Wednesday, September 27, 2006

วิบากกรรมรอมดอมของชาวพุทธ

ช่วงนี้มีวิบากกรรมต้องขับรถเกือบ ๑๕ กม. เพื่อไปกินข้าวเที่ยง แหม… ก็คุณซาฟียะห์เธอปิดทำการในช่วงถือศีลอด เลยทำเอาพวกเราลำบากกันหมด ต้องตะกายไปกินถึงร้านเจ้ต้อย ซึ่งก็รสชาดพอกินได้ แต่ก็ยังมีดีตรงที่มีน้ำแข็งใสให้กินเย็นชื่นใจ อร่อยดี ค่อยคุ้มค่ากับที่อุตส่าห์บากบั่นขับรถไป (ดีที่น้ำมันฟรีนะเนี่ย…)

ก่อนกลับบ้านเลยถือโอกาสส่งรูปห้องฝรั่งที่มันสติแตกพังประตูห้อง (เพราะดันลืมกุญแจ) ไปให้หงษ์ดูตามคำสั่ง เลยถือโอกาสถ่ายรูปรางน้ำที่หล่นลงมาเมื่อวันก่อนส่งไปให้ดูด้วย แต่ที่ไหนได้ พอกลับมาถึงหอ น้าอินบอกว่า วันนี้ลมแรงมาก พัดกระเบื้องหลังคาปลิวมาโดนรถลูกค้า :-o เลยต้องรีบตามน้ายงมาซ่อมหลังคา แถมยังต้องเก็บงานห้องที่น้ำฝนรั่วลงมาอีก เฮ้อ… งานหอพักนี่มันจุกจิกจริงๆ เลย หรือไม่ พี่ยงแกก็ก่อสร้างได้แย่มากๆ เฮ้อ…

Monday, September 25, 2006

ครบ ๒ เดือน แล้ว

ในที่สุดก็ครบ ๒ เดือน ที่เราผ่าตัด ตอนนี้เราไม่เสียวแผลแล้ว แต่ต่อมปวดฉี่ยังทำงานไม่ปกติอยู่เหมือนเดิม ก็เลยยังรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ให้ความรู้สึกว่ายังไม่หายดียังงัยยังงั้น แถมพอเห็นแผลตัวเอง ก็ทำให้จำได้ว่าเราพึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา ก็หวังว่านี่จะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเราแล้วนะ ขออย่าให้มีการผ่าตัดอะไรแบบนี้อีกเลยในชีวิต สาธุ!

เจอคนภูเก็ตจริงใจอีกล่ะ ชักเชื่อแล้วสิว่า คนภูเก็ตน่ารัก ก็แหม… ถอยรถมาชนรถเราในที่จอดรถ แทนที่จะหนีหายไป ดันมาเฝ้ารถเรา กลัวเราจะหาคนที่เป็นต้นเหตุไม่เจอ ให้มันได้งี้สิ เลยทำเอาเราโมโหไม่ออก โชคดีที่เสียหายแค่กันชนหน้าถลอกนิดหน่อย เลยขับมันต่อไป (ไม่เคลม)

พอค่ำๆ เกี๊ยกก็โทรมาขอบคุณเรื่องขนมของฝาก (หลังจากฝากไปร่วม ๒ อาทิตย์) ทำเอาเราทำใจอยู่นานกว่าจะรับสาย ใจฝ่อๆ ยังงัยพิกล เพราะเฮียเล่นหายไปตั้งนาน ก็คุยกันเกือบ ชม. เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เราก็ดันไม่กล้าเกี๊ยกตรงๆ เรื่องที่เกี๊ยกโดนน้าเราสอบสวนในวันนั้น เกี๊ยกก็ไม่พูดถึงเลยด้วย เอาเหอะ ไหนๆ ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแล้วนิ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปก่อนละกัน

Sunday, September 24, 2006

กลับภูเก็ตล่ะ

เก็บของจนเหนื่อย เลยลุกไม่ไหว ไม่ได้เข้าไปดูคอนโดให้แจ้ แถมต้องไปฝากของที่จะส่งไปภูเก็ตกับยะลาไว้กับพนักงานคอนโด (หวังว่าเธอจะไม่งงนะ สาธุ!) ส่วนของฝากพี่เอ ก็ต้องฝากน้องๆ เซลล์ที่เข้ามาขายคอนโด วัน ที่คอนโดเรา แล้วถึงไปกินข้าวเที่ยงกับสาวๆ (ปุ๊ก, หญิง และน้องหมู) เอาเกือบจะบ่ายโมง ก็คุยกันสนุกดี แล้วได้หญิง - เพื่อนผู้อารีมาส่งที่สนามบิน ค่อยยังชั่วหน่อย งานนี้มีเวลาน้อยมาก แต่ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าจะจัดเวลาให้ดีกว่านี้ สุดท้าย... กล้องก็ฝากหญิงไปรับแทน แล้วให้นกโทรนัดรับกล้องกับหญิงเอาเองวันหลัง (โทษที มันไม่ทันจริงๆ…)

มากรุงเเทพฯ เที่ยวนี้ เราเลยถือโอกาสถามพนักงานคอนโดว่า ชาวบ้านเขาให้เช่ากันเท่าไร ปรากฎว่าให้เช่ากันตั้ง ๒๕,๐๐๐ - ๓๕,๐๐๐ บาท เราเลยต้องรีบ up ราคาห้องขึ้นมาเป็น ๒๕,๐๐๐ บาททันที แล้วเลยสรุปได้แน่นอนว่า ต้องมากรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดปิยะฯ อย่างแน่นอน จะได้จัดการเรื่องปล่อยเช่าคอนโดให้เรียบร้อย เพราะมีกิจกรรมหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น ต้องเก็บของให้เสร็จจริงๆ และเอาเฟอร์ฯ เข้าให้ครบ รวมทั้งจัดการเรื่องวอลล์เปเปอร์ให้เรียบร้อย ตอนนี้เราเลยชักไม่แน่ใจว่า เราควรจะลงทุนซื้อฟูกเป็นแบบเตียงคู่ไปเลยดีไม๊ เพราะไม่แน่ใจว่าเตียงแบบเตียงเดี่ยว มันจะโอนะสิ ทำงัยดีละเนี่ย…

Saturday, September 23, 2006

ค่าโง่ ๖๐๐ บาท

วันนี้ได้ฤกษ์ไปกรุงเทพฯ เก็บของ แต่พอไปถึงสนามบินภูเก็ตก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกุญแจคอนโด แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะในห้องมีอีกชุดนึง เอาไว้เรียกเขามางัดกุญแจละกัน ว่าแล้วก็ตรงดิ่งไปเล้าจ์ของบางกอกแอร์เวย์เพื่อโซ้ยอาหารเช้าก่อน อร่อยจริงๆ มีน้ำผลไม้ให้เลือกตั้งเยอะ ดีกว่าตอนไปหลวงพระบางอีก เลยซัดซะเต็มที่ แต่พอขึ้นเครื่อง ทางสายการบินก็เสิร์ฟอาหารอีก งานนี้เล่นเสิร์ฟบะหมี่ไก่และไอติมวอลล์เป็นของหวาน ทำเอาเราแทบจุก อิ่มจริงๆ เลย… ชักจะติดใจบางกอกแอร์เวย์แล้วนะเนี่ย หุหุหุ…

พอมาถึงคอนโดฯ เราก็รีบเรียกช่างกุญแจมางัดห้อง หลังจากเสียค่างัดห้องไป ๖๐๐ บาท เราก็พบว่าในห้องเราไม่มีกุญแจเข้าห้อง มีแต่กุญแจห้องนอน เลยชักคุ้นๆ ว่า เหมือนว่าเราน่าจะฝากกุญแจหน้าห้องไว้ที่นิติฯ นี่นา แล้วก็เป็นดังคาด สรุปว่างานนี้เราเลยเสียเงินโดยใช่เหตุ ถือเป็นค่าโง่ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ค่าไม่มีสตินั่นเอง โอ๊ย! เซ็งโว๊ย!!!

แล้วก็ต้องรีบหายเซ็ง เพราะยังมีเรื่องต้องจัดการอีก (เรานึกขึ้นมาได้ว่า TNT น่าจะมีบริการรับ-ส่งของในประเทศ เพราะเห็นมันมาส่ง Model โครงการจากกรุงเทพฯ มาภูเก็ต) คือ ต้องเก็บของใส่กล่องแล้วชั่งน้ำหนัก แล้วโทรไปบอก TNT ภายในเวลาทำการ (ลูกค้าต้องแจ้งน้ำหนักและขนาดของพัสดุก่อนนัดรับของ เพราะ TNT ต้องใช้ในการคำนวณค่าบริการและจัดรถให้เหมาะสมต่อของที่มารับ) ให้มารับของเราไปส่ง ส่งไปภูเก็ต ๒ กล่อง และยะลา ๔ กล่อง หมดเงินไป ๒,๘๐๐ บาท กว่าๆ ก็ถือว่าโออ่ะ เพราะไม่ต้องแบกของไปหัวลำโพง เรายิ่งยกของหนักๆ ไม่ได้ซะด้วย แค่เอาของใส่กล่อง ยกขึ้นตาชั่ง ก็เสียวแผลจะแย่แล้ว… กว่าจะเก็บของเสร็จ (จริงๆ ก็ไม่เสร็จดีหรอก ต้องมีอีกช๊อตนึง สงสัยจะเป็นรอบวันหยุดปิยะฯ แน่) เล่นเอาเราหมดแรง เลยไม่ได้โทรนัดนกให้มาเอาใบรับกล้อง ซึ่งปรากฎว่าหลังจากที่รอมาร่วม ๓ เดือน ทาง Cannon ก็ซ่อมกล้องให้เราจนได้ โธ่! อุตส่าห์ไปโม้ไว้ว่า Canon ใจดีให้ทั้งกล้องทั้ง Housing ใหม่ ยังงี้ถือว่าไม่แน่จริงนี่นา… เลยเซ็งอีกรอบครับท่าน!

หลังจากอยู่แบบไม่มีตาชั่งมาร่วมเดือน วันนี้เลยต้องรีบขึ้นตาชั่งในห้อง ปรากฎว่า… แต่น แตน แต๊น… น้ำหนักเราขึ้นมาแค่ ๑ กก. ค่อยยังชั่วหน่อย (เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะขึ้นมาเกือบเท่าเดิมแล้วน๊า...) แต่ต่อไปต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินแล้วเรา ยิ่งยังไม่สามารถออกกำลังกายอยู่ด้วย มันจะอ้วนเอาง่ายๆ นะเนี่ย…

Tuesday, September 19, 2006

แก่แล้วจริงๆ

กำลังทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของไททัน คอร์ทให้หงษ์จน ๔ ทุ่มกว่า นก-วิสากรก็โทรมาบอกเราว่ามีการปฏิวัติ ทำเอาเราต้องรีบเช็คข่าวจากเคเบิลทีวี แล้วต้องรีบโทรไปยะลา เพราะกลัวว่าเข้านอนกันเร็วแล้วจะไม่เห็นข่าว เช้ามาจะเปิดร้านโดยไม่รู้เรื่อง ยิ่งสถานการณ์กำลังไม่ค่อยดีอยู่ด้วย ปรากฎว่าโทรหาใครไม่ได้เลย เลยต้องโทรหาป๊าเป็นคนสุดท้าย แต่ปรากฎว่าป๊ารู้ข่าวแล้วกำลังตามดูข่าวอยู่เหมือนกัน ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นเราคงนอนไม่หลับ แล้วก็ message ไปให้เกี๊ยก เพราะเป็นห่วงกลัวว่าเฮียจะมัวแต่ทำงาน แล้วจะรู้ข่าวไม่ทัน (ต้องเรียกคะแนนหน่อย เพราะจนป่านนี้เฮียก็ยังไม่โทรมาขอบคุณเรื่องขนมซะที -_-")

จากงานนี้เลยทำให้เราคิดได้ว่า เราแก่แล้วจริงๆ เพราะตอนปฏิวัติตอนเราอยู่ ม. ๔ เรายังไปเดินเล่นสยาม-มาบุญครอง (ตอนนั้นเดิร์นมากเลยนะฮ่ะ) โดยไม่รู้สึกอะไร ดีใจอีกตะหากที่ได้หยุดเรียน พอปฏิวัติอีกครั้งตอนเราเรียนจบตรี (จำได้ว่าต้องออกจากบ้านเอาโปรเจคไปให้เขาเย็บเล่ม บนถนนรามคำแหงเงียบมากๆ) เราก็กลัวๆ นิดหน่อย แต่ห่วงแต่ตัวเอง ไม่ห่วงประเทศ พอมาคราวนี้ เรารู้สึกห่วงเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมาเชียว เฮ้อ… สงสัยจะแก่แล้วจริงๆ นั่นแหละ...

Sunday, September 17, 2006

กามิกาเซ่

หลังจากที่ทนกับมือถือใช้งานได้บ้าง-ไม่ได้บ้าง (ซึ่งไม่ได้ซะเป็นส่วนใหญ่) วันนี้ก็ได้ฤกษ์ไปเปลี่ยนซิมซะที แต่ปรากฎว่าร้าน (ศูนย์ฯ) ดันปิดวันอาทิตย์ซะนี่ ซึ่งอิชั้นยอมไม่ได้แล้ว เลยลองไปร้านที่ Big C เผื่อฟลุ๊ค แต่ก็ไม่ฟลุ๊ค เฮ้อ… (น้องที่ศูนย์ฯ ใจเย็นมาก service mind สุดๆ - คนภูเก็ตนี่ใจดีจริงๆ สงสัยจะสามารถประชันความน่ารักแข่งกับคนกระบี่ได้แบบหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว) แต่อิชั้นก็ทนไม่ได้แล้ว เลยซื้อ Pre-Paid มาใช้แก้ขัดก่อนที่หมะจะติดต่อเราผ่านทางมือถือพี่สุชาติอีกเป็นครั้งที่ ๒ และหงษ์ต้องไปรบกวนน้าอินตอนค่ำๆ เพราะไม่สามารถติดต่อเราได้ทันเวลา ทำเอาวัยรุ่นเซ็งเพราะต้องเสียเงินโดยใช้เหตุเลยงานนี้ แล้วเลยไปตัดผม, ดัดผม และ treat ผม ทุ่มเทกับศรีษะอย่างเต็มที่ หวังว่ามันจะสวยขึ้นบ้างอะนะ

พอกลับบ้านหมะก็โทรมาเล่าเรื่องเกี๊ยกว่า อี๊ได้จัดการกามิกาเซ่เรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว โดยการเรียกเกี๊ยกมารับขนมของฝาก แล้วถือโอกาสถามเกี๊ยกว่ามีแฟนหรือยัง ซึ่งพอเกี๊ยกตอบว่าไม่มี อี๊ก็ได้โอกาสพูดว่า ที่บ้านเราชอบเกี๊ยกกันทุกคน :-O แล้วเกี๊ยกคิดยังงัยกับเรา แต่ในระหว่างที่เกี๊ยกยังตอบกว้างๆ เป็นทะเลอยู่เลยว่า เราเป็นคนเก่ง-คนดียังงัยโน่นนี้ แต่ยังไม่ยอมตอบเรื่องความรู้สึกที่มีกับเรา ก็มีระฆัง (โทรศัพท์จากที่บ้านมาตามตัวด่วน เนื่องจากเครื่องจักรที่โรงงานมีปัญหา) มาช่วยชีวิตเกี๊ยก (หรือชีวิตเราก็ไม่รู้กันแน่) เฮ้อ… รอดตัวไป...

ตอนนี้เลยต้องมาปวดหัวคิดแก้สถานการณ์ เพราะยังงัยเสียตามมารยาทแล้วเกี๊ยกจะต้องโทรมาขอบคุณเราเรื่องขนม แล้วเราจะคุยกับเขายังงัยดีล่ะ... เฮ้อ...

Sunday, September 10, 2006

เจอญาติ

ป๊ามารับหมะกลับยะลา ก็จะกลับกันพรุ่งนี้ล่ะ แต่วันนี้ป๊าพาเราไปแนะนำลูกพี่ลูกน้องคนนึงของป๊าให้เรารู้จัก (เกิดมาพึ่งเคยรู้ว่ามีญาติอยู่ภูเก็ต) เผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินจะได้ขอความช่วยเหลือได้ เราเลยได้เจอญาติๆ เพิ่มขึ้น ญาติใหม่ของเราคนนี้ คือ คิมแปะ

คิมแปะมาเป็น Developer ที่ภูเก็ต แถมทำรับเหมาเองอีกต่างหาก ฮ้า... มีลูก ๔ คน แต่ลูกๆ ก็ไม่มีใครจบวิศวะโดยตรง มีน้องโอ๋คนเดียวที่จบตรงกับงานที่สุด คือ สถาปัตฯ คิมแปะดูเป็นคนใจเย็นและใจดีมาก เพราะพาครอบครัวเราไปเลี้ยงมื้อเย็นที่ภัตตาคารในเมือง อร่อยเชียว

แต่พอตอนกลับบ้านหมะได้เฉลยว่า จริงๆ จุดประสงค์ของการไปเจอคิมแปะ คือ ให้ป๊าฝากเราไว้กับคิมแปะ โดยถ้ามีคนดีๆ ก็ให้คิมแปะแนะนำให้เรารู้จักด้วย เพราะคิมแปะเป็นคนกว้างขวางคนนึง เฮ้ย... อะไรกันนี่ -_-" เราเลยรู้สึกเขินหน่อยๆ แล้วเลยให้สงสัยว่าคิมแปะจะคิดยังงัยกับเราและครอบครัวเรา คงจะขำๆ ปลงๆ ละมั๊ง ก็ลูกสาวคิมแปะ ๒ คน ก็ยังไม่แต่งงานนี่นา ไม่เห็นคิมแปะจะเดือดร้อนใจอะไรเลย...

Friday, September 8, 2006

ขึ้นคานแน่ชั้น

คุณ จ.ท. โทรมาแนะนำงานใหม่ คราวนี้เป็นบริษัทมือถือแห่งนึง เงินเดือนไม่มากไม่มายอะไรแค่ ๑๕๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ฟังแล้วเลือดกำเดาแทบไหล เฮ้อ... เสียดายสุดๆๆๆ และแล้วก็เป็นอีกครั้งที่เราได้ประกาศก้องว่า "ดวงงานกระฉูดขนาดนี้ ไม่ได้แต่งงานแน่เรา..." -_-"

Monday, September 4, 2006

ดวงงาน

นายเก่าโทรมาถามว่าจะมากรุงเทพฯ เมื่อไหร่ เพราะจะให้มาสัมภาษณ์งานกับคุณฝรั่งคนนึง เป็นฝั่ง Owner เสียด้วย เฮ้อ… ทำงานได้แค่ ๒ วัน ก็มีงานใหม่มาเสนออีกแล้ว ทำไมดวงงานมันกระฉูดอย่างนี้ฟ่ะ สงสัยได้ขึ้นคานแน่เรา เฮ้อ…

ปรากฎว่าหมะเลื่อนกลับยะลา จะอยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงวันจันทร์ ๑๑ ก.ย. โฮ… เลื่อนตั้งอาทิตย์นึงเชียวหรือนี่ แต่ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่เหงางัย… : )

Friday, September 1, 2006

ทำงานวันแรก

ก็เหมือนทุกๆ ที่ วันแรกของการทำงาน คือ การอ่านหนังสือ เราอ่านซะเกือบหลับ พอตอนบ่ายเลยขอ PM ไปเที่ยวเกาะแรด (Site) กับลูกน้อง

ปล. วันนี้หวยออก ปรากฎว่าเลขท้าย ๒ ตัว ออก ๔๔ ซึ่งเป็นเบอร์ห้องโรงพยาบาลที่เราพักตอนไม่สบายจริงๆ ด้วย งานนี้เซ็งเลย เพราะทั้งเราทั้งหมะไม่มีดวงด้านนี้เอาเสียเลยจริงๆ ตามหาล๊อตตารี่เลขนี้มาตั้ง ๒ งวด พองวดนี้หาซื้อไม่ได้ หวยก็ออกพอดี เฮ้อ…