นขวัญใจแม่ยก เห็นทีจะจริง 555

ขากลับริทซ์บ่นตลอดทางว่า พรุ่งนี้วันจันทร์ เบื่อๆๆๆ แต่เรากลับรู้สึกเฉยๆ ก็เลยปลอบใจมันว่า "เอาหนะ ไม่เคยได้ยินที่เขาพูดกันเหรอว่า Any diving day is a good day!" มันเลยสงบลงได้ แต่… แต่กิจกรรมในวันนี้ของน้องริทซี่ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ไม่รู้เพราะมันกินยาบ้าไป 80 เม็ด หรือว่าอะไร เพราะพอส่งเราเสร็จ มันก็ไปเตะบอลต่อ ฮ้า…

Thursday, November 15, 2007

โลกไม่ยุติธรรม

แม้ว่าทั้ง Edward, คุณ ศ. และเราจะรวมพลังกันต้าน EMC มันก็ยังคงได้รับเชิญเข้าประมูล Sorry, it’s an unfair world! แต่ก็เอาเหอะ แค่ประมูล ไม่ได้แปลว่ามันจะได้งานนิ เราเลยประกาศก้องว่า ถ้าโครงการนี้ได้ผู้รับเหมา 3 ราย คือ BTL + EMC + TWC เราจะลาออก (ก็อ้างไปอย่างนั้นแหละ จริงๆ ไม่เกี่ยว เพราะอยากออกอยู่แล้ว) ทำเอาพี่วิลทำหน้างงๆ จนพี่ณัฐต้องรีบพูดว่า อย่าไปสนใจเรา มันเป็นแค่ความรู้สึก เราเลยต้องประกาศเจตนารมณ์อีกครั้ง หนอย… เดี๋ยวย้ายสโมสรซะเลย

แถมเวรกรรมของ Showflat กับเรายังไม่หมด ขนาดส่งมอบอาคารกับเรียบร้อยแล้ว ก็ดั๊นมามีปัญหาเรื่องกุญแจ เพราะทีมงานตาตนุทำหายไป ๒ ดอก กว่าจะควานหาตัวคนสุดท้ายที่ถือกุญแจ ๒ ดอก นั่นได้ก็แทบแย่ ที่แท้เป็นพี่รวมฤทธิ์นี่เอง พอเราถามพี่รวมฤทธิ์ว่า กุญแจอยู่ไหน พี่รวมฤทธิ์ตอบว่า "ให้คนที่สวยๆ ไปทั้ง ๒ ดอก ครับ" ทำเอาเราอึ้งไป แล้วกรูจะรู้ไม๊เนี่ยว่าคนไหน เพราะก็สวยกันหลายคนอยู่ เราเลยมุขกับตาตนุว่า "ฟังแล้วอึ้งไปเลยเหมือนกัน แต่ตอนแรกน่ะ กะสวนพี่รวมฤทธิ์แล้ว่า พี่รวมฤทธิ์ให้กุญแจกับหนิงตอนไหนเหรอคะ แต่กลัวแกไม่รับมุข เดี๋ยวจะเซ็ง แต่หรือหนิงจะประกาศหากุญแจถามเมล์ดีว่า ใครรู้ตัวว่าสวย ให้เอากุญแจมาคืนด่วน เรายินดีให้อภัย" สุดท้ายเพื่อให้เรื่องสงบ ตนุเลยซื้อกุญแจใหม่มาเปลี่ยนให้ เลยเป็นอัน Happy Ending

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่ ในขณะที่พี่วิลจะ Award งานให้ BTL อยู่แล้ว น้องเบนก็ท้วงขึ้นมาว่ แน่ใจแล้วเหรอ แถมต่อท้ายว่า "Working with the French, it’s like a nightmare!" แล้วเลยบังคับพี่วิลให้หาเจ้าอื่นเพิ่ม และอนุญาตให้เราเรียกฤทธามาติวเข้มได้ เย้! ดีใจจริงๆ เลย

Sunday, November 11, 2007

กิน กิน และกิน

ตอนเช้าหมูกับปุ๊กชวนไปเดินเล่น และเพราะเมื่อคืนนอนซะเต็มสตรีม เราเลยยอมตื่นไปเดิน และไม่เสียเที่ยว เพราะอากาศดีมากๆ เย็นกำลังพอดี พอกลับมาที่บ้านพัก เพื่อนๆ ปุ๊ก เขาก็ปิ้งๆ กันต่อจนไม่ต้องลงไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหาร และในที่สุด ของที่ซื้อมาก็โดนกินไปจนหมดจริงๆ ฮ้า…

ก่อนกลับก็แวะกินข้าวกลางวันกันที่แถวๆ เขาใหญ่อีก และก็เหมือนเดิม กินกันเยอะมากๆ แต่งานนี้พี่อ๊อบขอเป็นเจ้ามือ (ขอบคุณนะคะ) แล้วก็เลยคิดเงินกัน ตอนยัยไอทีเก็บศพบอกว่า "คนละ ๖๕๐ บาท ค่ะ" เราก็อึ้งไปแป๊ปนึงว่ามื้อนี้แพงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่เอ๊ะ พี่อ๊อบเลี้ยงนี่หว่า อย่าบอกนะว่าทั้งทริป ๖๕๐ บาท โอ… พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก คราวหน้ามาเขาใหญ่กันอีกนะค๊า…

Saturday, November 10, 2007

เทศกาลบอลลูนที่เขาใหญ่

ทีแรกที่ปุ๊กชวนไปเที่ยวเขาใหญ่กับเพื่อนที่ทำงานเก่า แถมโปรโมทว่าจะได้ดูเทศกาลบอลลูนด้วยนะ เราไม่ค่อยสนใจ แต่หมูดูกระตือรือร้นอยากไปมาก แต่พออาทิตย์นี้งานน่าปวดหัวซะเหลือเกิน เราเลยเปลี่ยนใจไปเที่ยวดีกว่า สติใกล้แตกเข้าไปทุกวัน เมื่อคืนเลยเผา Minutes ถึง 3 ทุ่มกว่า เพราะตั้งใจว่า จะไม่เอางานไปทำด้วย เช้านี้เลยง่วงๆ เล็กน้อย

ทัวร์เริ่มจากการกินข้าวเช้าหน้า Egat กัน ๓ คน คือ ปุ๊ก, พี่อ๊อบ และเรา ซักพักคนที่เหลือก็มาถึง มีผู้ชายคนนึงเรียกเราว่าพี่ เรางี้ใจหายแว่บว่าทำไมเราแก่ขนาดไอ้ผู้ชายคนนี้เรียกเราว่าพี่เลยรึเนี่ย แต่พอคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันคงรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกับปุ๊ก มันเลยต้องเรียกพี่เหมือนกัน เลยสบายใจขึ้นหน่อย (ตอนหลังปุ๊กเฉลยว่ามันเป็นน้องของนิ้ง - EC แต่ขอโทษเหอะ แต่งตัวแก่ยังกับผู้ช่วยผู้ว่า เฮ้อ…) คณะนี้เขากินกันเป็นกิจลักษณะมาก เพราะขนอุปกรณ์ทำอาหารและอาหารสดไปกันเยอะมาก จนเราสงสัยว่าที่เห็นๆ กันอยู่ตอนนี้แค่ ๖ คน จริงๆ คงมีคนรออยู่ที่เขาใหญ่อีก ๒๐ คน หรือไม่ก็คงจะอยู่กัน ๗ วัน ๗ คืน ละมั๊ง แต่ปุ๊กบอกว่า คราวที่แล้ว เอาไปเท่านี้ก็กินหมด ฮ้า…

แล้วชาวคณะก็เริ่มกินอย่างเอาจริงเอาจังที่ร้านอาหารแถวๆ ตีนเขาใหญ่ เป็นร้างแบบเพิงใหญ่ๆ รสชาดดีมาก เสียแต่หากาแฟกินไม่ได้เอาเสียเลย จนเรามึนหัวไปครึ่งวัน เดชะบุญที่ได้ร้านกาแฟสดระหว่างทางขึ้นเขาใหญ่มาช่วยเหลือ ร้านนี้เหมือนคนแถวนั้นผนวกกิจการที่พักแบบ Home Stay เข้ากับร้านกาแฟ เราเลยเข้าไปดูห้องพักเผื่อเพื่อนหมู (ที่หมูจะโดยสารรถเขามาด้วย) แต่ไม่ผ่านอ่ะ กินกาแฟเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ขึ้นเขาใหญ่ เพื่อนปุ๊กจองบ้านเก่งมาก ได้บ้าน รมต. ซะด้วย เป็นแบบ ๓ ห้องนอน มีห้องรับแขกและห้องครัว แถมระเบียงใหญ่มาก แถมบ้านก็ดูสะอาดสะอ้าน (เรายังแหยงๆ บ้านพักกรมป่าไม้ที่ดอยอินทนนท์อยู่) ที่เด็ด คือ มีกวางมายืนแถวหน้าบ้านด้วย เขาสวยเชียว เรางี้กี๊บก๊าบใหญ่จนพี่อ๊อบแกทำหน้าสงสัยว่า อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น เลยต้องรีบสงบสติ และก่อนที่จะย้วยกันไปมากกว่านี้ ก็รีบเคลื่อนขบวนไปดูบอลลูนกัน

รถเต็มลานเลย แต่บอลลูนน้อยโคตร มี ๕-๖ ลูกเองละมั๊ง ไม่เห็นจะเป็นเทศกาลบอลลูนตรงไหน มารู้ทีหลังว่าเขาปล่อยบอลลูนไป ๑ ชม. ก่อนที่พวกเราจะมาถึงกัน แต่วันนึงจะปล่อย ๒ รอบ รอบต่อไป คือ ๖ โมงเช้าของวันถัดมา เรารีบบอกให้ปุ๊กเหยียบไว้ เพราะเดี๋ยวหมูรู้เข้า เราจะต้องโดนมันอ้อนให้มาแน่นอน และระหว่างที่หมูยังมาไม่ถึง พวกเราก็กินของรอ กว่าหมูจะมาก็อิ่มพอดี แต่คณะนี้เขาเก่งกันมาก เพราะพอกลับมาที่บ้านพัก เขาก็ปิ้งบาร์บีคิวกินกันต่อ กิน, กิน และกินจริงๆ แต่เราหนีไปนอนก่อน เพราะวันนี้ตื่นเช้าไปแล้ว…

Tuesday, November 6, 2007

ฤกษ์งามยามดี

ในที่สุดก็ได้เวลาฤกษ์งามยามดี ทำพิธีเสาเข็มเอกของโครงการ ที่นี่ใช้พิธีแบบพราหณ์ เราเลยไม่คุ้น ดูผู้ดีดีเหมือนกันแฮะ งานนี้มากัยครบทั้งฝั่งโครงการและฝั่งโรงแรม แน่นอน เชฟนามผู้น่ารักของเราก็มาด้วย ลุงมาคัสก็มาเหมือนกัน เราเลยต้องเตือนตัวเองเวลาคุยกับแก เดี๋ยวเผลอตัวไปข่มเหงเพราะยังติดภาพแกเป็นผู้รับเหมาอยู่ เดี๋ยวจะซวยเอา ตอนท้ายพิธี พราหมณ์ให้เอาธูปปักตามของไหว้ เราเลยรีบเตินตามหลังเชฟ คอยปักธูปตาม ไม่ได้ชาตินี้ ขอชาติหน้าก็ได้ฮ่ะ พอปักธูปหมด ถึงได้สังเกตว่า เราพลาดไปที่ไม่ได้ปักกล้วยเลย โธ่… แล้วอย่างนี้งานจะราบรื่นไม๊เนี่ย…

เสร็จแล้วก็ย้ายไปงานขึ้นบ้าน (Showflat) ใหม่ คราวนี้เป็นพิธีพุทธ มีการเชิญพระมาสวด ระหว่างที่รอๆ กัน คุณ ชช. ก็หันมาเหน็บเราเรื่องงานช้าต่อหน้าพี่ณัฐ เราเลยบอกว่า อย่ามากดดันมาก เดี๋ยวเราลาออกไปเตะสโมสรอื่นนะ ตอนนี้มีมาทาบทาม ๒ สโมสรแล้ว ช่วงปลายปีเป็นช่วงต่อสัญญาซะด้วย ทำเอา ๒ หนุ่ม อึ้งไปเลย คุณ ชช. เลยรีบพูดว่า ถ้าเราจะออกบริษัทจริงๆ อย่าไปไหนไกล แถวๆ นี้มีงานให้ทำอีกเยอะ เลยทำเอาพี่ณัฐอึ้งกิมกี่ไปเลย เราหัวเราะใหญ่แล้วพูดว่า "โห… อย่างนี้เราก็มี ๓ สโมสรมาทาบทามแล้วดิ" แต่ในใจพูดว่า ไม่เอา หนูอยากแต่งงานมากกว่า!

Wednesday, October 31, 2007

อยากลาออก

หมู่นี้มีเหตุอยู่เรื่อย เริ่มจากเรายืนยันว่า Cavity wall ได้โดนยกเลิกไปแล้ว ใน Layout ก็ไม่โชว์ แต่พี่วิลยืนยันว่า มีแน่นอน เลยเช็คไปกับรอส รอสเมลล์ตอบกลับมาว่ามีแถมระบุ Drawing Number มาให้เสร็จสรรพ เราเลยหน้าแตกไปเลย ก็แหม… เล่นไปแอบไว้ใน Typical Detail ร้ายนะยะหล่อน อิชั้นว่า ได้มีผู้รับเหมาคิดงานตกตรงนี้แน่นอน

ตามมาด้วยอีกเรื่อง คือ เมื่อวานซือต้องนัดผู้รับเหมาหลักมาคุย แล้วพี่ณัฐแจ้งวันผิด คือ แจ้งเป็นพุธ 1 พ.ย. แต่วันตามปฏิทินจริงๆ คือ พุธ 31 ต.ค. กับ พฤ. 1 พ.ย. แต่วันนัดจริงๆ คือ พุธ 7 พ.ย. เราก็เลยเมลล์แจ้งวันที่ถูกต้อง เลยโดนโอนเนอร์ด่าออกอากาศว่า นัดครั้งนี้สำคัญมาก เลื่อนไปนานขนาดนั้นไม่ได้ นี่เป็น "the most important and urgent issue of the project admin" พอบ่ายเจอหน้ากัน เราก็ถามเขาว่าจะเอางัย เพราะตามความเห็นเรา มันทันกับ master program นะ เฮียบอกว่า เข้าใจผิดว่าเป็นพุธที่ 14 พ.ย. เลยโวย จริงๆพุธ 7 พ.ย. โอเค จบ... (ไม่ขอโทษอีกตะหาก) เราเลยโดนด่าออกอากาศฟรี

ตามด้วยเรื่องยี่ห้อของ Polyurethane ที่จะใช้ทาไม้ คุณ อ. เมลล์มาว่า เป็น DD Polyurethane เราไม่รู้จัก แต่เพื่อความไม่ประมาทเลยถามตานิคว่ารู้จักไม๊ มันอ่านเมลล์แล้วบอกว่า นี่เป็น Common Name ให้ถามยี่ห้อมาด้วย เลยโดนด่าออกอากาศว่า กรุณาอ่านให้ละเอียด ในเมลล์ด้านล่างได้ระบุยี้ห้อไว้แล้ว แถมลงท้ายเมลล์ว่า Thank you very much for your kind attention. แหม… ประชดแรงใช้ได้เลยนะเนี่ย… เราเลยต้องไปถามช่างปาร์เก้ว่า รู้จัก Polyurethane ยี่ห้อ DD Polyurethane ไม๊ ช่างตอบว่า "โอ๊ย… รู้จักซิครับคุณหนิง" แล้วเราก็ได้เห็นที่ข้างกระป๋องเขียนไว้ว่า "ดีดี โพลียูรีเทน" โอ้… แม่เจ้า มันคือ ดีดี จริงๆ หรือนี่…

ทำไมหมู่นี้เรื่องมันเยอะอย่างนี้วะ หรือเราจะลาออกไปทำเองดีวะ ทำบ้านจัดสรรธรรมดาขายดีกว่าไม๊เรา เฮ้อ…

Monday, October 29, 2007

ภูเก็ตเดย์ 3 - กลับมาไถนา(ต่อ)



พอแป๊ปเดียวก็ครบ ๓ วัน หมูพยายามชวนออกไปขับรถเล่น แต่ไม่สำเร็จ เพราะเราขี้เกียจสุดๆ ก็อยู่โรงแรมมันทั้งวันจนเย็นนั่นแหละถึงได้มาสนามบิน พอเรากลับถึงคอนโดไม่นาน ก็โดนพี่ณัฐโทรมาด่าเรื่องเราไม่ตามงาน ทำให้แกโดนคุณเบนเรียกไปด่า เราก็งงๆ ว่า เราก็ฝากงานกับเอ๋แล้วนิ พี่ณัฐบอกว่า ก็เอ๋กลับไปตั้งแต่ ๔ โมงแล้ว แล้วก็โวยเราอีกว่า ไม่รับผิดชอบ ไปเที่ยวก็ต้องโทรมาถามงานกับลูกน้อง แล้วงานไม่เสร็จก็ต้องโทรมาตามบ่อยๆ บลาๆๆๆ เราฟังแล้วฉุนชะมัด เอ๋ไม่รับผิดชอบหนีกลับไปก่อนทั้งๆ ที่งานไม่เสร็จ ดันไม่ไปโวย มาโวยเราซะได้ นี่ถ้าเราต้องทำงาน ๒๔ ชม. แบบนี้ เราทำเองไม่ดีกว่าเหรอ จะเอาอะไรนักหนากับลูกจ้างอย่างเราวะ!

Sunday, October 28, 2007

ภูเก็ตเดย์ 2 - Dinner Mission




สงสัยมากินๆ นอนๆ หมูมันจะเบื่อวะ เลยพยายามหาอะไรทำ ในที่สุดก็ได้มา ๑ มิชชั่น นั่นคือ การไปซื้อข้าวข้างนอกโรงแรมกิน เพราะร้านเดียวแถวที่พักที่ปุ๊กอุตส่าห์ไปหาจากอินเตอร์เนทก่อนมา มันดันปิด (ตอนแรกเรากะเอามาม่ามาแล้วเชียว แต่กลัวปุ๊กแซวว่าชีวิตนี้จะหนีมาม่าไปไม่พ้นเลยรึงัย เลยไม่เอามา) ร้านที่อยู่ถัดไป จะอยู่แถวๆ ที่ทำการอุทยาน ตอนเช้าเรากับหมูลองไปเดินสำรวจดู ก็พบว่ามันไกลเอาเรื่องอยู่ ที่สำคัญต้องฝ่าแนวคลองเชื่อมต่อระหว่างน้ำทะเลกับน้ำจืดอีกตะหาก เรากะว่าไว้ไปตอนน้ำลง แต่ปุ๊กทักว่าแล้วถ้าตอนนั้นฝนตกหล่ะ หรือว่าจะว่ายน้ำไปช่วงแดดออกดี แล้วก็สรุปกันได้ว่า ต้องไปตอนน้ำลงนี่แหละ เรานะกะนอนอยู่โรงแรมนี่แหละ แต่ดูดอนมันตั้งใจมาก เลยไม่อยากขัดมิชชั่นของมัน และเป็นไปตามคาด คือ ฝนตกช่วงน้ำลงจริงๆ นั่นแหละ แถมลมพัดอีกตะหาก น้ำเข้าหูเราตลอดทาง แต่ก็ยังดีที่ฝนตกทั้งขาไปและขากลับ น้ำเลยเข้าหูแบบสมดุลทั้งซ้าย-ขวา -_-"

จริงๆ มาเที่ยวแบบกินๆ-นอนๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ สบายดี สงสัยแก่แล้ววะ นี่ถ้าไปดำน้ำแบบนอนเรือ ๔ วัน เราจะรอดไม๊เนี่ย…. แต่เราคิดว่า คราวหน้าเราจะพักโรงแรมแบบเชนแล้วล่ะ เพราะมาตรฐานการบริการทำได้ดีเท่าเทียมกันหมด ผิดกับโรงแรมแบบเจ้าของเดียวแบบนี้ หรือเป็นที่คนก็ไม่รู้ ยัย Reception บริการไม่ได้เรื่องมาก นี่ถ้าหญิงมาด้วย สงสัยคงโดนอบรมไปแล้ว แต่หรือเราเป็นลูกค้าคนไทยก็ไม่รู้ เจ้าหล่อนเลยไม่เต็มใจให้บริการ แต่ยังดีที่อาหารที่นี้อร่อย (โดยเฉพาะ French Toast ที่ป้าๆ สั่งกัน ๒-๓ รอบ แฮะๆ แต่มันนุ่มอร่อยจริงๆ นะ) เลยพอทดแทนกันได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ Recommend เราว่า ไปพักที่อื่นดีกว่า!

Saturday, October 27, 2007

วันนี้ที่รอคอย - ภูเก็ตเดย์ 1


โห… ก็ปีนี้เหนื่อยยากวุ่นวายมาทั้งปี เครียดก็เครียด เราเลยรอคอยที่จะไปเที่ยวมาก ปีนี้ป้าหนิงกับป้าปุ๊กเกิดเคลิ้มเคลิมกับโรงแรมแบบ Pool Access เลยปันใจจากเชอราตัน-กระบี่ ไปภูเก็ตบ้าง คราวนี้พักกันที่อรามัสที่หาดไม้ขาว แต่มากันแค่ ๔ คน คือ ปุ๊กกับแม่, หมู และเรา (อุตส่าห์เอารูปไปหลอกล่อเก๋ แต่ก็ไม่สำเร็จ ; p)
โรงแรมสวยเหมือนในรูปเลย พวกเราได้ห้องที่อยู่ค่อนไปทางสระว่ายน้ำหลัก ปุ๊กบอกว่า โชคดีมาก ไม่งั้นคงจะได้ว่ายน้ำกันเหนื่อยโคตรๆ กว่าจะไปถึงสระหลักได้ แต่เนื่องจากเราทำ minutes ไม่เสร็จ เลยต้องมาเผาต่อที่ภูเก็ตด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ยังปาเข้าไปเกือบ ๔ ชม. ปล่อยให้ปุ๊กกับหมูหลับก็แล้ว เล่นน้ำก็แล้วไปอีก ๒ รอบ กว่าเราจะทำงานเสร็จ น่าอิจฉาชะมัด แถมพักนึงก็จะมีฝรั่งตีกรรเชียงผ่านมาเซย์ฮัลโลอีกตะหาก แต่น่าเสียดายที่ฝนตกแทบทั้งวัน เลยไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเลกัน ไม่เป็นไร หวังว่าพรุ่งนี้แดดจะดี…

Friday, October 26, 2007

โครงการอินเตอร์

โครงการเราอินเตอร์มากๆ เพราะมีเจ้าของเป็นฮ่องกง มีดีไซน์เนอร์ และผู้รับเหมาทั้งไทย, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ล่าสุดเราได้ผู้รับเหมางาน Foundation พอคุณพี่แจกนามบัตรมาใน Kick-off Meeting เราถึงรู้ว่า พี่เขาเป็นพม่า เลยคิดว่าต่อไปคงมีหนุ่มเกาหลีมาร่วมทีม และถ้าได้หน้าตาแบบทนายคิมคงจะดีไม่น้อย แต่พม่าคนนี้ของเราไม่ธรรมดา เพราะพม่าที่มาเกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้าง จะเป็นพม่าที่ผูกเหล็ก หรือไม่ก็เทคอนกรีต แต่พม่าของเราคนนี้มีตำแหน่งในนามบัตรเป็น Executive Vice President ของ บริษัท จำกัด (มหาชน) อีกตะหาก นับว่าไม่ธรรมดายิ่ง

ตอนเราเจอพี่อองวินเมืองครั้งแรกในช่วง Bid Interview เราคิดว่า เขาเป็นคนไทย และก็ให้ทึ่งในใจว่า คนไทยคนนี้พูดภาษาอังกฤษดีจัง และที่สำคัญเก่งอีกตะหาก รู้เรื่องงานดีมากๆ นับเป็นผู้บริหารที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมดีสุดๆ แถมพูดจาก็สุภาพอ่อนน้อม และดูเป็นคนที่ตรงไปตรงมา เราเลยแอบเชียร์พี่วินอยู่ในในใจ เพราะถ้าได้บริษทพี่วินมาทำงานด้วย เราน่าจะสบาย และในที่สุดบริษัทของพี่วินก็ได้งานจริงๆ แถมพอ Kick-off Meeting เสร็จ พี่วินถามเราว่า มีอะไรบ้างที่ต้องจัดให้ Consult พอเราขอกาแฟ พี่วินบอก(หลอก)ว่าจะจัดกาแฟสดมาให้ แต่เราเกรงใจ (จริงๆ คือ ขี้เกียจชงตะหาก) เลยขอเป็นแค่กาแฟสำเร็จรูปแบบโกล์ดก็พอ แหม... มาถึงก็ทำคะแนนแบบไม่ยั้งเลยนะคะ...

Friday, October 19, 2007

จะไหวเหร๊อ...

ตอนแรกคุณพี่สแตนลีย์บอกว่าจะขอเคลียร์เรื่องแบบ พี่ณัฐเลยเบี้ยวประชุมให้เราแทน ซึ่งก็ถูก ก็แกดูแบบน้อยกว่าเราตั้งเยอะ แต่พอพี่สแตนลีย์ถามโน่นนี่ละเอียดมากๆ เข้า เราก็ไม่รอดเหมือนกัน (งานเข็มยังไม่เริ่มเลิย แต่เฮียเล่นซักไปถึงงานอินทีเรีย อิชั้นเลยถึงคราว...) คราวนี้เฮียเลยมาเป็นชุด ลุกลามถึงสโคปงานของบรษัทไปด้วย เราก็ไม่ค่อยชัวร์ว่าอีตานายเราทั้งสองไปรับปากอะไรเขาไว้บ้าง เลยได้แต่อ้อมๆแอ้มๆตอบ เฮีย ชช. ก็ไม่ช่วยเรา Edward ก็ได้ทำตาปริบๆ เราก็งงๆ ว่า จากประชุมเคลียร์แบบ งัยกลายมาเป็นการอัดเรื่องเราไม่มีเวลาดูแบบได้งัยวะ กำลังงงๆ อยู่ ก็เจอฮุคขวาของคุณพี่ฯ เข้าปลายคางอย่างจังด้วยคำถามที่ว่า ถ้าเรารู้เรื่องโครงการน้อยขนาดนี้ จะแน่ใจได้ยังงัยว่าเราจะทำโครงการไหว? แป่วววววว....

Thursday, October 18, 2007

เวลาแห่งความสุข ; )

จุ๊กลับมาเมืองไทย เลยนัดกินข้าวกันกับเพื่อนๆ เตรียมฯ คราวนี้เปลี่ยนไปนัดที่บ้านยุทธ เราไปถึง ๒ ทุ่มหน่อยๆ แต่จุ๊กับเคนยังมาไม่ถึง จนเพื่อนๆ แซวว่า สงสัยเจ้าภาพจะเบี้ยวซะแล้ว ซักพักนึง จุ๊กับเคนก็มาถึง คราวนี้มากินกันสิบกว่าคนนิดๆ มีเบ้มาด้วย เลยทำให้ยุทธมีคู่หู-คู่ฮา แถมยังมีตี๋มาทำตัวขำให้เพื่อนๆ ได้แซวกันอีก เลยเป็นการกินข้าวที่ขำมากๆ ฮาทุก ๕ นาที จนจุ๊พูดว่า อยากมาบ่อยๆ เพราะตลกมากๆ เราก็ขำตลอด มานั่งนึกๆ ดู บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาที่เป็นกิจจะลักษณะ เพราะเล่นปล่อยมุกแซวตี๋กับอู๊ดตลอด ขนาดฤทธิ์ถามเราเรื่องงาน เราพึ่งจะตอบได้ ๑ ประโยค เบ้ก็เอามาเป็นมุขแล้ว เลยไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ มัวแต่มุกกัน กว่าเราจะพลิกดูนาฬิกาครั้งแรกก็ปาเข้าไป ๕ ทุ่มกว่า ทำเอาตกใจ เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจริงๆ และเราเข้าใจเลยว่า ทำไมฤทธิ์ดูสบายใจ-มีความสุขมากๆ เวลาพูดถึง moment พวกนี้ และมักพูดกับเราว่า เป็นโชคดีของฤทธิ์ที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ และวันนี้ฤทธิ์ก็ดูรีแลกซ์มากๆ แถมแซวเราว่า คงไม่พ้นต้องลงเอยกับอู๊ดแน่ๆ เราบอกว่า "รอให้ชั้น ๔๐ ก่อนเหอะ" ฤทธิ์หัวเราะแล้วบอกว่า "งั้นก็อีกไม่นานดิ" เราบอกว่า "อีก ๓ ปีกว่าๆ ยะ" ฤทธิ์เลยพูดว่า "แล้วที่ผ่านมา ๓-๔ ปี เธอว่ามันเร็วไม๊ล่ะ" ทำเอาเรากลายร่างเป็น "อึ้งย้ง" ทันที นั่นดิ กระพริบตาอีกทีก็คงถึงแยกหลักสี่แล้ว พอฤทธิ์เห็นเราอึ้งไปอีกรอบ คราวนี้ก็หัวเราะใหญ่เลย

ฤทธิ์ถามว่าเราเป็นงัยบ้าง พอบ่นว่างานหนักมากๆ มันดันพูดว่า แค่นั้นไม่เห็นมากตรงไหน มันทำงานตลอด มีเวลานอนแค่วันละ ๓ ชม. นั้น แถมไม่ได้พักร้อนมา ๔ ปี เราก็เถียงเสียงอ่อยๆ ว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหมื่นล้านเหมือนมันนะ มันเลยตั้งท่าจะเทศเรายกนึง เราเลยรีบเปลี่ยนที่นั่ง ขี้เกียจฟังมันเทศอ่ะ

เกือบๆ เที่ยงคืน เคนก็ขอกลับ เรากับเพื่อนๆ อีก ๒-๓ คน เลยได้ทีลุกด้วย เพราะพรุ่งนี้เรามีประชุมตั้งแต่ ๙ โมงเช้า ซึ่งเรายังไม่ได้อ่านเอกสารเลย แต่เบ้บอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ พูดหลายๆ ครั้งเข้า เราต้องหันมาบอกเบ้ว่า พอได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่ามันคือวันเสาร์จริงๆ ละก้อ ชั้นจะซวยมากถึงมากที่สุด คราวนี้เลยได้กลับจริงๆ และแวะไปส่งจุ๊กับเคนที่โรงแรมด้วย แต่ได้คุยกันนิดหน่อย เพราะมัวแต่หาทางกลับกันอยู่ จุ๊บอกให้เคนหาแฟนให้เรา เราจะได้ย้ายไปอยู่อเมกากับจุ๊ เราเลยบอกว่า ให้รีบๆ หน่อย เพราะปุ๊กหาหนุ่มญี่ปุ่นให้เราแล้วคนนึง เดี๋ยวเราจะเลือกไม่ถูก ; D

วันนี้เราฮามากกว่าปกติ คงเป็นเพราะเราได้นั่งข้างเบ้ เลยทำให้บางทีมีมุกกัน ๒ คน ด้วย แล้วเลยให้นึกถึงตอนที่นั่งรถกลับจากเชียงใหม่ด้วยกัน เบ้กับยุทธช่วยกันปล่อยมุกตลอดทาง ทำเอาระยะทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ดูสั้นไปถนัดใจ และจำได้ว่าเหตุการณ์ล่าสุด คือ เราเครียดกับงาน แล้วหงษ์โทรมาพอดี หงษ์บอกว่า ให้ฟังเรียนเมืองนอกที่เบ้เป็นคนถูกสัมภาษณ์ดิ สนุกดี น่าจะช่วยให้เรารู้สึกดี เรารีบไปโหลดมาฟัง แล้วมันก็เป็นอย่างที่หงษ์บอกจริงๆ ด้วย เราฟังไปอมยิ้มไป และนึกภาพตามที่เบ้เล่าได้ชัดเจน เรียกว่านึกหน้าเบ้ตอนนั้นออกเลยล่ะ พอกลับมาจากกินข้าว เราเลยมาค้นอีเมลล์เก่าๆ ของเบ้มาอ่านดู เพราะเราสังเกตว่า เบ้มักจะมีคำลงท้ายอีเมลล์ที่น่ารักๆ เสมอ อย่าง

Wanna be happy, then be. หรืิอ

The world is such a wonderful place to wander through.
When you've got someone you love, to wander along with you.
The sky's so full of stars, and the river's so full of songs.
Every heart should be so thankful,
Thankful for this friendly, friendly world.

เลยให้เผลอใจอิจฉาแฟนเบ้ว่า อยู่กับเบ้คงมีความสุขทุกวัน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ นั่นคือ สิ่งที่เราเห็นภายนอกเท่านั้น เพราะหงษ์เคยบอกเราว่า มีอยู่หนนึงกินข้าวกัน แล้วมีคนพูดเรื่องที่ตัวเองเครียดๆ อยู่ขึ้นมา คราวนี้เลยมาแนวเครียดกันใหญ่ รวมทั้งเบ้ด้วย หงษ์บอกว่า ทุกๆ คนที่เรื่องเครียดๆ กันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่มันไม่สนุกที่จะเล่า เวลามาเจอกันเลยเลือกที่จะคุยแต่เรื่องสนุกๆ จะได้ลดความเครียดในชีวิตงัย เราเลยค่อยทำใจไม่อิจฉาแฟนเบ้ลงได้นิดหน่อย

แต่ที่เราเป็นห่วงเบ้ คือ เรื่องสูบบุหรี่กับกินเหล้าตะหาก เบ้กินเหล้าจนเข้าโรงพยาบาลมาด้วยโรคตับแล้วครั้งนึง แต่พอหาย ก็กลับมากินเหล้าอีกแล้ว ถึงเบ้จะกินเหล้าเพื่อสังสรรค์ก็เหอะ แต่สังสรรค์บ่อยและหนักขนาดนี้ มันน่าจะเป็นอันตรายกับสุขภาพนะ เราเลยอดไม่ได้ต้องพูดไปนิดนึงว่า เบ้ไม่กลัวกลับมาไม่สบายอีกเหรอ เบ้ตอบว่า เบ้ไม่ตายเพราะการกินเหล้าเยอะหรอก แล้วก็กินต่อ เราเลยได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าแฟนเบ้จะเตือนเบ้บ้างรึป่าว ก็ได้แต่หวังว่าเธอคนนั้นจะดูแลเบ้ดีๆ …

ปล. เพื่อนสนิท(ที่เรา)คิดไม่ซื่อคนนี้จะมีนิทรรศการใหญ่ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ เดือนธันวาคมนี้ เราตั้งใจมากว่าจะไปดูให้ได้!

Saturday, October 13, 2007

อด(ขอ)แต่งงาน

เราบอกเกี๊ยกว่าเราจะกลับบ้านเที่ยวนี้ เกี๊ยกเลยนัดกับเราว่าจะมาเยี่ยมหมะที่ รพ. จะได้เจอกันด้วย เรากับหมะมาถึงก่อนเลยนั่งรอที่หน้าห้อง ก็มีอาซิ้มคนนึงมานั่งข้างๆ จู่ๆ ก็มาชวนหมะคุยโน่นคุยนี่ เราว่าก็ดีเหมือนกัน หมะจะได้ไม่คิดมาก เพราะอาซิ้มแกยังไปเที่ยวถึงเชียงใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นไปฟอกเลือดที่โน่นแทน เออ เอากับแกซิ กำลังใจดีใช้ได้เลยนะเนี่ย แต่พอเกี๊ยกมาถึง ทั้งอาซิ้มทั้งเกี๊ยกก็ร้อง “อ้าว” ทั้งคู่ ทำเอาเรากับหมะ “อ้าว” ยิ่งกว่า พออาซิ้มพูดว่า “ลื้อมาทำไม” เรางี้เซ็งเลย โธ่โว้ย กะชวนเกี๊ยกออกไปกินกาแฟแล้วขอแต่งงานซะหน่อย (ก่อนที่จะโดนจับคู่กับพ่อหม้ายญาติอากิ๋ม) ท่าจะไม่สำเร็จซะแล้ว เกี๊ยกเลยเฉลยว่า มาเยี่ยมหมะ แล้วก็แนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ เท่านั้นแหละ อาซิ้มก็รัวคำถามไม่ยั้ง ชวนเกี๊ยกคุยตลอด (ทั้งๆ ที่เกี๊ยกบอกว่ามาเยี่ยมแม่เรานะ) จริงๆ ต้องบอกว่า อาซิ้มดีใจที่เจอเกี๊ยกจนพูดไม่หยุดตะหาก เราได้ยินอาซิ้มถามเกี๊ยกว่า แต่งงานหรือยัง (ถึงแม้จะถามเป็นแต้จิ๋วก็เหอะ) พอตอบว่ายัง (เป็นแต้จิ๋ว) ก็ถามต่อว่าเมื่อไหร่ แต่คราวนี้เราฟังคำตอบไม่ออกล่ะ แต่ดูจากสีหน้าหมะแล้ว คิดว่าคำตอบคงไม่ค่อยดี จนลูกอาซิ้มมารับกลับนั่นแหละ แกถึงยอมปล่อยตัวเกี๊ยก แต่เกี๊ยกก็จะต้องกลับแล้วเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวจะเย็นไป เราเลยเดินไปส่งเกี๊ยกที่รถ บรรยากศไม่เป็นใจเลยวะ เลยตัดสินใจไม่ขอเกี๊ยกแต่งงาน (รอดตัวไป!)

พอหมะฟอกเลือดเสร็จกลับมาที่โรงแรม หมะก็บอกให้เราตัดใจจากเกี๊ยกซะ เพราะหมะได้ยินเกี๊ยกตอบอาซิ้มคนนั้นว่า อีกไม่นานเกี๊ยกก็จะแต่งงานแล้ว เราคิดว่าไม่แน่ใช่ เลยถามว่า “ไม่นาน” หรือ “อีกนาน” กันแน่ เพราะถ้าเกี๊ยกตอบว่า “ไม่นาน” คนอย่างอาซิ้มน่าจะต้องถามต่อว่าเมื่อไหร่ หมะเลยอึ้งๆ ไป แล้วก็ชักเห็นด้วยกับเรา แต่สุดท้ายก็สรุปว่า เกี๊ยกดูรักษาระยะห่างมาเลย ดูไม่มีโปรเกส ขนาดหมะให้อี้ไปเปรยก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงไหน ให้เราตัดใจไปคยกับคุณพ่อหม้ายคนนั้นดีกว่า เราเลยตัดสินใจว่า คราวนี้ถ้าเจอเกี๊ยก ต่อให้เป็นที่ลานจอดรถ เราก็ต้องขอเกี๊ยกแต่งงานแล้วอ่ะ... -_-“

Friday, October 12, 2007

ลาพักผ่อน


เราถือว่า Showflat เสร็จแล้วนะ เพราะได้ส่งมอบพื้นที่อย่างเป็นทางการแล้ว เลยขอลา 1 อาทิตย์ไปสงบจิตใจ พี่ณัฐรีบเซ็นอนุมัติทันที ตอนแรกเรานึกว่าจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหมะที่ยะลา เพราะป๊ากับเทียนไปเมืองจีนพอดี แต่หมะบอกว่า กลัวเราเบื่อ เพราะเที่ยวนี่กลับมาหลายวัน และที่ร้านก็ปิดเพราะเป็นช่วงวันตรุษแขกพอดี เลยใจดีพาเราไปนอนที่สมิหลา

แจ้พาเด็กๆ มานอนด้วย เราเลยได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กพาไปเล่นน้ำ เพราะแจ้กลัวตัวดำ(เหมือนเดิม) แต่คลื่นแรงมาก เลยได้แต่เล่นทรายกันเป็นส่วนใหญ่ คนที่ชายหาดเยอะมาก มีทั้งแขกและพม่า กำลังเล่นทรายกันเพลินๆ ก็มีหญิงพม่าจะมาขอถ่ายรูปกับน้องมุก แถมให้เราขยับออกจากกล้องอีกตะหาก แต่มุกไม่ยอม เราคิดว่า มันกลัวมาก เพราะถึงกับมานั่งบนตักเราเลย ไม่ลุกไปไหนอีกตั้งพักใหญ่ แหม... อยากมีลูกจัง...

ตกเย็นก็ออกไปกินข้าวกันที่ร้านศิรดา แถสสะพานติณฯ (ไม่เคยสังเกตเลยว่ามันชื่ออะไร จนปุ๊กถามนั่นแหละ ถึงได้ตั้งใจดูชื่อร้าน) เพราะเหล่าแต่ปิดร้านอ่ะ จู่ๆ หมะก็พูดขึ้นมาว่า จะแนะนำพ่อม่ายเมียหย่าให้เรา เรางี้แถมสำลัก พอบอกว่า ไม่กลัวพวกพ่อหม้ายเหรอ หมะก็สวนมาเลยว่า พวกพ่อหม้าย-แม่หม้ายไม่ดีตรงไหนเหรอ เราเลยอึ้งๆ ไป เพราะแจ้กับคุณพี่เขยก็นั่งกินอยู่ด้วย โห... นี่เราต้องขยายตลาดขนาดนี่เลยรึเนี่ย... -_-“

กลับบ้านทีไร เราไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ทุกที อยากลาออกกลับมาอยู่บ้านเฉยๆ มาก ไม่รู้เป็นเพราะเราว้าเหว่ หรือเป็นเพราะหมะแก่แล้ว เราเลยอยากจะใช้เวลากับหมะบ้าง หรือเป็นเพราะความน่ารักของเด็กๆ โดยเฉพาะน้องมุกเพราะช่างพูดเป็นที่สุดก็ไม่รู้นะ รู้แต่ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ อ่ะ

Monday, October 1, 2007

EIA ผ่านแล้ว

ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะ EIA ผ่านแล้ว อ้าว อย่างนี้งานเข็มก็เริ่มเลยนะดิ เราเลยไม่มีเวลาพักหายใจจาก Showflat เฮ้อ... แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว...

Friday, September 28, 2007

ไทยแลนด์โอเพ่น

พี่ณัฐชวนเราไปดู Thailand Open แถมใจดีให้เราชวนหมูไปด้วย (เพราะบัตรหมูต้องดูไกลโคตร แบบว่าเห็นนาดาลตัวเท่ามด) แต่พี่แกดันดูวันผิด หมูเลยเกือบจะอดไป แต่โชคดีที่พี่ณัฐเซ็งและรู้สึกไม่ค่อยดี สุดท้ายแกเลยตัดใจยกบัตรให้เรากับหมูไปดูกัน ๒ คน แทน เย้!

รถติดอิ๊บอ๋าย ฝนก็ตก ไปถึงที่จอดรถก็เต็มอีก แต่โชคดีที่ข้างทางมีที่จอด พอเราจอดรถเสร็จ คุณยามก็มาไล่ไม่ให้จอด ในขณะที่ก่อนหน้าเราจอดกันทั้งถนนยาวพรืด เรากำลังเจราจาต่อรองอยู่ ก็โชคดีมีรถคันนึงมาจอดถามทางยาม เราเลยอาศัยจังหวะวิ่งหนี แต่ให้หวั่นๆ ใจว่า แล้วตรูจะโดนล็อคล้อไม๊ฟระ แต่ก็ช่างมัน สายมากแล้ว เดี๋ยวหมูรอเงกพอดี

คนมาดูเทนนิสน้อยกว่าที่เราคิดว่า คงเป็นเพราะมันยังเป็นรอบต้นๆ มั๊ง แต่ถึงงั้นก็เหอะ คนดูน้อยขนาดนี้ ใครเขาจะมาจัดงานกันให้เจ๊งทุกปี เราว่าอีกไม่นาน สิงห์คงเลิกจัด ยิ่งเป็นช่วงขาลงของภราดร แถมจะแต่งงานอีกตะหาก แล้วที่นี้เฮียจะชวนสาวที่ไหนมาสร้างความฮือฮาเรียกคนดูล่ะ แต่บรรยากาศในสนามดีอ่ะ ได้อารมณ์ไอ้ที่เสริฟ์กันเป็น ๑๐๐ กว่าไมล์ต่อชม. มาก มันเฟี้ยวได้ใจจริงๆ แหม… นี่ถ้าได้นั่งแถวหน้าสุด คงดีไม่น้อย… และนี่ขนาดเราไม่รู้จัก ๒ คนที่มาตีนะเนี่ย ยังดูสนุกมากๆ เลย แต่น่าเสียดายที่มือถือแบตหมด เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ แต่หมูทนไม่ได้ ออกไปหยิบกล้องที่รถกลับมาถ่าย เราเลยตั้งใจว่าจะไปขอบัตรพี่ณัฐมาดูอีก หรือไม่ก็ปีหน้าถ้าเบียร์สิงห์ยังเป็นสปอนเซอร์รายการนี้ เราต้องหน้าด้านไปขอบัตรจากเจื้อยซะแล้ว ก็มันดูสนุกมากๆ เลยจริงๆ นะ…

พอเลิก กลับมาเอารถ ก็ให้ลุ้นเล็กๆ แต่ก็เป็นไปดังคาด รถไม่โดนล็อคล้อ น่านอะดิ เป็น รปภ. นะ ไม่ได้เป็นตำรวจซะกะหน่อย ขืนมาล็อคล้อป้า ป้าเอาตายแน่ เฮอะ!

Sunday, September 23, 2007

ก้าวไปอีกขั้น


จู่ๆ ปุ๊กก็นำเสนอว่า แก๊งค์ ญสรด. ของเราน่าจะเปลี่ยนสถานที่ไปพักผ่อนจากโซนภูเก็ต-กระบี่ เป็นที่อื่นๆ บ้าง แถมจะอัพเกรดห้องพักอีกตะหาก แล้วก็เฉลยว่า อยากไปพัก Sila Evason Pool Villa ที่สมุย ราคาไม่แพงมาก แค่คืนละ 12,000 บาท เท่านั้น เราฟังแล้วอึ้งไปเลย ชีก้าวไปอีกขั้นจริงๆ เลยอ้อมแอ้มว่า ให้ชั้นเงินเดือนเท่าแกก่อนละกัน แล้วก้อนึกขำๆ ที่ริทซ์มันบ่นว่า เราชอบไปพักที่แพงๆ เออ... มันเป็นไปตามวัยและฐานะจริงๆ ด้วย

อาทิตย์นี้แสนสิริมีเปิดตังโครงการแถวประชาชื่น แต่ที่สำคัญ คือ มีการจ้างเจนนิเฟอร์ คิ้ม มาร้องเพลงโชว์ นกเลยมาลากเราไปเป็นเพื่อน พอไปถึงก็ไปดูคลับเฮ้าส์สไตล์ภูฏานก่อน (ให้ตายเหอะ กระแสภูฏานแรงจริงๆ นะเนี่ย...) นกบอกว่าราคาตั้ง ๑๐๐ ล้านบาท เชียวนะ เราว่ามันก็สมราคา เพราะดูสวยดี เลยถ่ายรูปไปอวดคนที่ไซท์ซะหลายใบ แล้วก็อดรู้สึกทึ่งๆ ฮองเฮาไม่ได้ว่า ชีก็ทำงานได้เก่งมากนะเนี่ย ไม่เสียฉายาฮองเฮาในทุกด้านจริงๆ พอเดินออกมาเจอซือ ซือบอกว่า คลับเฮ้าส์ราคา ๑๒๐ ล้านตะหาก พอซักพักแมนโทรมาพอดี แมนบอกว่า ต้องไปดูคลับเฮ้าส์ให้ได้นะ เพราะราคาตั้ง ๑๔๐ ล้าน เราเลยแซวว่า พอถึงพรุ่งนี้มันจะราคา ๒๐๐ ล้าน ป่าวะ และสงสัยว่าต่อไปว่า อีกหน่อยมันคงราคา ๑,๐๐๐ ล้าน เป็นแน่ -_-“

คอนเสิร์ทป้าคิ้มก็สนุกดี เสียงเพราะมากๆ (ไม่แปลกใจเลยที่ป้าท้อป-ดารณ๊นุชแซวว่า ป้าคิ้มเป็นหุ่นนกเพนกวินแต่เสียงเป็นนกไนติงเกล) แถมเป็น Entertainer ที่ดีมากๆ ดูไป-ฮาไป ป้าก็มีความสุข ลวนลามหนุ่มๆ ลูกบ้านไปหลายคน เลยคิดว่าอาการแบบนี้จะเป็นไปตามวัย อีกหน่อยเราคงเผลอลวนลามน้องเอกอ่ะ 555...

Thursday, September 20, 2007

อยากแต่งงาน

กำลังประชุมกันอยู่ได้ยินเสียงโห่ขันหมาก คนในห้องประชุมงงๆ กันอยู่แป๊ปนึง ก็มีคนเฉลยว่า วันนี้มีการจัดพิธีแต่งงานที่อีกห้องนึง เราว่าน่ารักดี ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินเสียงโห่ขันหมากในโรงแรม ๕ ดาว แบบนี้ แถมจัดงานในห้องที่มีสวนสวยๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งบิ้วอารมณ์อยากแต่งงานของเราขึ้นไปอีก -_-“ แต่คนที่ตื่นเต้นมากๆ คือ Edward มันหันมาบอกเราว่า ไม่เคยเห็นพิธีแต่งงานแบบไทยๆ มาก่อน คุณ ชช. เลยรีบลาก Edward ไปดูงาน แถมนำเสนอว่า พิธีรดน้ำสังข์สนุกมาก การันตีขนาดที่ว่า “Believe me. I’ve done it twice!” ทำเอาเรางงๆ คิดว่าแปลผิด จนพี่ณัฐหันมาบอกว่า เราเข้าใจถูกแล้ว ฮ้า! แล้วกลับมาแซว Edward ว่า ไหนๆ ก็ดูงานแล้ว ถ้ามันแต่งงาน มันต้องจัดพิธีแต่งงานแบบไทยด้วยนะ แถมต่อด้วยเรื่องความสามารถในการใช้ภาษาไทยของ Edward เพราะมันต้องต่อราคากับผู้รับเหมาไทยบ่อยๆ Edward อ้อมแอ้มว่า พูดได้นิดหน่อย ตาคุณ ปภ. เลยแซวมุขโบราณว่า แบบนี้ต้องใช้ Long Hair Dic. แต่ก็ยังขำกันทั้งห้องประชุม -_-“ ขนาดพี่วิลยังรับมุขว่า แบบนี้ไอก็หมดสิทธิ์เก่งภาษาไทยนะซิ บรรยากาศประชุมวันนี้เลยมื่นชื่น ไม่เคร่งเครียดเหมือนทุกที อยากให้เป็นแบบนี้บ่อยๆ จัง...

Wednesday, September 19, 2007

ชื่นใจ ; )

เชฟแนมตอบมาว่า

Thank you for your email, I heard of the flooding in Garden area, sorry about that.
Have a nice day anyway.
See around.

แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว พึ่งสังเกตว่า แกใช้ reply ไม่ได้ reply all สงสัยกลัวเลขาฯ จะเข้าใจผิด แต่ที่แน่ๆ เฉลิมพรคิดไปไกลถึงขั้วโลกเหนือแล้นนนนนน… : )

Tuesday, September 18, 2007

ลืมมือถือ(อีกแล้ว)

ไปแจ้งย้ายเข้าคอนโดฯ ดีที่มีประสบการณ์มาก่อน เลยให้แจ้แฟกซ์สัญญาซื้อ-ขายฉบับกรมที่ดินมาเพิ่มเติมด้วย และก็เป็นดังคาด มันต้องใช้จริงๆ เราเลยไม่ไปเสียเที่ยว แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเรื่องให้ตื่นเต้นจนได้ เพราะเราดันให้ปลอกมือถือกับตาตนุไป เราเลยต้องเอามือถือใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะกลัวหน้าปัดลาย (ต้องรีบให้หมูทำปลอกมือถือให้ซะแล้ว) ก่อนไปเขตฯ ก็แวะเข้าห้องน้ำที่โรงแรมซะหน่อย แต่ก็กลัวว่าจะทำมือถือตกส้วม เลยเอามันออกมาวางไว้บนโถ แล้วก็ดันลืมไปในที่สุดจนได้ พอนึกขึ้นได้ ก็โทรมาถามที่โรงแรม โชคดีที่โรงแรมเก็บไว้ให้ แต่โชคไม่ค่อยดี คือ เป็นช่วงตาเอกเข้ากะพอดี เราเลยโดนจับได้ว่าไปแอบใช้ห้องน้ำ่ำโรงแรม แล้วก็ต้องแอบเอาสำเนาบัตรประชาชนไปให้ทางโรงแรมเพื่อยืนยันการรับ ที่ต้องแอบให้ ก็เพราะว่า กลัวตาเอกจะจับได้ว่าป้าแก่มากแล้ว… เฮ้อ…

ริทซ์กลับมาทำงานแล้ว เราเลยทวง Magnet ที่ฝากซื้อ ปรากฎว่า มันบอกว่าหาสวยๆ ไม่ได้เลย (ให้หาสัญลักษณ์ออสเตรเลียค่ะคุณน้อง มันจะหายากขนาดนั้นเลยเหรอคะ อย่างน้อยๆ Magnet รูปจิงโจ้ก็น่าจะมีขายดาษดื่นนะคะ ลืมก็บอกมาเหอะ ป้ารับได้) สุดท้ายมันเอา Magnet รูปโครงกระดูกมาให้ เราเล็งๆ ก็ไม่ให้ว่ามันจะเป็นตัวแทนออสเตรเลียตรงไหน พี่ณัฐบอกว่า ก็เป็นโครงกระดูกชาวอะบอระจินิสงัย เออ… ก็พอถูไถได้วะ ตอนนี้ไอ้ Magnet โครงกระดูกชาวอะบอระจินิสที่ว่าก็เลยมาติดอยู่ที่ตู้เย็นเราแบบดูสยองขวัญเล็กน้อย…

Monday, September 17, 2007

โลกาวินาศ ๑

ที่ตั้งชื่อว่า "๑" เพราะเราคาดว่าจะมีหลายครั้ง เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกหนักมา (ตกตอนไหนวะ ถ้าเราจะหลับลึกมาก ไม่ได้รู้สึกเล๊ยว่าฝนตกหนัก) ทำให้เช้านี้

๑) น้ำท่วมไซท์ และแน่นอนว่า บ้านคุณเบนซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่ำสุดของไซท์ท่วมด้วยแน่นอน (ที่มีตั้ง ๗ ไร่ ทำไม๊… ทำไมบ้านเจ้าของโรงแรม + เจ้าของโครงการ ต้องอยู่ตรงนี้ด้วยวะ)

๒) น้ำรั่วเข้ามาที่ห้องทำงานคุณเบน (เป็นไปตามสัจธรรมที่ว่า เมื่อคนเราเริ่มซวย ความซวยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) ซึ่งพึ่งแก้ปัญหาน้ำรั่วจากหลังคาไปเมื่อเดือนที่แล้ว คราวนี้รั่วเข้ามาทางหน้าต่าง

๓) น้ำรั่วที่บ้าน C1 ซึ่งพึ่งซ่อมน้ำรั่วไปเมื่อเดือนที่แล้วที่ด้านหลัง คราวนี้รั่วด้านข้าง สงสัยไดเรทเตอร์โรงแรมที่ทำงานอยู่ในนั้น คงเซ็งเราน่าดู ดาดฟ้างี้เจิ่งน้ำซะ จนเราโดนโอนเนอร์ประชดว่า "นี่ถ้าลูกผมมาเห็น คงจะชอบน่าดู คงจะกระโดดน้ำเล่น-ว่ายน้ำสนุกไปเลย" โอ๊ย… เจ็บค่ะ

และ ๔) ยังค่ะ ยังไม่หมด ไหนๆ เราก็รับผิดชอบงาน ๔ จุด มันต้องรั่วให้ครบทุกจุดซิ แน่นอน sale office ก็ต้องรั่วด้วย อันนี้ยิ่งเลวร้ายใหญ่ เพราะพึ่งซ่อมเสร็จไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง เปลี่ยนฝ้าไป ๓ รอบ แล้วนะ เฮ้อ… ตรูจะได้ปิดงานเดือนนี้ไม๊เนี่ย…

แต่ ๕) หลังจากที่ซวยเรื่องงานจนครบทุกจุด วิ่งไป-วิ่งมาจนเหนื่อยซก เดินจ๋อยๆ กลับมาที่ออฟฟิส คุณแม่บ้านแววดาวก็มาบอกเราว่า รถคุณหนิงยางแบนค่ะ เฮ้ย… อะไรกันวะ พอไปดูใกล้ๆ ก็เห็นตะปูคาอยู่ที่ข้างล้อรถ เอ๋บอกว่า ตะปูทิ่มอย่างนี้ ปะยางไม่ได้ มันจะอันตราย ให้เปลี่ยนยางเลย เราเลยต้องรีบขับรถไปเปลี่ยนยางก่อนที่มันจะแบนจะไม่สามารถขับไปอู่ได้ ก็หมดค่าเปลี่ยนยางไปแค่ ๑,๖๕๐ บาท เท่านั้นเองค่ะ เฮ้อ… สงสัยว่า ถ้ามีแฟน แฟนคงบอกเลิกวันนี้ด้วยมั๊ง ให้หมดสุดๆ ไปเลย!

ก่อนกลับบ้าน เราเลยตอบอีเมลล์เชฟแนมที่เขียนมาขอบคุณเราเรื่องกุญแจบ้านว่า เราไม่สบายดีอย่างที่คุณเชฟคิดหรอก (เชฟแนมเขียนว่า Trust that you are well) เพราะเราเจอเรื่องข้างบนเข้าไปตั้ง ๔ เรื่อง ขอร้องละว่า No more bad news, please!

Sunday, September 16, 2007

ไปกินกุ้ง

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ไปกินกุ้งแม่น้ำแถวบ้านหญิง พวกเรานัดเจอกันที่บ้านหญิงก่อน เราเลยบอกหมูก่อนว่า แม่หญิงผมร่วงหมดแล้ว อย่าตกใจล่ะ พอไปถึง ภาพไม่น่ากลัวอยากที่คิด และแม่หญิงก็ดูปกติมากๆ ช่างคุยเหมือนเดิม และเดินไป-เดินมาตลอด แถมยังเตรียมตัวออกไปทำงาน (ดูที่) อีกตะหาก ช่างเป็น Super Mom ผิดกับแม่เรากับแม่นิจจริงๆ

แล้วก็ออกไปกินกุ้งแม่น้ำที่ร้านริมน้ำกัน ๔ ป้า ระห่ำกินกุ้ง ๔ ตัว ราคา ๑,๘๐๐ บาท (ไม่รักกันจริง อาจมีตบฐานพาเพื่อนไปกินของแพงโคตร) แต่มันก็อร่อยจริงๆ นะ เอาไว้จะมากินอีก (ก็เป็นหญิงโสดรายได้ดีนิค่ะ) แถมยังถ่ายรูปไปอวดเก๋ด้วย อิอิ…

ระหว่างที่รอหมูแต่งตัวไปงานแต่งงานที่คอนโดเรา ก็เปิดทีวีดู มีข่าวด่วนแทรก เป็นข่าวเครื่องบินของวันทูโกตก ช่อง ๗ บอกว่า มีคนตาย ๗๐ คน แต่ช่อง ๓ ซึ่งเสนอข่าวหลังช่อง ๗ ๒๐ นาที บอกว่า บาดเจ็บ ๘ คน นี่ตูจะเชื่อช่องไหนดีเนี่ย สุดท้ายก็เป็นว่า ช่อง ๓ การข่าวแย่มากถึงมากที่สุด จะว่าไปก็นึกเสียวๆ นี่ถ้าวันก่อนเราซื้อวันทูโกไปภูเก็ต ป้าๆ (ก็รวมทั้งตัวเราด้วย) จะกล้าไปกันไม๊เนี่ย… เป็นที่แน่ๆ เราคงไม่กล้านั่งโลว์คอสไปอีกนาน… และจะต้องจับตาดูว่า คนจะเอาไฟล์ทนัมเบอร์มาแทงหวยกันรึป่าว…

Saturday, September 15, 2007

เรียนจบซะที

เสาร์นี้เอาการบ้านมาส่ง แล้วทำข้อสอบเล็กน้อย แล้วก้อถ่ายรูปรับประกาศนียบัตร ทางหลักสูตรเลยเอาแบบสอบถามมาให้ทำ มีข้อนึงเขาถามว่า อยากจะเชิญใครมาเป็นวิทยากร นกดันใส่ชื่อเราซะนิ เราเลยแซวว่า จะให้ทางหลักสูตรเขาเชิญกรรมกรหญิงมาเป็นวิทยากรรึงัย เราก็หัวเราคิกคักกัน จนไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างเราทนไม่ได้ หันมาเบรคเรากับนกทุกช๊อตไม่ว่าเรา ๒ คน จะพูดเรื่องอะไรกันก็ตาม (เราว่าไอ้เสือเก๋ก็ตรงๆ แปลกๆ แล้วนะ ไอ้นี้เหมือนเป็นพี่ช่ยเก๋เลยวะ) มันช่างขวานผ่าซากมาก จนเรากับนกเลือดไหลเป็นทาง และสรุปกันว่า จะไม่พูดกับมันอีกแล้ว มันก็ยังหันมาเหน็บเรากับนกอีก สงสัยงานนี้ต้องตบแล้ววะ แล้วเลยแอบเม้าท์กันว่า สงสัยมันจะเป็นคนที่แอบชอบรัตน์ พอตอนเบรค ก็ออกมาเล่าให้รัตน์ฟังกัน เราบอกว่า แปลกๆ แบบนี้รัตน์น่าจะชอบ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะถูกใจรัตน์จริงๆ ฮ้า…

รับประกาศฯ เสร็จเที่ยง เราก็กลับมาหลับอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเมื่อคืนทำการบ้านถึงตี ๔ ครึ่ง ส่วนนกไม่ได้นอนเอาเลย เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่เอาเวลาไปดูซีรียส์หนังจีนชุด เออ เอากับมัน ทำยังกับจะสอบ ป.ตรี แต่อาร์ตน่าเกลียดว่า เพราะหลับเอาจริงเอาจังตั้งแต่อยู่ในห้องเรียน จนเราแซวว่า ที่ลุง CSI เขาฝากๆ เรื่องกับเหล่าสถาปนิกไว้ อาร์ตคงรับฝากมาได้แค่ ๒ ข้อ อาร์ตเลยบอกว่า เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย เพราะต้องทำการบ้านให้นายด้วย แถมเป็นคนดี เลยทำ ๒ เล่มไม่เหมือนกันอีกตะหาก มิน่าล่ะ นายอาร์ตมาแบบหน้าตาผ่องใสมาเชียว มีลูกน้องเอาถ่านก็ดีอย่างนี้เองนะเนี่ย…

ชั้ยเมลล์มาบอกว่าหลวงพี่จะแต่งงาน ซึ่งเราตัดสินใจได้เลยว่าไม่ไป ก็ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบเตรียมฯ และเราว่าไอ้หลวงพี่ก็ไม่ได้ยินดีที่พวกเราจะไปงานมันนักหรอก ถ้าต้องไปงานเพื่อนๆ เราเลือกไปงานไอ้เย้ยเปิดร้านใหม่ที่นครสวรรค์ดีกว่า ได้ข่าวว่ามีให้น้องกระแตมาอาบน้ำโชว์ซะด้วย สงสัยว่างานนี้ เพื่อนๆ คงไปกันเยอะแน่ๆ เลย Anyway ก็ขอให้เปิดร้านใหม่ กิจการรุ่งเรือง ขายดิบ-ขายดี รวยยิ่งๆ ขึ้นไปนะจ๊ะ…

Thursday, September 13, 2007

อุปสรรคความรักของหมู

เรากำลังประชุมอยู่ แล้วหันไปเห็นมือถือมี 2 missed call เบอร์เดียวกัน เลยโทรกลับ แต่กลายเป็นว่า เหมือนอีกฝ่ายจะงงๆ ที่เราโทรหลับ เราเซ็งมากที่ไอ้หมอนี่พูดไม่รู้เรื่อง เลยทำเสียงเข้มไปว่า "ก็คุณโทรมา" เขาเลยทำเสียงเข้มกลับว่า "คุณต่างหากที่โทรหาผมก่อน ตอนนี้ผมอยู่ต่างประเทศ" เราเลยขอโทษแล้ววางสาย แล้วก้อมานึกสังหรณ์ใจว่า ชะรอยนังน้องริทซี่ของเราจะเอามือถือคุณพ่อมาโทรหาเราแน่ (เพราะมันเคยบอกว่ามันไม่ได้เปิดโรมมิ่ง) เราเลย sms ไปถาม ปรากฎว่า ใช่จริงๆ ด้วย โห… อย่างนี้คุณพ่อก็เจอฤทธิ์ว่าที่ลูกสะใภ้ไปเต็มๆ เฮ้อ… แย่เลยเรา…

พอเย็นก็รีบไปกินข้าวกับสาวๆ คราวนี้อ้างกันว่าเป็นวันเกิดนิจ แต่เราดันไปทำหญิงสับสน หญิงเลยไปร้านเดอตูผิดสาขา (ต้องขอโทษจริงๆ) เราเลยถือโอกาสเล่าให้ป้าๆ ฟังว่า หมะติดตามเรื่องพี่โก๊ะโกะ และจะให้ป๊าไปทาบทามเกี๊ยกให้เรา แต่นั่นก็ไม่น่าสนใจเท่า หมูมาเล่าเรื่องไปดูตัว ฮ้า… แต่เป็นความโชคร้าย(หรือโชคดี???)ของไอ้หมอนั่นที่ทำงานอยู่ที่การรถไฟฯ แถมใส่ปริญญา + คุณสมบัติต่างในนามบัตรให้ยาวพรืดไปหมด เลยโดนปุ๊กโจมตีสุดฤทธิ์ เฮ้อ… รักนี้ของหมูมีอุปสรรคซะล่ะ… ; D

Saturday, September 8, 2007

โดนจิก

เสาร์นี้เป็นเสาร์สุดท้ายของการเรียน ทุกกลุ่มต้องมีการ Present เราขี้เกียจพูด (จริงๆ เป็นเพราะไม่ได้เตรียมตัว เลยไม่ค่อยมั่นใจ) เลยพยายามโยนไปให้พี่อาวุโส ๒ คนในกลุ่มเป็นคนพูด แต่คนในกลุ่มไม่ยอม เพราะกลุ่มก่อนหน้าเรา Present กันไม่ครบทุกคน คนที่ไม่ได้พูด จะโดนลุง CSI จิกถามคำถาม ซึ่งจะดูน่ากลัวกว่ามาก แต่เราบอกว่า ไม่กลัว จะจิกก็เชิญ แต่สุดท้ายก็ต้านทานคนอื่นๆ ในกลุ่มไม่ได้ เลยต้อง Present กับเขาด้วย เราเลยเลือกหัวข้อที่เราถนัด นั่นคือ การตรวจสอบโครงสร้าง แต่ก็มิวายโดนลุง CSI จิกถามจนได้ มีประชดเราอีกตะหากที่เราไม่ค่อยมีความรู้ด้านวิศวกรรมโยธา แต่ก็เดชะบุญ เนื่องจากไฟฟ้าดับเมื่อกลางวัน เลยทำให้การ Present เลื่อนมาจนสาย(ค่ำ) อาจาร์ยหัวหน้าหลักสูตรเลยกระโดดเข้าห้ามการจิก แต่ลุง CSI ก็ไม่ฟัง เราเลยโดนจิกไป ๒ ที พอแกจะจิกครั้งที่ ๓ อาจารย์หัวหน้าหลักสูตรเลยต้องห้ามอย่างเอาจริงเอาจัง ลุง CSI เลยงอน เลิกถามทุกคน เราแอบเห็นคนที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอกกันหมด โธ่โว้ย… ทำไมตรูต้องเป็นคนสุดท้ายที่โดนจิกด้วยวะ แต่ก็เอาเหอะ ดิฉันอโหสิให้

การ Present เสร็จเอาเกือบ ๓ ทุ่ม เฮ้อ… ดีใจจัง ในที่สุดก็เรียนจบซะที แต่ที่น่าเสียใจ คือ เราจะอดกินของอร่อยๆ แล้วนะซิ แถมกำลังเม้าท์กับไอ้น้องนกอย่างเมามันซะด้วย เลยต้องเป็นอันจบการเม้าท์แต่เพียงเท่านี้ เพราะด้วยเนื้องาน คงจะได้เจอกันยาก… เฮ้อ… เสียดายจัง…

Friday, September 7, 2007

หลักด่าน

ตานิโคลัสมาถามว่าเราจะลาออกเหรอ ทำเอาเรางงเต๊ก ทำไมเราไม่รู้เรื่องวะว่าเราจะลาออก เราเลยแกล้งถามว่า ยูเอามาจากไหน มาจากณัฐพล-นายชั้นรึป่าว ทำเอาตานิคอึ้งไป ซักพักก็บอกว่า โทษที เฮียจำผิด จริงๆ แล้วเป็นแฟนเก่าเราตะหากที่จะลาออก เราเลยบอกว่า พี่ฐากูรก็ยังไม่ออกโว๊ย ข่าวยูนี่มั่วจริงๆ เลย แล้วมันก็กลับไปทำงานต่อ ซักพักนึงตาเต่าตนุก็โทรมาหาเรา บอกว่าตานิคให้มาทาบทามตัวไปทำงานด้วย ถ้าเราคิดจะเปลี่ยนงานจริงๆ อะนะ (ยัง ดูมัน… ยังไม่เลิกอีก) เราเลยบอกว่า "คุณนิคจะสู้เงินเดือนไหวเลยคะ ต้องจ้างหนิง ๖ หลัก แล้วนะคะ" ตนุอึ้งไปนิดนึงแล้วพูดว่า "อย่างคุณมีหลักเดียว ก็ "หลักด่าน" งัยครับ" แล้วก็วางหูไป เราก็งงๆ แต่ก็ต้องรีบเผา minutes เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่พอพิมพ์ชื่อผู้เข้าประชุม เราก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ก็… "นายตนุ หลักด่าน" ผู้นี้นี่เอง… -_-"

Monday, September 3, 2007

FUJI แปลว่าปลาแซลมอน

เรานั่งปั่น Minutes อบ่างเมามัน แต่พอมุกมาก็ต้องเลิก มันเห็นเรากำลังใช้คอม เลยมานัวเนีบด้วย จิ้มคีย์อีมั่วซั่วไปหมด แต่ก็ให้บังเอิญว่า มุกพิมพ์ FU เราเลยสอนให้มุกพิมพ์คำว่า FUJI แล้วก็ถามมุกว่า รู้ไม๊ว่า FUJI แปลว่าอะไร มุกบอกว่า FUJI แปลว่า ปลาแซลมอน! เรากับเทียนนี่ฮาเลย เทียนบอกว่า ถ้าอีกหน่อยเราถามเหวินเฉียงว่า FUJI แปลว่าอะไร มันคงตอบว่า แปลว่า ข้าวหน้าหมูทอด เพราะพ่อกับแม่มันไม่มีเงินสั่งปลาแซลมอนให้กินหรอก 555...

บ่ายแก่ๆ เกี๊ยกก็แวะมาเยี่ยม แต่หมะกำลังฟอกไต เลยคุยกันได้นิดเีดียว แต่เราสังเกตว่าหมะาดีใจมากเลยที่เห็นเกี๊ยก หมะให้เราออกมาคุยกับเกี๊ยกนอกห้องฟอกไต แต่มุกเกิดรักเรามาก พัวพันไม่เลิก แจ้เลยนั่งคุยกับเกี๊ยกแทน แล้วก็คุยกันใหญ่เลย ประหนึ่งเราเป็นพี่เลี้ยงเด็ก คุณนายกำลังรับแขกอยู่ ก่อนกลับ เกี๊ยกสารภาพว่าไม่มี “แฮกิ้น” มาฝากเราตาม Request แต่ซื้อลูกไหนมาให้แทน หมะบอกว่าป๊าชอบกินมาก สงสัยเกี๊ยกจะได้แต้มบวกไปอีกหลายคะแนนแบบไม่ได้ตั้งใจ เรางี้นึกในใจ นี่ถ้าเราไฟเขียว ป๊าคงไปขอเกี๊ยกให้เราแน่ๆ เลย...

Sunday, September 2, 2007

ญาติเยอะ

อาการหมะดูดีขึ้นมาก สงสัยเพราะกำลังใจดีขึ้นมาด้วย ก็มีคนมาเยี่ยมหลายคณะซะจนไม่ได้นอนตอนบ่าย ส่วนมากับที่บ้าน เอาเหวินเฉียงมาด้วย เราเลยได้อุ้มมันแป๊ปนึง แจ้มาแอบบ่นว่า มากันเยอะไปแล้ว น่าจะไล่กลับไปบ้าง แถมอาอี๊บางคนมาอยู่ทั้งวัน มาตั้งแต่เช้า ออกไปกินข้าวเที่ยง แล้วกับมาเม้าท์ต่อ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า พวกอี๊ๆ มาเมาท์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะหมะพูดไม่ทันอี๊เลย ขนาดตอนคุณหมอถามอาการคนไข้ พอแม่เราอึกอัก อี๊ก็ช่วยตอบแทนซะนิ จนหมอต้องพูดว่า ให้คนไข้ตอบเอง เราเลยนึกในใจ ใช้ได้เลยค่ะคุณหมอ แล้วเลยสบายใจมากขึ้นที่ได้คุณหมอคนนี้เป็นเจ้าของไข้ เลยตั้งใจว่า พรุ่งนี้ค่อยถามรายละเอียดกับคุณหมอ เพราะวันนี้คนเต็มห้องไปหมด แถมของเยี่ยมไข้ก็เต็มไปหมด ได้รังนกมาหลายแพ็ค งานนี้น้องมุกมีความสุขมาก เพราะได้กินรังนกแบบเมามันชนิดไม่ต้องเกรงใจเงินพ่อ-แม่ (แจ้บอกว่าปกติให้กินอาทิตย์ละ 2 กระป๋อง เพราะมันแพง) แต่เราละเซ็ง เพราะโดนหมะบังคับให้กินสก๊อต

อู๊ดโทรมาบอกว่า จะแวะมาเยี่ยมค่ำๆ หน่อย จะได้ไม่ต้องมาชนกับญาติๆ เรา เราเลยบอกให้มันซื้อเต้าทึงเจ้่าอร่อยมาให้กินด้วย เทียนขำใหญ่บอกว่า ไม่ได้กินหร๊อก เราเลยบอกว่า ถ้าอู๊ดมาพร้อมด้วยเต้าทึง เราจะขอมันแต่งงาน แล้วค่ำนั้น อู๊ดก็มาพร้อมด้วยเต้าทึง 2 ถุง...

Saturday, September 1, 2007

กลับบ้านด่วน

พอเรียนเสร็จ เราก็รีบกลับบ้านโดยมีตาอู๊ดมารับที่สนามบิน มันเห็นเราจ๋อยๆ เลยแซวเรานิดหน่อย และบอกว่า คุณหมอเจ้าของไข้เป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญโรคไตโดยเฉพาะ เก่งที่สุดในหาดใหญ่แล้ว เคยรักษาญาติอู๊ดจนหาย เราเลยค่อยรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง แต่พอเราเห็นหมะแล้วเราตกใจมาก เพราะหมะดูแก่ไปมาก เทียนบอกว่าเมื่อวานดูน่ากลัวกว่านี้อีก นี่ฟอกไตแล้วดูสีหน้าหมะดีขึ้นเยอะแล้ว ก็หวังว่าอาการหมะจะดีขึ้นเร็วๆ แต่ที่น่าตกใจ คือ ต่อไปหมะจะต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ไปตลอดชีวิต เราเลยยิ่งตกใจว่าทำไมมันปุ๊ปปัปอย่างนี้ 2 อาทิตย์ก่อนแม่เรายังดูแข็งแรงอยู่เลย แต่หมอก็พูดให้กำลังใจว่า ถ้าคนไข้ดูแลอาหารการกินดีๆ อาจจะลดเหลืออาทิตย์ละครั้งก็ได้ เราเลยนึกในใจ สงสัยต้องเที่ยวมันตั้งแต่สาวๆ วะ ถ้าแก่ตัวไป ถึงจะมีเงินและมีเวลา สังขารก็อาจจะไม่อำนวย และที่สำคัญเราต้องเริ่มกินน้ำให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะที่ผ่านมากินน้ำน้อยมากๆ (แบบว่าขี้เกียจไปฉี่) แต่ก็ต้องดูกันไปว่าเราจะทำได้ซักกี่น้ำ...

Friday, August 31, 2007

ใจเสีย

แจ้โทรมาบอกว่าหมะอาการหนักมาก ต้องส่งโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อเช้า และเย็นนี้ต้องฟอกไตเลย ถ้าไม่ฟอก จะอยู่ได้แค่ ๖ เดือน ทำเอาเราตกใจหมด ก็วันก่อนหมะยังดูแข็งแรงอยู่เลย แจ้บอกว่าหมะเป็นไตวายแบบเฉียบพลัน แต่หมะสั่งแจ้ว่าไม่ต้องบอกเรา เพราะช่วงนี้เราเรียนหนังสืออยู่ ไม่อยากให้เราขาดเรียนมาเฝ้า แจ้เลยโทรมาบอกเฉยๆ แต่ว่าไม่ต้องกลับไปดูหมะ และไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแจ้คุ้นกับการดูแลคนที่เป็นโรคนี้ เพราะแม่ของพี่เก๋ก็เป็นโรคนี้มาก่อนเหมือนกัน เราเลยบอกแจ้ว่า พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วเราจะกลับบ้าน แล้วค่อยมาทำงานวันอังคารก็ได้ ไม่ขาดเรียนด้วย หมะจะได้ไม่บ่นแจ้ แต่ช่วยไปรับเราที่สนามบินด้วยละกัน เพราะเราคงไปถึงค่ำๆ ให้เราอยู่ที่กรุงเทพฯ เราคงนอนไม่หลับ เลยให้ใจหายหน่อยๆ ว่า ทำไมมันปุปปัปแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่คิดว่าหมะถึงมือหมอแล้ว คงไม่เป็นไร อีกอย่างมีหมอบุญสิทธิ์ช่วย Refer ให้ ก็น่าจะวางใจได้ แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เลยโทรไปหาอู๊ด ให้อู๊ดช่วยให้อาอู๊ดฝากให้อีกคน แล้วเลยรู้ว่าอู๊ดอยู่หาดใหญ่พอดี เลยให้อู๊ดไปช่วยเยี่ยมหมะด้วย ไปให้กำลังใจหลายๆ คนน่าจะดี เพราะหมะยิ่งเป็นคนขี้กลัวอยู่ด้วย เลยเป็นอันว่า อู๊ดจะมารับเราที่สนามบินแทน เพื่อให้เทียนอยู่เป็นเพื่อนหมะ เพราะแจ้ต้องไปดูเด็กๆ ตอนกลางคืน เราเลยรู้สึกดีที่อู๊ดอยู่หาดใหญ่ตอนนี้พอดี เพราะเราได้มีใครอีกคนให้เราได้ไหว้วาน-พึ่งพา…

Wednesday, August 29, 2007

เจ็บใจ

ในที่สุดครัวบ้าน C1 ก็เสร็จซะที เราเลยนัดพี่แหนมเนืองมาทดสอบครัวรอบสุดท้าย รออยู่เป็นนานกว่าคุณพี่จะมา พี่ณัฐก็โทรมาตามให้ไปประชุมยิกๆ เฮ้อ… ยุ่งจริงโว้ย พอคุณแหนมเนืองเห็น heat lamp มาติดเพิ่มอีก ๒ ตัว ก็ทำหน้าดีใจใหญ่ หันมาบอกว่า คิดว่าเราลืมซะแล้ว โธ่… ใครจะไปลืมได้ แต่พอเหลือบตาไปเห็นแหวนที่นิ้วของเฮีย ก็ให้เจ็บใจเล็กน้อย หนอย… แต่ดูคุณแหนมเนืองชอบครัวนี้มากเลย ชมเราตลอดพร้อมกับตบไหล่ทุกครั้ง งานนี้เล่นเอาไหล่แทบพัง…

Tuesday, August 28, 2007

เกือบได้เป็นพนักงานโรงแรมซะละ

อีก ๒ วัน จะมี dinner แบบหรูหราที่บ้าน C1 (ได้ชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า Garden Villa ซึ่งก็นับว่าเหมาะสม เพราะมันตั้งอยู่กลางสวนจริงๆ ใครจะไปนึกว่ามีบรรยากาศดีๆ แบบนี้ใจกลางกรุงเทพ ที่สำคัญเราได้ดูมันทุกวันอีกตะหาก) ที่เราพึ่ง Renovate เสร็จ แต่เนื่องจากบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในส่วนสวนของโครงการซึ่งเราเป็นคนรับผิดชอบ คุณ อ. - แม่บ้านโรงแรมเลยต้องมา co. กับเราในเรื่องสภาพความเรียบร้อยโดยรวมของสวน ที่เราเข้าใจเอาเองว่า มันก็ดูเรียบร้อยดีนิ ที่ไหนได้ คุณ อ. ใส่เรามาชุดใหญ่ว่า สวนเราโคตรจะไม่เรียบร้อย เราก็บอกว่า งั้นจะให้คนสวนมาตัดหญ้าและตัดแต่งกิ่งก่อนกำหนด คุณ อ. ก็ใส่มาอีกชุดว่า "บัวก็ออกดอกไม่ครบทุกกอ เวลาโรงแรมจัด Executive Dinner ดอกไม้จะต้องบานทุกต้นค่ะ เข้าใจไม๊คะ เรื่องพวกนี้คุณเฉลิมพรต้องรู้ด้วยนะคะ แล้วต่อไปให้คนมาเอาใบงานที่ฝ่ายแม่บ้านของโรงแรมทุกวัน ดิฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยบอก" พอเราบอกว่า เรื่องที่ทำให้บัวบานสะพรั่งภายใน ๒ วัน เราไม่แน่ใจว่าผู้รับเหมาสวนเราจะทำได้ และมันก็ไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาจ้างด้วย เจ๊ก็ใส่เรามาอีก ๑ ชุดใหญ่ว่า เราจ้างคนห่วยแถมทำสัญญาไม่ได้เรื่องเป็นที่สุดอีกตะหาก เรานึกในใจต้องรีบชิ่งซะแล้ว เพราะถ้าคุยต่อเดี๋ยวมีการตบกันเกิดขึ้น อิชั้นไม่ใช่พนักงานโรงแรมของคุณนะคะ อิชั้นเป็นผู้บริหารงานก่อสร้างค่ะ และเราใช้สัญญาก่อสร้างค่ะ ไม่ได้ใช้สัญญา Maintenance พิเศษ เราเลยรีบตัดบทว่า "งั้นก็รบกวนคุณ อ. จัดการตามที่เห็นสมควรก็แล้วกันค่ะ ทีมคนสวนของโรงแรมน่าจะทำงานได้ตามมาตรฐานของโรงแรมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสัญญาจ้างคนสวนที่โครงการทำไปแล้ว ถ้าทางโรงแรมไม่เห็นด้วย คงต้องรบกวนให้คุณเบนนี่ - GM โรงแรม ไปคุยกับคุณณัฐพล - เจ้านายหนิงค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนิงขอตัวก่อนนะคะ"

พอกลับมาที่ออฟฟิส เราก็โวยพี่ณัฐเป็นชุด บอกให้ไปเคลียร์เรื่องนี้กับคุณเบน - เจ้าของโรงแรมด่วน เราไม่ใช่พนักงานโรงแรมนะ จะได้ไปรับใบงานห้องจัดเลี้ยงเขามาทำงาน support อ่ะ แต่เดชะบุญ ที่คุณ ช. ส่ง email เรื่องขอไม่หยุดงานก่อสร้างในบริเวณใกล้ๆ กับการจัดงานดินเนอร์ไปต่อรองกับคุณ GM แล้ว cc. คุณเบนไว้ แล้วคุณเบนสังเกตเห็นว่า ต้นเรื่องมาจากที่ ยัย อ. มาสั่งเราโดยตรง คุณเบนเลยเมลล์ประกาศว่า ต่อไปขอให้ทางโรงแรม เฉพาะคุณเบนนี่เท่านั้นด้วย co. กับคุณ ช. เท่านั้น ห้ามคนอื่นๆ co. โดยตรงกับบริษัทเราเป็นอันขาด เพราะเราเป็น Construction Consultant ของโครงการคอนโดที่จะก่อสร้าง ไม่ควรมาข้องเกี่ยวกับกิจการของโรงแรม เย้! เกือบต้องกลายเป็นพนักงานโรงแรมไปซะแล้ว…

และแล้วก็เป็นวันที่ยุ่งๆ อีก ๑ วัน ในชีวิต ยุ่งจนลืมไปว่าเมื่อวานเป็นวันที่โลกเราจะมีพระจันทร์ 2 ดวง เพราะดาวอังคารจะโครเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดในรอบหลายพันปี คราวที่แล้ว ก็พลาดดูฝนดาวตกไปทีนึง ทั้งๆ ที่เป็นช่วงวันหยุดยาว สงสัยว่า ต่อไปถ้ามีเหตุการณ์อะไรพวกนี้อีก เราคงต้องใส่มันลงไปฝน outlook ซะแล้ว ไม่งั้นจะลืมดูอีกทุกที (แก่แล้ว ความจำไม่ค่อยดี) เลยให้นึกถึงตอนไปดูฝนดาวตกครั้งแรกกันที่ไร่เขาแม่ยุทธ นึกแล้วก็มีความสุข (แล้วก็ขำไม่หายที่ยุทธดูหิ่งห้อยเป็นฝนดาวตก แล้วก็แก้ตัวว่า มิน่าล่ะ ดาวไม่ตกซ๊ากที...) เราว่าชีวิตช่วงอายุนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ งานไม่เยอะมากแบบนี้ และที่สำคัญความรับผิดชอบก็ไม่มาก ทำงานชิล-ชิล สามารถลางานยาวๆ หรือจะลากระปริปกระปอยก็ยังได้ นายไม่คาดหวัง แถมเงินเดือนก็เริ่มเยอะจนสามารถบันดาลความสุขได้ขั้นนึงเลยทีเดียว เฮ้อ... เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วดีจริงๆ...

Sunday, August 26, 2007

เรื่องมันช่างน่าอาย

หลังจากเสียวฟันมาหลายอาทิตย์จนเรานึกว่าเราฟันผุแน่เลย เราเลยไปหาหมอฟันที่คลีนิคข้างบ้านซึ่งตกแต่งสวยงาม นึกในใจว่า ไม่ถูกแน่ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเป็นหญิงโสดรายได้ดี ฮ่าๆ ไม่ใช่ เป็นเพราะที่บริษัทเราให้เบิกค่าทำฟันได้ตั้ง ๑,๒๐๐ บาทตะหาก เลยคิดว่าน่าจะพอ แต่ถ้าต้องออกเงินเพิ่มก็คงไม่มาก เอาความสะดวกดีกว่า

ปรากฎว่าเจอคุณหมอฟันหนุ่ม หน้าเด็กมากๆ จนเราสงสัยว่านี่ นร. แพทย์มาฝึกงานรึป่าววะ แถมพูดจาดูเกร็งๆ อีกตะหาก (นี่อิชั้นยังไม่ได้แสดงท่าที harassment เลยนะฮ้า) คุณหมอตรวจฟันเราไปมาแล้วบอกว่าให้เราไป X-Ray ฟันจะดีกว่า จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้องเต็มที่ (เออ เอากันง่ายๆ อย่างนี้เลยนะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อความมั่นใจของคุณหมอ ป้ายอมค่ะ) ระหว่างทางเดินไปห้อง X-Ray เราเลยได้โอกาสถามคุณพยาบาลว่าคุณหมอเรียนจบรึยัง เลยให้สบายใจหน่อยว่า พ่อหนุ่มน้อยเป็นคุณหมอแล้ว

เครื่องมือ X-Ray ฟันน่ากลัวโคตร เป็นเครื่องกลมๆ ตอน X-Ray ได้ยินเสียงโลหะวิ่งไปมารอบหัว ยังกับเครื่องที่ลุงอาร์โนลด์ใส่เพื่อไปเที่ยวในความฝันในเรื่อง Total Recall ยังงัยยังงั้น แถมเรายังต้องใส่เสื้อกันรังสีอีกตะหาก แต่ที่หน้าไม่ยักมีอะไรมากัน (จะปลอดภัยไม๊เนี่ยตรู…) แล้วก็นึกในใจ อย่างนี้ต้องไปบอกให้คนที่บ้านรู้ว่าเรามีผล X-Ray ฟันด้วย เกิดซวยๆ ไปมีอุบัติเหตุตายที่ไหน แล้วต้องใช้ X-Ray ฟันประกอบการ Identify ศพ ให้มาขอได้ที่คลีนิคนี้

ผลการ X-Ray ฟัน ทำให้คุณหมอสรุปได้ว่า ที่เราเสียวฟัน ไม่ได้เป็นเพราะฟันผุ แต่เป็นเพราะเหงือกร่น ขอให้เราเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟันทดลองดู ถ้ายังไม่หาย ค่อยทำการ "คลอบฟัน" แต่เนื่องจากหินปูนเราเต็มปาก คุณหมอเลยขอเสนอขูดหินปูนให้ (ไหนๆ ก็มาหาหมอแล้วนิ) พอขูดเสร็จ คุณหมอก็สอนการแปรงฟันที่ถูกวิธีให้กับเรา เพราะคิดว่าเราแปรงฟันไม่เป็น เลยมีหินปูนมาก เราก็พยายามรักษาสีหน้าให้ดูเหมือนตั้งใจฟังมากๆ (มารยาทงามมากค่ะ) แต่ในใจคิดว่า ที่เราหินปูนมาก ไม่ใช่เป็นเพราะเราแปรงฟันไม่เป็นหรอก แต่เป็นเพราะเราไม่ค่อยได้แปรงฟันตะหาก!!!

Saturday, August 25, 2007

บุตรกตัญญู

หมะโทรมาเร่งเราให้ไปเอาสมุนไพรแถวคลองสาน บอกว่าสามารถรักษาโรคไตได้ (ไปอ่านเจอจาก นพส. จีน) เราเลยโดดเรียนตั้งแต่ ๔ โมง เพื่อไปเอาไอ้เจ้าสมุนไพรที่ว่า เพราะเขาบอกว่า เขาจะอยู่ถึงแค่ ๖ โมง (ซึ่งก็นับว่าโชคดี เพราะวิทยากรคนนี้ตั้งใจสอนมาก ได้ข่าวว่า คุณเธอสอนถึงเกือบ ๒ ทุ่มแน่ะ กลัวคนมาเรียนไม่คุ้มรึงัยไม่รุ) แต่ก็ไม่กล้าไปคนเดียว เลยชวนหมูไปด้วย

ตอนแรกคิดว่าหลงทางซะแล้ว แต่สุดท้ายก็ไปถูกทาง หมูแซวว่า สงสัยท่านจะรู้ว่าเรากำลังปฏิบัติหน้าที่ลูกกตัญญูอยู่ เลยช่วยให้มาถูกทาง ที่ๆ ไปเอาเป็นตึกแถว เงียบมากจนทำให้เรายิ่งกังวลหนักเขาไปอีกว่า นี่ควรจะให้หมะกินสมุนไพรของคนๆ นี้แน่เหรอ เพราะถ้ารักษาหายจริง คนคงแห่แหนกันมาจนคึกคักไปทั้งซอยแล้วล่ะ หลังจากเล็งบ้านไปมาแล้วดูไม่เวิร์ค เราเลยโทรไปบอกเขาอีกทีว่ามาถึงแล้ว ซักพักก็มีอาแป๊ะแก่ๆ คนนึงเดินออกมาพร้อมด้วยถุงพลาสติก แล้วเดินไปที่สวนข้างบ้าน ขุดต้นไม้ประเภทไม้คลุมดิน (คล้ายๆ พลูด่าง แต่ใบออกสีม่วงๆ เล็กน้อย) ให้เรา ๑ ถุง แล้วบอกว่าให้ต้มกับน้ำ ๒ ลิตร ต้ม ๒.๕ ชม. แล้วกิน ขนาดคนที่ฟอกไตอยู่ ยังหาย ไม่ต้องฟอกอีกเลย แล้วก็ให้ฟรีๆ ด้วย ถือว่าเป็นการบอกบุญ แต่ถ้าเราอยากให้เงินช่วยทำบุญ ก็แล้วแต่จะให้ เราเลยให้ไป ๕๐๐ บาท (ถือว่าทำบุญกับคนแก่) อาแป๊ะบอกว่า ถ้าต้มกินแล้วยังไม่หายดี ให้มาเอาใหม่ได้ฟรีจนกว่าจะหายขาด แต่เราคิดว่าจะแบ่งส่วนนึงมาปลูก จะได้ไม่ต้องขับรถมาเอาอีก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจลูกกตัญญูของวันนี้

เรากับหมูเลยไปงานเที่ยวไทยที่ศูนย์ประชุมฯ กันต่อ เพราะกะไปซื้อตั๋วนกแอร์ราคาถูก เพราะเดือนตุลาจะไปเที่ยวภูเก็ตกัน แต่คิวยาวมาก เรากับหมูเลยใช้เงินแก้ปัญหา โดยการตัดสินใจว่าจะจองตั๋วราคาปกติแทน (สมกับเป็นหญิงโสดรายได้ดีจริงๆ) แล้วก็ไปกินข้าวกัน

Sunday, August 19, 2007

คนดีของชาติ

ไปลงออกความเห็นรับร่างรัฐธรรมนูญ เดินซะจักแร้เปียก แล้วก้อมาทำงาน คิดไปคิดมา เราว่าพี่ณัฐคุ้มมากเลยที่ให้เราไปเรียน เพราะกลายเป็นเขามีคนมาทำงานครบ ๗ วัน แถมช่วงนี้งานสปาเร่งซะด้วย พี่ณัฐเลยได้เรามาดูงานวันอาทิตย์แถมให้อีกตะหาก…

Friday, August 17, 2007

เมื่อนายหญ่ายที่ซู๊ดมาชมโครงการ

แม้ว่าโครงการจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พ่อคุณเบนก็แวะมาดูโครงการ พี่หนุ่ยเคยบอกเราว่า พ่อคุณเบนเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของฮ่องกง งานนี้เราเลยเต็มอกเต็มใจมากที่จะไปต้อนรับคุณพ่อ ;D (เพราะพี่ณัฐมาไม่ทัน) เราคิดว่าคุณพ่อจะซัก ๗๐ อัพ (กะว่าจะขอเป็นเมียน้อยซะหน่อย แล้วจะขอเงินซัก ๕๐๐ ล้านมาทำโครงการแก้เซ็ง) แต่ที่ไหนได้ดูแล้วคุณพ่อน่าจะอายุประมาณ 60 ปี เท่านั้นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายมั่กๆ ว่าคุณพ่อมากับภรรยา เซ็งเลยงานนี้ (เป็นวิศวกร เอ๊ย เป็นกรรมกรต่อเหมือนเดิมก็ได้วะ) การตรวจงานดำเนินไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นที่ Business Center หรือที่สปา คุณพ่อชมเราที่บ้าน C1 ด้วยว่า ทำงานเรียบร้อย-สวยงามดีมาก (ในขณะที่ความเป็นจริง คือ เราโดนยัยแม่บ้านโรงแรมสวดยับ คนเดียวที่ไม่บ่นเราเรื่อง Renovate บ้าน C1 คือ คุณแหนมเนืองสุดเลิฟนั่นเอง) แต่ก็ให้มาตกม้าตายตอนจบที่โชว์แฟลต เพราะชาวคณะมาถึงเที่ยงกว่าๆ เลยเจอภาพคนงานเลยนอนกลางวันกันที่ระเบียงเป็นลานตากปลาทู เดชะบุญที่เป็นช่วงพักเที่ยงนะเนี่ย ไม่งั้นบริษัทเราคงโดนโอนเนอร์ terminate วะ

ปล. ตอนพาชาวคณะไปบ้าน C1 ได้เจอคุณแหนมเนือง 1 แว่บ เลยได้แต่โบกมือทักทาย พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดคุณพี่ซะด้วย น่าเสียดายที่เราส่งครัวเป็นของขวัญวันเกิดไม่ทัน เพราะไอ้ไฟฟ้าเจ้ากรรม เซ็งจริงๆ เลย…

Thursday, August 16, 2007

หวั่นไหวๆ

พี่ณัฐเบี้ยวต่อราคาแอร์อีกล่ะ เราเลยต้องไปแทนแบบด่วนๆ อีกหล่ะ ทำเอาเราเซ็งๆ ก็เอกสารไม่เคยเปิดดูเลย จะให้อิชั้นไปนั่งเป็นพระประธานรึงัย แต่… แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องประชุม เราก็พบว่ามีกุมารหน้าใสกิ๊กนั่งอยู่ ๑ คน ทำเอาป้าใจหวั่นไหวหมด มันมาจากไหนวะ ที่แท้คุณน้องเป็นลูกน้องของคุณ ศ. (แหม… เข้าใจคัดเลือกลูกน้องนะคะ เห็นทีเราต้องเลียนแบบบ้างแล้ว) ตอนระหว่างนั่งรอๆ กัน คุณน้องก็บ่นว่าโครงการให้ที่วางแอร์น้อยมากๆ ในใจเราพูดว่า "น้อง อ. อยากได้สเปซเท่าไรละคะ เดี๋ยวป้าจัดให้" แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ค้ำคออยู่เลยพูดว่า "ก็มันเสียพื้นที่ขายนะคะ แต่คุณ อ. คิดว่ามันควรจะต้องขยับอีกเท่าไรละคะถึงจะ maintenance ได้สะดวก เผื่อว่าทางเจ้าของโครงการจะได้ลองพิจารณาดู" น้อง อ. เลยบอกว่า เดี๋ยวจะลองไปคำนวณดูให้แน่ๆ อีกที แต่ที่แน่ๆ เด่นฟังแล้วอึ้งไปเลย พอออกมาจากห้องประชุมมันโวยเราใหญ่ว่า ออกนอกหน้าเกินไปแล้ว ก็ตอนที่มันบ่นเรื่องที่วางแอร์แคบ เราด่ามันไปเรียบร้อยว่า หัดคิดซะบ้างว่าราคาขายโครงการเท่าไหร่ ไม่บีบไปกว่านี้ก็บุญแล้ว งานนี้เราเลยได้ด่ามันอีกทีว่า "ไม่รู้หรืองัยว่าคำถามพวกนี้ มันขึ้นอ่ยูกับหน้าตาคนถามด้วย" ฮ่าๆๆ

เซลล์ที่พลัสแวะเอาโบว์ชัวร์ของคอนโดแสนสิริที่สุขุมวิท 8 มาให้เรา เราเลยเอาให้ริทซ์ดู เพราะเห็นมันมองๆ คอนโดอยู่ แต่มันดันถามว่า “ซื้อให้ผมเหรอครับ” เราเลยนึกในใจ ถ้าซื้อให้จริงๆ จะกล้าอยู่เหรอคะคุณน้อง เหอ...เหอ... เหอ...

หลังจากที่ออก Instruction มาชาตินึง ในที่สุดมูเทียร่าก็ทำงานดิมมิ่งสำเร็จ งานนี้คุณพี่วิลอาสาจะดิมไฟเอง เราเลยต้องขาดเรียน เพราะต้องเดินประกบเฮียตอนดิมไฟ พอกลับบ้านก็รีบดูว่าเราขาดเรียนวิชาอะไร ปรากฎว่าโชคดีมั่กๆ ที่มันเป็นวิชา “จริยธรรมในวิชาชีพ” ฟลุ๊คจริงๆ เลย…

Monday, August 13, 2007

มาเฟียตัวจริง

ตั้งใจว่าจะไปงานสวดแม่ฤทธิ์อีกวัน แต่พอเช้ามา ปุ๊กก็โทรมาบอกว่า มีข่าวยิงกันตายที่งานศพแม่ฤทธิ์ด้วยนะ เราเลยรีบแจ้นออกจากบ้านไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน เชื่อแล้วว่า ธุรกิจน้ำตาลนี่มันมาเฟียจริงๆ แล้วรีบโทรหายุทธ ซักพักนึงยุทธก็โทรมาบอกว่า หนังสือพิมพ์ลงข่าวเว่อร์ไป แถมยังมุกมาอีกว่า "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน" แต่สุดท้ายปรากฎว่าฟลินท์เบี้ยว เราเลยไม่ต้องใส่เสื้อกันกระสุนไปงานศพ ; p

ในเมื่อไม่ต้องไป ตจว. ก็ไปช้อปปิ้งดีกว่า ปรากฎว่ามีการจัดรายการอุปกรณ์สำหรับสาวโสดอย่างเรา นั่นคือ เตารีดไอน้ำ เพราะเราเป็นคนที่รีดเสื้อได้ยับโคตร จำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึง เทียนถามว่า เสื้อตัวนั้นตกลงยังไม่ได้รีดใช่ไม๊ ทั้งๆ ที่เรารีดซะเหงื่อตกไป ๓ ปี๊ปแล้ว พอเห็นเขาเอามาลดราคา เลยรีบซื้อซะเลย ฮึ…

แจ้โทรมาบอกเรื่องอาการหมะว่าท่าทางไม่ค่อยดี มีอาการของโรคไตวาย แต่ว่าจะให้แน่ๆ ต้องรอผลตรวจเลือดอีกที ทำเอาเราใจหายหน่อยๆ แต่คิดว่าหมะคงไม่เป็นอะไรมากหรอก เพราะหมะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อกับข้าวได้ทุกวันนี่นา…

Sunday, August 12, 2007

ชีวิตสาวโสดรายได้ดี?

ตั้งแต่เราเรียนทุกวันเสาร์ เราเลยต้องไปทำงานวันอาทิตย์แทน เพราะงานมันเยอะจนทำแค่ ๕ วัน ไม่ทัน แถมเรายังต้องออกเร็วในวันอังคารกับพฤหัสฯ อีกตะหาก แต่ก็มีข้อดีที่ไปเรียนอยู่ข้อนึง คือ ได้กินข้าว + ขนมอร่อยๆ บ่อยๆ หุหุหุ…

วันนี้ก็เป็นอีก ๑ วันอาทิตย์ที่เราเข้าไปทำงาน แต่พอบ่ายๆ ปุ๊กก็โทรมาชวนไปเยี่ยมแม่หญิง แต่เรายังทำงานไม่เสร็จ เลยคิดจะให้ปุ๊กไปช้อปปิ้งรอก่อน ปรากฎว่าปุ๊กก็ไปทำงานเหมือนกัน เลยหัวเราะออกมาพร้อมกันว่า นี่มันชีวิตของสาวโสดรายได้ดีจริงหรือนี่ -_-"

พอไปถึงบ้านหญิง ปรากฎว่าแม่หญิงกำลังใจดีมั่กๆ มีแย่งกันพูดกับพวกเราอีกตะหาก เราเห็นแล้วทึ่งเลย ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเราไม่สบายมากๆ อย่างแม่หญิง เราจะยิ้มสู้ได้แบบท่านหรือป่าว…

Wednesday, August 8, 2007

กิ๊กเก่า

ยุทธโทรมาบอกว่า แม่ฤทธิ์เสีย และตั้งศพที่วัดแถวบ้านโป่ง เลยต้องนัดรวมตัวกันไป และวันนี้ห้องเราเป็นเจ้าภาพ เราฟังแล้วปวดหัวเลย เพราะเมื่อวานมีคอมเม้นท์ตั้งเยอะ แถมต้องเก็บให้เสร็จวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีงานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ทิ้งงานอ่ะ ฝากงานไว้กับเอ๋ แล้วก็รีบออกจากไซท์ ยังงัยเพื่อนก็สำคัญกว่าอ่ะ…

คนมางานเยอะมาก มีตำรวจมาอำนวยความสะดวกด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะที่บ้านฤทธิ์ออกจะรวย + มาเฟียหน่อยๆ แต่ที่เซ็ง คือ ดันมีคนจากพรรคประชาธิปัตย์มาแจกใบหาเสียงตอนพระสวด ทีแรกเราทำเป็นไม่รับ มันก็ดันมายื่นให้อยู่ได้ ไม่ยอมไปซักที เราเลยรับมาแต่ตั้งใจว่า จะเขียนไปให้คุณกรซึ่งเป็น สส. เขตเราอบรมสมบัติผู้ดีมันหน่อย บ้าที่สุด!

พอพระสวดเสร็จ พวกเราก็ขึ้นไปไหว้ศพ เราถึงเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงหน้าคล้ายๆ คุณเอ๋ (น้องชายฤทธิ์ - กิ๊กเก่าเราอีกคน) แต่เขากำลังรับแขกอยู่ เราเลยถามแฟนฤทธิ์ว่าใช่เอ๋รึป่าว เพราะไม่ได้เจอกัน ๒-๓ ปีแล้ว แฟนฤทธิ์เล็งๆ อยู่แป๊ปนึง ก็บอกว่า "ใช่ แฟนเก่าคุณหนิงค่ะ" เราฟังแล้วอึ้งไปนิดนึงแล้วก็พูดยิ้มๆ ว่า "ขอบคุณค่ะ" แต่เอ๋ก็ยังคุยกับแขกไม่เสร็จซะที ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยทักก็ได้ เพราะเราตั้งใจว่าจะมาอีกทีในวันสวดวันสุดท้าย

Tuesday, August 7, 2007

เด็กผู้ชาย

วันนี้นัดส่งงานบ้าน C1 เราถึงเห็นว่าเชฟใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย เลยเซ็งๆ ในใจว่า ทำไม่ที่ผ่านมาเราไม่เห็นวะ หรือมัวแต่เชคแฮนด์ด้วยมือขวาอยู่ได้ เลยไม่ได้สังเกตมือซ้าย ว่าแล้วก็ตาร้อยผ่าวๆ เฮอะ

งานนี้คุณ GM มาตรวจรับเองเลย ตอนตรวจครัวเฮียมันมาก จากปกติที่เราเห็นมาดอันสุขุมนุ่มลึกของเฮีย วันนี้เฮียเปี๋ยนไป ทั้งเฮียทั้งคุณเชฟเปิดสวิทช์โน่นนี่อย่างเมามัน จนเราต้องบอกให้เด็กชายทั้ง ๒ คน อยู่ในความสงบ ฟังเรา Brief ก่อน เพราะตัวอาคารยังไม่ได้ไฟจริง เปิดทุกสวิทช์เดี๋ยวไฟก็ทิปหรอก ถึงจะสงบกันได้ เฮ้อ… นี่ละหน๊า เขาถึงว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ผู้ชายทุกคนก็มีความเป็นเด็กผู้ชายอยู่ในตัว

กำลังตรวจรับบ้านกันอยู่ เซลล์พลัสฯ ก็โทรมาบอกว่า ขายคอนโดฯ ที่ลาดพร้าวให้เราได้แล้ว เราฟังแล้วขนลุก ก็เราพึ่งไปแก้บนให้แจ้เมื่อ ๒ วันก่อน ที่ท่านช่วยให้ปล่อยเช่าคอนโดได้ เราเลยบนให้ท่านช่วยให้เราขายคอนโดได้บ้าง โห… ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะเนี่ย… อย่างงี้เราอาจได้แต่งงาน แม้ว่าแจ้บอกว่า “นี่คงเป็นงานยากที่สุดของท่านเลย” ก็ตาม… ; D

Friday, August 3, 2007

ขวานบิ่นแล้ว

เช้านี้เปิดเมล์ก็เจอเมล์ขอบคุณมาจากคุณแหมเนืองอีกฉบับนึง ทำเอาเรามีความสุขไปทั้งวัน เลยยิ่งคิดถึงคุณเชฟใหญ่เลย คิดไปคิดมา เราก็คุ้นๆ ว่าเขาเหมือนใครซักคนที่เรารู้จัก ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ที่แท้คุณเชฟมีหน้าจาและบุคคลิกภาพคล้ายไอ้น้องวินของเรานี่เอง แถมยังชอบทำกับข้าวเหมือนกันอีกตะหาก รึว่ามันเป็นโหวงเฮ้งของพ่อครัวฟระ

anyway เราบังเอิญได้เห็นชื่อจริงของคุณเชฟ ตอนที่ไปดูครัวของโรงแรมตอนบ่าย เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะต้อง google ประวัติคุณเชฟซะหน่อยแล้ว ที่สำคัญคุณนิดาใจดีมาก พาเรากับปูเดินดูครัวจนทั่ว แถมพาเราไปสวัสดีคุณเชฟอีกตะหาก คุณพี่ก็มารยาทงามยื่นมือมาให้เราจับอีกแล้ว เรารีบกวาดตาดูออฟฟิสคุณเชฟด้วยความเร็วสูงสุด พบว่าคุณเชฟเป็นคนที่มีระเบียบมาก และบนฝาผนังก็มีรูปคุณเชฟกับเพื่อนๆ เสียดายไม่ได้ตะลุยไปถึงโต๊ะ เลยไม่ได้เห็นว่าจะมีรูปครอบครัวอะป่าว แต่ไม่เป็นไร เย็นนี้เราจะลอง google ดูแน่นอน แต่ก็ให้หวั่นๆ ใจ นี่ถ้าคุณเชฟยังโสดละก้อ… โอกาสเป็นเกย์มีมากว่า 80% แน่นอน ฮ่วย… จะลุ้นให้โสดหรือไม่โสดดีเนี่ย…

พอบ่ายแก่ๆ จู่ๆ คุณเชฟก็ตะลุยมาที่ครัวโดยไม่บอกเราก่อน โชคดีที่เราอยู่แถวนั้น (ดวงช่างสมพงศ์โดยแท้) แถมโชคดียิ่งขึ้นไปอีกที่คุณ ชช. อยู่ด้วยพอดี เราเลยฉวยโอกาสขอ heat lamp ให้คุณเชฟซะเลย ซึ่งทำเอาเรางงมาก เพราะคุณ ชช. ตอบแบบไม่ได้ลังเลเลยว่า "ก็เอาดิ" ฮ้า… ดีใจจัง… ^_^

เราทำงานด้วยความสุขอยู่ค่อนวัน ตกเย็นก็รีบ google หาประวัติคุณเชฟทันที โห… ไม่น่าเชื่อว่า คุณเชฟมีเวบไซท์เป็นของตัวเองซะด้วย ประวัติโชกโชน-ย้ายที่อยู่ไปมาตามโรงแรมต่างๆ ซะค่อนโลก เราเลยตั้งอกตั้งใจอ่านมาก แต่พออ่านมาถึงหน้าสุดท้ายซึ่งเป็นประวัติของคุณเชฟ ก็... อกหักมากเลย ไม่น่า search web เลยตรู เลยรู้ว่าคุณเชฟของเราแต่งงานแล้ว โฮ... เจอไม้งามเมื่อขวานบิ่นจริงๆ เลย เศร้าชมัด… คืนนี้เลยต้องเปิดเพลงอกหักของเฉลียงฟังก่อนอน รู้งี้ไม่ search ดีกว่า จะได้มีความสุขไปอีกพักนึงจนกว่าจะเจอหนุ่มคนใหม่... แง... เศร้า... อ่ะ... เศร้า...

"รู้… รู้ดี ได้เพียงแต่มอง จะปองดวงใจสุดหมายมั่น ถึงจันทร์จะลอยให้ดูอยู่ทุกวัน แต่พระจันทร์คงไม่ตกที่บ้านเรา" โฮ… เศร้าจริงๆ เลย…

Thursday, August 2, 2007

มีนัดกับเชฟ 15 คน

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ถึงวันที่เรานัดกับคุณเชฟว่าจะพาคณะพ่อครัวทัวร์ครัวใหม่ แต่พอคุณเชฟดูครัวเสร็จก็คอมเม้นท์ว่า อยากให้เราช่วยย้าย heat lamp ลงมาที่ชั้นอันล่างให้หน่อย เอาไว้ถ้าคุณเชฟมีเงินปีหน้าค่อยซื้อเพิ่มตรงชั้นบนเองเอง ฮ้า… ทำไมเป็นคนขี้เกรงใจขนาดนี้ เราก็นึกอยากช่วยอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้ เพราะงบปรับปรุงโครงการนี้มันบานไปแบบกู่ไม่กลับ สงสัยคราวนี้คุณ ชช. คงจะไม่ยอมหรอก เฮ้อ…

พอกลับมาที่โต๊ะ ก็มีเมล์มาขอบคุณจากคุณเชฟ ให้ตายเหอะ เราต้องหาทางซื้อไอ้เจ้า heat lamp เพิ่มเติมให้คุณเชฟให้ได้!

Sunday, July 29, 2007

กลับบ้าน

แหกขี้ตากลับบ้าน ไฟล์ท 6 โมงเช้า พอขึ้นเครื่องได้ เรางี้แถมลืมตาไม่ขึ้น หลับไปแป๊ปนึงก็ถึงหาดใหญ่ล่ะ คราวนี้ป๊ากับหมะมาธุระที่หาดใหญ่พอดี เลยมารับเรา (สบายไป) พอถึงสนามบินหาดใหญ่ ก็เห็นคนกลุ่มนึงเดินถือธงเหลืองอยู่ ดูๆ ไปก็ไม่ยักเหมือนธงกินเจ หมะบอกว่า เป็นพวกสนธิ ลิ้มฯ เขามาปราศัยที่หาดใหญ่ เราเลยเล็งอีกทีนึง เออ ใช่ สนธิจริงๆ ด้วย ตัวจริงดูตัวใหญ่กว่าในทีวี (ผิดจากดาราทั่วไปที่ตัวจริงจะตัวเล็กกว่าในทีวี) และตัวขาวกว่าในทีวีตั้งเยอะ (สงสัยช่างไฟจัดแสงไม่ได้เรื่องอ่ะ) เราเลยต้องรีบลากหมะไปขึ้นรถ กลัวป๊าจะเห็นสนธิ เดี๋ยวจะปรี่เข้าไปบริจาคตังค์ให้เขา และก็เป็นดังคาด พอป๊าเดินมาเห็นสนธิ ก็เดินไปหาทันที ตอนแยกกันเห็นป๊าถือใบปลิวมากลับมาปึกนึง เรามาแอบดูทีหลัง ถึงรู้ว่าเป็นใบบริจาคเงินให้สนธิฯ มีทำจตุคามฯ รุ่นยามเฝ้าแผ่นดนแจกอีกตะหาก เออ... เอากันเข้าไป แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน เพราะมีแต่ข่าวพวกม๊อบถ่อย มีข่าวพวกนี้มาปนๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน

ตอนบ่ายแวะเอาหนังสือไปให้ฟ้ากับมุก ถึงรู้ว่ามุกเข้า รพ. เพราะไอมากจนหมอกลัวว่าจะเป็นหอบ แต่ตอนเราไปถึง มุกก็ดูสบายดี มีไอนิดหน่อย แต่ยังคง “มุก” เยอะมากและกวน teen เหมือนเดิม มุกมาเล่นแปะสติกเกอร์กับเราอยู่พักนึง แล้วก็กระโดดทับเราบอกว่า "ไม่ให้อาอี๋ไป" เลยทำให้วิญญาณแม่เข้าสิงเราอีกล่ะ อยากมีลูกจัง ถ้ามีซักคน สงสัยคงจะตามใจ ship หายแน่เลย ส่วนเหวินเฉียงดูผอมไปนิดนึง แต่เป็นเด็กอารมณ์ดีเหมือนเดิม แรงเยอะเป็นบ้า ดิ้นทีนึงแทบหลุกจากมือเรา ตอนนี้ก็เกือบ ๙ เดือนล่ะ แต่เรามานึกเปรียบกับน้องพิมตอน ๙ เดือน ดูเหวินเฉียงตัวเล็กกว่าเยอะ และยังคลานไม่ค่อยได้ ผิดกับน้องพิมที่คลานดังปั๊กๆ สงสัยเด็กฝรั่งจะแข็งแรงกว่าแฮะ

ค่ำๆ เกี๊ยกโทรมาเรื่องหนังตลกที่จะเอามาให้เรา บอกว่าดูแล้วยังไม่ขำพอ เลยขอติดไว้ก่อน ไว้เจอหนังขำๆ ค่อยเอามาให้ แล้วก็คุยโน่นนี่อยู่แป๊ปนึง ส่วนใหญ่เขาก็ถามว่าเราเป็นงัยบ้าง ส่วนตัวเขาก็ต้องนอนเฝ้าเครื่องจักรเหมือนเดิม แถมบอกว่า “โชคดีที่ลูกค้าน้อย เลยไม่เหนื่อยมาก” ทำเอาเรางงๆ ตกลงที่ลูกค้าน้อยเนี่ย มันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ... แล้วเลยทำเอาเราเดาใจเฮียไม่ถูกจริงๆ แต่ก็ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ไม่สนล่ะ ก็เรามีเชฟแนมในดวงใจอยู่แล้วนิ (รับได้ฮ่ะ ที่จะเป็นเฉลิมพร เหงียน) หุหุ... ^_^ ว่าแล้วเราก็ถามหมะเรื่องเชฟแนมกับคุณโก๊ะโกะ หมะบอกว่า ยังงัยก็ได้ ตอนนี้ถ้าเป็นลูกเขยอิสลามยังรับได้เลย! On Sale อย่งแร่รงงงงงงจริงๆ เลย แบบนี้ยิ่งกว่า End of Season Sale ซะอีก อย่างนี้ต้องเรียกว่า Closing Down Sale ทีเดียวเชียวนะนั่น... -_-"

Friday, July 27, 2007

ใจหาย

หญิงชวนกินข้าว (หมู่นี่เรากับหญิงมักจะนัดกินข้าวเย็นตอน ๓ ทุ่ม ชีวิตหญิงโสดรายได้ดีจริงหรือนี่…) หญิงบอกว่าแม่เป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง ตอนนี้ลามไปทั่วตัวแล้ว เราก็งงๆ ว่า ทำไมตอนรักษามะเร็งมดลูกหมอถึงหาไม่เจอ แต่ก็ยังดีที่แม่หญิงเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ตั้งใจที่จะต้อสู้กับโรคร้าย ถูกต้องค่ะแม่ เราต้องสู้ หนิงจะขอเป็นกำลังใจให้แม่ค่ะ

Thursday, July 26, 2007

ได้คนเช่าคอนโดเล้ว ; D

ไม่รู้เป็นเพราะวัดที่หัวหินหรือศาลพระภูมิที่สุโขทัย ในที่สุดคอนโดแจ้ก็ปล่อยเช่าได้โดย Agent รายใหม่ ได้ ๔๒,๐๐๐ บาท อีกตะหาก แถมยังไม่ต้องทำม่านใหม่ เราเลยรีบไปเซ็นสัญญาเช่า พบว่าคนเช่า คือ คุณบ๊อบมากับเมีย(ผัว)ไทย ฮือ… ทำไมรอบตัวเรามีแต่เกย์วะ… แถมที่น่าอิจฉา คือ พี่บ๊อบให้แก้สัญญาเช่า โดยให้เพิ่มชื่อแฟนหนุ่มเข้าไปด้วย พี่บ๊อบอธิบายว่า จะได้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ดูว่า เขา ๒ คน อยู่ด้วยกันจริง คริสต์มาสนี้จะพาแฟนไปอเมกา จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่า โห… รักจริงหวังแต่งด้วยนะเนี่ย… อิจฉาจัง… แล้วเลยมีการคุยกันเรื่องการขอโทรศัพท์กับเคเบิลว่าจะขอยังงัย เราบอกให้เขาขอโดยตรง ถ้ามีปัญหาเราก็จะขอให้ เพราะว่าปกติ True จะยอมอยู่แล้ว Agent เราบอกว่า ไม่แน่หรอก เพราะ True บางครั้งก็งี่เง่า สำหรับมันแล้ว True ย่อมาจาก Truely Awful! เรางี้ขำเลย เพราะถ้า True ใช้ชื่อเดิม คือ TA ก็ยังไม่พ้น Turely Awful อยู่ดี แต่เห็นทีจะต้องไปบอกหงษ์หน่อยล่ะ เผื่อมันจะอาลัยรักบริษัทเก่ากลับไปแก้ไขให้เขา

Sunday, July 22, 2007

จบทัวร์หัวหิน ๒




อาหารเช้าที่โรงแรมนี้ไม่อร่อย แต่เพราะเรามาเกิน ๑ คน ปุ๊กกับหมูเลยตัดสินใจไปกินที่ตลาด ก่อนกลับ หมู request ไป "วัดตีนบวม" อีกรอบ (ชื่อวัดตั้งโดยผู้ว่า) เราฟังแล้วเก็ททันที แต่ หห. งง เราเลยบอกว่า เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง คราวนี้เราไหว้ด้วยความเร็วกว่าเดิม และไม่ได้ไหว้ด้วยธูป แป๊ปเดียวก็เสร็จ ตีนไม่ทันบวม ; p ขากลับแวะ Outlet เดินกันอยู่เป็นนาน แต่ก็ไม่ได้อะไรกันซักคน คราวนี้พวกเรากลับกันเลย ไม่ได้แวะกินข้าวกับนิจอีก เพราะมันเป็นมื้อเวลาแปลกๆ (เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะนิจ) เป็นอันจบทัวร์หัวหิน ๒ แต่เพียงเท่านี้

Saturday, July 21, 2007

หัวหิน ๒


ปุ๊กไปซื้อ Voucher โรงแรมมาจากงานไทยเที่ยวไทย พวกเราเลยไปหัวหินกันอีกรอบ คราวนี้มีปุ๊ก, เรา, หมู และหห. กะสามี (หญิงไม่สบาย) คราวนี้เพื่อนไม่ให้พลาดข้าวเที่ยงเพราะนอนกันเพลิน พอเช็คอินปุ๊ป ก็ออกมากินข้าวเลย คราวนี้ไปกินที่ร้านสารพัดไก่แถวๆ สถานีรถไฟ (จริงๆ ชื่อร้านอะไรก็จำไม่ได้ซักที) คนเยอะดี และอร่อยเหมือนเดิม แล้วกลับมานอนรอ หห. กับคุณอุ่นที่โรงแรม เราอาศัยจังหวะนี่ให้ปุ๊กถอนผมหงอก (กิจกรรมสำคัญ) ให้ก่อน เพราะเขินๆ ถ้าจะถอนต่อหน้าคุณอุ่น พอถอนเสร็จหห. กับคุณอุ่น ก็มาถึงพอดี เลยเปลี่ยนกิจกรรมมาให้ หห. สอนแต่งหน้า-เขียนตาแทน หมูเลยมาร่วมกิจกรรมด้วย ปล่อยให้คุณอุ่น Present แบบบ้านกับผู้ว่าฯไป

แล้วปุ๊กก็บอกให้คุณอุ่นแนะนำเพื่อนให้เรา (แต่ หห. ไม่ยอมบอกว่า เคยแนะนำแล้วไม่สำเร็จ เลยรู้สึกไม่ค่อยดี แต่เราบอกว่าไม่ถืออ่ะ ; D) คุณอุ่นคิดไปมาหลายตลบ ก็คิดมาได้ ๑ คน คือ คุณโก๊ะโกะ หลังจากสอบถามประวัติคุณโก๊ะโกะกันอย่างเมามัน (สงสัยเฮียจะจามไป ๑๕๐ รอบ) เราก็สรุป (แกมบังคับ) ว่า ให้คุณอุ่นโทรไปบอกคุณโก๊ะโกะว่าเราจะแต่งสวน ให้นัดมาเจอกัน (เดี๋ยวนี้ต้องเอาเงินเข้าแลก) ปุ๊กถามว่า "ถามจริงๆ ถ้าเขามาเจอแกจริงๆ แกจะบอกเขายังงัย แล้วมีเงินจ่ายค่าแบบเขาเหรอ" เราเลยเครียดเลย แต่ก็บอกว่า "เอาไว้ให้เจอก่อน แล้วค่อยว่ากัน"

กินข้าวเย็นเสร็จ (คราวนี้เปลี่ยนเป็นร้านปูเป็น ปูสดอร่อยทีเดียวเชียว) แล้วก็ไปบังคับทัวร์ คือ ไปเดินตลาดกับกินโรตี แต่ไม่ได้ซื้อกระเป๋า เพราะว่าใบที่อยากได้มันไม่ลดอ่ะ (ปุ๊กประชดใหญ่ว่า ทีใบละ ๒๐,๐๐๐ งี้ซื้อลง แต่ใบละ ๘๐๐ ซื้อไม่ลง) แต่ก็ได้เสื้อยืดแทน เพราะมันเป็นแบบซื้อ ๑ แถม ๑ เลยแบ่งกับปุ๊กคนละตัว

Friday, July 20, 2007

Request ของคุณแหนมเนือง

ไอ้คอมเม้นท์ ๒-๓ ข้อ ของคุณแนมเนี่ย เรายังคิดไม่ตกว่าจะขอยังงัยดีไม่ให้น่าเกลียด เพราะกลัวจะโดนว่าว่า “หน้ากล้วย” แถมเมื่อเช้ายังโดนคุณ ช. แซวว่า งานครัวน่าจะราบรื่น เพราะเห็นเรากุ๊กกิ๊กกับเชฟแนมทุกเช้า ไม่เป็นไร เอาไว้ไปปรึกษากับ หห. พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะไอเดีย หห. มักจะบรรเจิดเสมอ… ; )

Wednesday, July 18, 2007

น้องส้มคนสวย

ชั้นเหล็กแสนแพงที่โครงการซื้อมาขึ้นสนิมอ่ะ เราต้องโทรไปเคลมกับร้านเขา ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาระหว่างเรากับยายส้มคนขาย

ป้าหนิง: โทรจากโครงการ XXX ค่ะ ชั้นเหล็กที่เราซื้อจากคุณมาขึ้นสนิม
น้องส้ม: มีการใช้งานรึป่าวคะ
ป้าหนิง (อึ้งไป ๓ วินาที): แปลว่าอะไรคะ (แต่ก็นึกดีใจว่า ดีใจจังที่เรายังไม่ได้ใช้งาน ยังงัยก็ไม่ทำให้หมด Warranty แน่) เอ่อ เราไม่เคยใช้งานชั้นเลยนะคะ ตั้งแต่ทางคุณติดตั้งเสร็จ ห่อไว้ยังงัยก็ยังอยู่ยังงั้นค่ะ
น้องส้ม: งั้นต้องมีการใช้งานค่ะ
ป้าหนิง: ช่วยแปลอีกทีนึงค่ะ ไม่เข้าใจค่ะ
น้องส้ม: ชั้นเหล็กต้องมีการใช้งานค่ะ เพราะตัวที่ร้านเราไม่ขึ้นสนิมเลยค่ะ
ป้าหนิง (หมดความอดทน): คุณส้มกำลังจะบอกว่า ถ้าดิฉันเอาหนังสือไปวางซัก ๒-๓ เล่ม กับแจกันอีก ๒-๓ ใบ ชั้นเหล็กก็จะไม่ขึ้นสนิม เพราะของพวกนี้มันจะกำจัดปฏิกริยา Oxidizing ของเหล็กใช่ไม๊คะ
น้องส้ม (เงียบไป ๓ วินาที): งั้นส้มจะส่งคนไปขัดสนิมให้นะคะ แต่ที่โชว์รูมเรา ชั้นเหล็กไม่ขึ้นสนิมจริงๆ นะคะ และลูกค้าคนอื่นที่ซื้อไป ก็ไม่มีของใครขึ้นสนิมด้วยค่ะ
ป้าหนิง: รับทราบค่ะ แต่สำหรับโครงการเรา รบกวนคุณส้มส่งคนมาลองขัดสนิมดูก่อนก็แล้วกันนะคะ

เรามาเล่าให้พี่ณัฐฟัง พี่ณัฐบอกว่า "คนที่พูดจาอย่างนี้ได้ นี่ต้องสวยมากกกกกกเลยนะ" คุณ ช. ที่เคยเห็นคุณส้มมาก่อนบอกว่า "สวยจริงๆ ครับ" พี่ณัฐเลยบอกว่า "แต่โชคร้ายหน่อยนะที่มาเจอหนิงน่ะ" แล้วก็หัวเราะใหญ่เลย…

Tuesday, July 17, 2007

ขวัญใจคนใหม่

หลังจากที่คุณ GM โรงแรมบอกเรามาหลายอาทิตย์ว่า ถ้าครัวติดตั้งใกล้เสร็จให้เชิญเชฟแนมไปดูด้วย วันนี้ก็ได้ฤกษ์อัญเชิญซะที ในใจเราคิดว่าเชฟใหญ่น่าจะ ๔๐ อัพ แต่พอเราไปถึง ก็พบว่า มีเชฟหน้าตารุ่นเรา ๑ คน เป็นคนเอเชีย ส่วนอีกคนดูเด็กกว่าเป็นฝรั่ง เราเลยนึกในใจว่า สงสัยเชฟแนมจะส่งลูกน้องมาดู แต่ก็ไม่เป็นไร ที่ไหนได้ พอเราเดินไปใกล้ๆ เราถึงเห็นว่าเขาปักที่เสื้อว่า "Nam" ฮ้า…

เชฟก็คอมเม้นท์นิดหน่อย (มากก็ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีเปลี่ยนให้หมดเลย) คนอะไร้… มีเสน่ห์ปลายจวัก นิสัยก็ดี (ยื่นนามบัตรให้เราโดยใช้ ๒ มือ) ไม่เรื่องมากเหมือนพวกสต๊าฟคนไทย (คงจะจริงที่เขาประชดกันว่า พวกโรงแรมต้องพูดภาษาอังกฤษถึงจะเข้าใจ ถ้าพูดไทย จะไม่มีวันเข้าใจกันได้) แล้วอาทิตย์หน้า เจอกันอีกนะคะ ; )

Sunday, July 15, 2007

สาวโสดกับการตื่นเช้า

บังเอิญดิวมาเมืองไทย พวกเราเลยเปลี่ยนโปรแกรมจากที่จะไปงานเซลล์ของร้านภูฟ้าที่ Siam Discovery เป็นไปหาดิวที่บ้านแทน (ไม่เป็นไร ไปซื้อที่หัวหินเสาร์หน้าก็ได้) เราแวะไปรับหญิงก่อน จากที่นัดกัน ๑๐ โมง เพราะดิวจะต้องไปขึ้นเครื่องช่วงบ่ายเย็นๆ แต่กว่าเราจะไปถึงบ้านหญิงก็เกือบ ๑๑ โมงแล้ว แต่พอไปถึง แม่หญิงพูดว่า "ที่มานี่ไม่เกี่ยวกับหญิงใช่ไม๊ เพราะหญิงยังไม่ตื่น" ทำเอาเราอึ้งไปเลย กำลังมึนๆ งงๆ ว่าจะตอบแม่ยังงัยดี คุณดีก็ตะโกนบอกมาว่า หญิงแต่งตัวอยู่ เลยกว่าจะไปถึงบ้านดิวก็เล่นเอาเกือบเที่ยง ดิวบอกว่า คิดว่าพวกเราจะเบี้ยวแล้วนะเนี่ย พี่สางี้ลุ้นเชียวกลัวว่าผัดมักกะโรนีที่ทำไว้เยอะแยะจะเป็นม่ายซะแล้ว เราเลยหัวเราะเขินๆ ว่า "สาวโสดตื่นเช้าลำบากจ๊ะ" ซักพักนึงหมูกับปุ๊กก็มาถึง

ดิวดูผอมกว่าเดิมมาก สงสัยเพราะทั้งทำงานทั้งเลี้ยงลูกละมั๊ง น้องพิมน่ารักมาก ไม่มีเค้าไทยเลย (อยากมีลูกสาวจัง) ส่วนแม่ดิวดูแข็งแรงมาก ดูแข็งแรงกว่าแม่เราอีกทั้งๆ ที่ปีนี้อายุ ๗๖ แล้ว นี่ละนะ เขาถึงว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

Friday, July 13, 2007

กรรกรหญิงตัวจริง

เพราะเราให้หมูมากินข้าวด้วยแถวที่ทำงาน เลยเลี้ยงข้าวหมูเป็นการตอบแทน เลยลองไปกินที่ร้าน Pandanus ที่เราเล็งไว้พักนึงล่ะ เพราะแต่งร้านน่ารักมาก อาหารก็อร่อยดี เสียแต่ว่าราคาแพง เพราะมาจานละนิดละหน่อย ถ้ากินเป็นกรรมกรหญิงอาจหมดตัวได้ เรากับหมูเลยกินแต่พอประมาณหมดไป ๑,๘๐๐ บาทกว่าๆ (รวม Service Charge 10%) แล้วคืนนี้เราเลยรู้ตัวว่า จริงๆ แล้วเราเป็นกรรมกรหญิง ไม่ใช่วิศวกรหญิง เพราะเราลุกขึ้นมาต้มมาม่ากลางดึก ก็มันหิวนินา… -_-"

Thursday, July 12, 2007

ช่างรุ่นใหม่

วันนี้เราเดินสวนกับช่างของครีฟูร์ ๔ คน เรางี้ต้องกลั้นยิ้ม เพราะทั้ง ๔ หนุ่มผมยาวเดินกินนมกล่องโฟโมสต์เท่ห์มาเลย ถูกต้องนะค๊า… คนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่และไม่กินเหล้า กินนมสดถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ

และแล้วก็พิสูจน์ว่าเกย์ด้าเราทำงานดีมาก เพราะวันนี้ไอ้เดวิดตัวเป็นๆ มาประชุม มีการพูดจาที่ประชดประชันตลอดเวลา แต่มือไม้ไม่พลิ้วมาก (ยังเก็บอาการอยู่) ถึงอย่างนั้นเราก็มั่นใจมากว่า ไอ้เดวิดเป็นเกย์แน่นอน!

Saturday, July 7, 2007

วันเลขสวย

วันนี้เป็นวันเลขสวย เพราะเขียนเป็นเลขอารบิคได้ว่า 07.07.07 โอว… นี่มันผ่านครึ่งปีแรกไปแล้วรึนี่ เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจริงๆ เผลอตัวอีกที เราคง ๔๐ แล้วอ่ะ ว่าแล้วก็เมลล์ไปอวยพรวันเกิดพ่อเลี้ยงไผทซะหน่อย ขอให้มีความสุขมากๆ นะเจ้า…

วันนี้มีคนชมทรงผมใหม่ของเราอีกล่ะ เราเลยชักชอบผมบ๊อบ(เท)ที่ตัดใหม่แล้ว คราวหน้าจะเทให้มากกว่านี้อีกนิดนึง หุหุหุ… ^_^

Thursday, July 5, 2007

เบื่อเกย์เอาแต่ใจ

พี่วิลขอเปลี่ยนแบบอีกล่ะ ตั้งแต่มีพี่เปิ้ลมาเป็นผู้ช่วย เลยช่วยกันเปลี่ยนแบบอย่างเมามัน จนใครๆ ประชดว่า โปรเจคนี้มี Kerry Hills Architect Co., Ltd. เป็นดีไซน์เนอร์หลัก และมี Kerry Ple และ Wilson Hill Architect เป็นดีไซน์เนอร์หลักกว่า งานนี้เลยทำพอลลาร์งอนมากถึงมากที่สุด ถึงกับเมล์มาแสดงความไม่พอใจ พอรู้ถึงหูตานิคโคลัส เง้า ตานิคโคลัสบอกว่า ฝากบอกพวกฝรั่งด้วยว่า คนเอเซียสร้างบ้านกันเป็นมากว่าพันปีแล้ว พวกเราทำเองได้ ไม่ต้องให้ฝรั่งมาบอกหรอก งานนี้คนกลางอย่างเราเลยแย่หน่อย เพราะโดนประชดผ่านกันไปมา แต่ก็ดีตรงที่ว่า พวกนี้เป็นผู้ชายหมด เลยไม่มีเรื่องงี่เง่าอย่างอื่นตามมาด้วย

ประชุมโปรเจคคราวหน้าเราต้องทำ mock-up ไฟแถว Lobby ให้อีตาเดวิดซึ่งเป็น Lighting Designer ดู แต่เราหาคนทำไม่ได้เลย ก็เลยจะขอเลื่อนออกไปอีกหน่อย อีเดวิดเมลล์มาโวยวายทันที (เอ่อ อิชั้นมีงานหลายอย่างต้องทำนะคะ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว และที่สำคัญ งานคุณก็ใช้กับตึกจริง ซึ่งกว่าจะใช้ก็อีก ๓ ปีโน่นนะคะ ต่อให้ไม่ทันประชุมคราวหน้า หรืออีก ๑๐ ประชุมหน้า อิชั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน) และจากการเขียนอีเมล์ของมันที่ใช้ Font ตัว Cap ในจังหวะที่บ่นเรา เราเลยสงสัยว่ามันอาจเป็นเกย์ ซึ่งงานนี้ต้องรอดูตัวเป็นๆ ของมันในวันพฤหัสฯ หน้าว่า เกย์ด้าของเราจะมีประสิทธิภาพขนาดไหน เพราะพี่วิลมาบอกเราว่า เขาก็อยากดู Effect ของแสงเร็วๆ เหมือนกัน ให้เราช่วยเร่งให้ทันประชุมพฤหัสฯ หน้าหน่อย จะโมฯ ยังงัยก็ได้ ขอให้เสร็จให้ทัน ไม่ต้องตามสเปคเป๊ะๆ หรอก เพื่อพี่วิล หนูจะทำให้ค่ะ!

Tuesday, July 3, 2007

แพ้ความสูงอ่ะ

ปกติเวลาเลี้ยงส่งสต๊าฟคนไทยกัน เราจะสั่ง Pizza หรือไม่ก็ KFC มาเลี้ยง แต่พอถึงคราวเลี้ยงส่ง Mark พี่มากของเรา request อาหารอีสานบ้านเฮามาเลย แถมช่วยคิดเมนูอีกตะหาก นี่ขนาดได้ภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินโนนะเนี่ย นี่ถ้าเป็นภรรยาสาวไทย พี่มากของเรามิจกข้าวเหนียวทุกวันเหรอเนี่ย…

บ่ายไปส่งมอบงานระบบกัน เราถึงสังเกตว่า ไอ้น้องวิศวกรงานระบบเนี่ยหน้าตาน่ารัก-น่ากินใช้ได้เลย ที่ผ่านมามันมัวแต่ไปแอบซ่อนอยู่ตรงไหนของไซท์ฟะ หรือว่าเราอยู่ไซท์มากว่า 4 เดือน ถึงได้มีโอกาสเงยหน้าเงยตาจากกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์มาเห็นหน้าเห็นตาชาวบ้านเขา แหม… เป็นวิศวกรงานแอร์ซะด้วย มิน่าล่ะ showflat เราถึงได้แอร์เย๊นเย็น แต่หรือจะแจก defect ซัก 50 ข้อดี น้องจะได้อยู่ให้ป้าได้ชื่นใจนานๆ อิอิอิ... หลังจากแอบพินิจ-พิเคราะห์รูปพรรณสันฐานอย่างใกล้ชิด ก็สรุปได้ว่า "เราเป็นโรคแพ้ความสูงอ่ะ" หุหุหุ...