Friday, August 31, 2007

ใจเสีย

แจ้โทรมาบอกว่าหมะอาการหนักมาก ต้องส่งโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อเช้า และเย็นนี้ต้องฟอกไตเลย ถ้าไม่ฟอก จะอยู่ได้แค่ ๖ เดือน ทำเอาเราตกใจหมด ก็วันก่อนหมะยังดูแข็งแรงอยู่เลย แจ้บอกว่าหมะเป็นไตวายแบบเฉียบพลัน แต่หมะสั่งแจ้ว่าไม่ต้องบอกเรา เพราะช่วงนี้เราเรียนหนังสืออยู่ ไม่อยากให้เราขาดเรียนมาเฝ้า แจ้เลยโทรมาบอกเฉยๆ แต่ว่าไม่ต้องกลับไปดูหมะ และไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแจ้คุ้นกับการดูแลคนที่เป็นโรคนี้ เพราะแม่ของพี่เก๋ก็เป็นโรคนี้มาก่อนเหมือนกัน เราเลยบอกแจ้ว่า พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วเราจะกลับบ้าน แล้วค่อยมาทำงานวันอังคารก็ได้ ไม่ขาดเรียนด้วย หมะจะได้ไม่บ่นแจ้ แต่ช่วยไปรับเราที่สนามบินด้วยละกัน เพราะเราคงไปถึงค่ำๆ ให้เราอยู่ที่กรุงเทพฯ เราคงนอนไม่หลับ เลยให้ใจหายหน่อยๆ ว่า ทำไมมันปุปปัปแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่คิดว่าหมะถึงมือหมอแล้ว คงไม่เป็นไร อีกอย่างมีหมอบุญสิทธิ์ช่วย Refer ให้ ก็น่าจะวางใจได้ แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เลยโทรไปหาอู๊ด ให้อู๊ดช่วยให้อาอู๊ดฝากให้อีกคน แล้วเลยรู้ว่าอู๊ดอยู่หาดใหญ่พอดี เลยให้อู๊ดไปช่วยเยี่ยมหมะด้วย ไปให้กำลังใจหลายๆ คนน่าจะดี เพราะหมะยิ่งเป็นคนขี้กลัวอยู่ด้วย เลยเป็นอันว่า อู๊ดจะมารับเราที่สนามบินแทน เพื่อให้เทียนอยู่เป็นเพื่อนหมะ เพราะแจ้ต้องไปดูเด็กๆ ตอนกลางคืน เราเลยรู้สึกดีที่อู๊ดอยู่หาดใหญ่ตอนนี้พอดี เพราะเราได้มีใครอีกคนให้เราได้ไหว้วาน-พึ่งพา…

Wednesday, August 29, 2007

เจ็บใจ

ในที่สุดครัวบ้าน C1 ก็เสร็จซะที เราเลยนัดพี่แหนมเนืองมาทดสอบครัวรอบสุดท้าย รออยู่เป็นนานกว่าคุณพี่จะมา พี่ณัฐก็โทรมาตามให้ไปประชุมยิกๆ เฮ้อ… ยุ่งจริงโว้ย พอคุณแหนมเนืองเห็น heat lamp มาติดเพิ่มอีก ๒ ตัว ก็ทำหน้าดีใจใหญ่ หันมาบอกว่า คิดว่าเราลืมซะแล้ว โธ่… ใครจะไปลืมได้ แต่พอเหลือบตาไปเห็นแหวนที่นิ้วของเฮีย ก็ให้เจ็บใจเล็กน้อย หนอย… แต่ดูคุณแหนมเนืองชอบครัวนี้มากเลย ชมเราตลอดพร้อมกับตบไหล่ทุกครั้ง งานนี้เล่นเอาไหล่แทบพัง…

Tuesday, August 28, 2007

เกือบได้เป็นพนักงานโรงแรมซะละ

อีก ๒ วัน จะมี dinner แบบหรูหราที่บ้าน C1 (ได้ชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า Garden Villa ซึ่งก็นับว่าเหมาะสม เพราะมันตั้งอยู่กลางสวนจริงๆ ใครจะไปนึกว่ามีบรรยากาศดีๆ แบบนี้ใจกลางกรุงเทพ ที่สำคัญเราได้ดูมันทุกวันอีกตะหาก) ที่เราพึ่ง Renovate เสร็จ แต่เนื่องจากบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในส่วนสวนของโครงการซึ่งเราเป็นคนรับผิดชอบ คุณ อ. - แม่บ้านโรงแรมเลยต้องมา co. กับเราในเรื่องสภาพความเรียบร้อยโดยรวมของสวน ที่เราเข้าใจเอาเองว่า มันก็ดูเรียบร้อยดีนิ ที่ไหนได้ คุณ อ. ใส่เรามาชุดใหญ่ว่า สวนเราโคตรจะไม่เรียบร้อย เราก็บอกว่า งั้นจะให้คนสวนมาตัดหญ้าและตัดแต่งกิ่งก่อนกำหนด คุณ อ. ก็ใส่มาอีกชุดว่า "บัวก็ออกดอกไม่ครบทุกกอ เวลาโรงแรมจัด Executive Dinner ดอกไม้จะต้องบานทุกต้นค่ะ เข้าใจไม๊คะ เรื่องพวกนี้คุณเฉลิมพรต้องรู้ด้วยนะคะ แล้วต่อไปให้คนมาเอาใบงานที่ฝ่ายแม่บ้านของโรงแรมทุกวัน ดิฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยบอก" พอเราบอกว่า เรื่องที่ทำให้บัวบานสะพรั่งภายใน ๒ วัน เราไม่แน่ใจว่าผู้รับเหมาสวนเราจะทำได้ และมันก็ไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาจ้างด้วย เจ๊ก็ใส่เรามาอีก ๑ ชุดใหญ่ว่า เราจ้างคนห่วยแถมทำสัญญาไม่ได้เรื่องเป็นที่สุดอีกตะหาก เรานึกในใจต้องรีบชิ่งซะแล้ว เพราะถ้าคุยต่อเดี๋ยวมีการตบกันเกิดขึ้น อิชั้นไม่ใช่พนักงานโรงแรมของคุณนะคะ อิชั้นเป็นผู้บริหารงานก่อสร้างค่ะ และเราใช้สัญญาก่อสร้างค่ะ ไม่ได้ใช้สัญญา Maintenance พิเศษ เราเลยรีบตัดบทว่า "งั้นก็รบกวนคุณ อ. จัดการตามที่เห็นสมควรก็แล้วกันค่ะ ทีมคนสวนของโรงแรมน่าจะทำงานได้ตามมาตรฐานของโรงแรมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสัญญาจ้างคนสวนที่โครงการทำไปแล้ว ถ้าทางโรงแรมไม่เห็นด้วย คงต้องรบกวนให้คุณเบนนี่ - GM โรงแรม ไปคุยกับคุณณัฐพล - เจ้านายหนิงค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนิงขอตัวก่อนนะคะ"

พอกลับมาที่ออฟฟิส เราก็โวยพี่ณัฐเป็นชุด บอกให้ไปเคลียร์เรื่องนี้กับคุณเบน - เจ้าของโรงแรมด่วน เราไม่ใช่พนักงานโรงแรมนะ จะได้ไปรับใบงานห้องจัดเลี้ยงเขามาทำงาน support อ่ะ แต่เดชะบุญ ที่คุณ ช. ส่ง email เรื่องขอไม่หยุดงานก่อสร้างในบริเวณใกล้ๆ กับการจัดงานดินเนอร์ไปต่อรองกับคุณ GM แล้ว cc. คุณเบนไว้ แล้วคุณเบนสังเกตเห็นว่า ต้นเรื่องมาจากที่ ยัย อ. มาสั่งเราโดยตรง คุณเบนเลยเมลล์ประกาศว่า ต่อไปขอให้ทางโรงแรม เฉพาะคุณเบนนี่เท่านั้นด้วย co. กับคุณ ช. เท่านั้น ห้ามคนอื่นๆ co. โดยตรงกับบริษัทเราเป็นอันขาด เพราะเราเป็น Construction Consultant ของโครงการคอนโดที่จะก่อสร้าง ไม่ควรมาข้องเกี่ยวกับกิจการของโรงแรม เย้! เกือบต้องกลายเป็นพนักงานโรงแรมไปซะแล้ว…

และแล้วก็เป็นวันที่ยุ่งๆ อีก ๑ วัน ในชีวิต ยุ่งจนลืมไปว่าเมื่อวานเป็นวันที่โลกเราจะมีพระจันทร์ 2 ดวง เพราะดาวอังคารจะโครเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดในรอบหลายพันปี คราวที่แล้ว ก็พลาดดูฝนดาวตกไปทีนึง ทั้งๆ ที่เป็นช่วงวันหยุดยาว สงสัยว่า ต่อไปถ้ามีเหตุการณ์อะไรพวกนี้อีก เราคงต้องใส่มันลงไปฝน outlook ซะแล้ว ไม่งั้นจะลืมดูอีกทุกที (แก่แล้ว ความจำไม่ค่อยดี) เลยให้นึกถึงตอนไปดูฝนดาวตกครั้งแรกกันที่ไร่เขาแม่ยุทธ นึกแล้วก็มีความสุข (แล้วก็ขำไม่หายที่ยุทธดูหิ่งห้อยเป็นฝนดาวตก แล้วก็แก้ตัวว่า มิน่าล่ะ ดาวไม่ตกซ๊ากที...) เราว่าชีวิตช่วงอายุนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ งานไม่เยอะมากแบบนี้ และที่สำคัญความรับผิดชอบก็ไม่มาก ทำงานชิล-ชิล สามารถลางานยาวๆ หรือจะลากระปริปกระปอยก็ยังได้ นายไม่คาดหวัง แถมเงินเดือนก็เริ่มเยอะจนสามารถบันดาลความสุขได้ขั้นนึงเลยทีเดียว เฮ้อ... เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วดีจริงๆ...

Sunday, August 26, 2007

เรื่องมันช่างน่าอาย

หลังจากเสียวฟันมาหลายอาทิตย์จนเรานึกว่าเราฟันผุแน่เลย เราเลยไปหาหมอฟันที่คลีนิคข้างบ้านซึ่งตกแต่งสวยงาม นึกในใจว่า ไม่ถูกแน่ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเป็นหญิงโสดรายได้ดี ฮ่าๆ ไม่ใช่ เป็นเพราะที่บริษัทเราให้เบิกค่าทำฟันได้ตั้ง ๑,๒๐๐ บาทตะหาก เลยคิดว่าน่าจะพอ แต่ถ้าต้องออกเงินเพิ่มก็คงไม่มาก เอาความสะดวกดีกว่า

ปรากฎว่าเจอคุณหมอฟันหนุ่ม หน้าเด็กมากๆ จนเราสงสัยว่านี่ นร. แพทย์มาฝึกงานรึป่าววะ แถมพูดจาดูเกร็งๆ อีกตะหาก (นี่อิชั้นยังไม่ได้แสดงท่าที harassment เลยนะฮ้า) คุณหมอตรวจฟันเราไปมาแล้วบอกว่าให้เราไป X-Ray ฟันจะดีกว่า จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้องเต็มที่ (เออ เอากันง่ายๆ อย่างนี้เลยนะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อความมั่นใจของคุณหมอ ป้ายอมค่ะ) ระหว่างทางเดินไปห้อง X-Ray เราเลยได้โอกาสถามคุณพยาบาลว่าคุณหมอเรียนจบรึยัง เลยให้สบายใจหน่อยว่า พ่อหนุ่มน้อยเป็นคุณหมอแล้ว

เครื่องมือ X-Ray ฟันน่ากลัวโคตร เป็นเครื่องกลมๆ ตอน X-Ray ได้ยินเสียงโลหะวิ่งไปมารอบหัว ยังกับเครื่องที่ลุงอาร์โนลด์ใส่เพื่อไปเที่ยวในความฝันในเรื่อง Total Recall ยังงัยยังงั้น แถมเรายังต้องใส่เสื้อกันรังสีอีกตะหาก แต่ที่หน้าไม่ยักมีอะไรมากัน (จะปลอดภัยไม๊เนี่ยตรู…) แล้วก็นึกในใจ อย่างนี้ต้องไปบอกให้คนที่บ้านรู้ว่าเรามีผล X-Ray ฟันด้วย เกิดซวยๆ ไปมีอุบัติเหตุตายที่ไหน แล้วต้องใช้ X-Ray ฟันประกอบการ Identify ศพ ให้มาขอได้ที่คลีนิคนี้

ผลการ X-Ray ฟัน ทำให้คุณหมอสรุปได้ว่า ที่เราเสียวฟัน ไม่ได้เป็นเพราะฟันผุ แต่เป็นเพราะเหงือกร่น ขอให้เราเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟันทดลองดู ถ้ายังไม่หาย ค่อยทำการ "คลอบฟัน" แต่เนื่องจากหินปูนเราเต็มปาก คุณหมอเลยขอเสนอขูดหินปูนให้ (ไหนๆ ก็มาหาหมอแล้วนิ) พอขูดเสร็จ คุณหมอก็สอนการแปรงฟันที่ถูกวิธีให้กับเรา เพราะคิดว่าเราแปรงฟันไม่เป็น เลยมีหินปูนมาก เราก็พยายามรักษาสีหน้าให้ดูเหมือนตั้งใจฟังมากๆ (มารยาทงามมากค่ะ) แต่ในใจคิดว่า ที่เราหินปูนมาก ไม่ใช่เป็นเพราะเราแปรงฟันไม่เป็นหรอก แต่เป็นเพราะเราไม่ค่อยได้แปรงฟันตะหาก!!!

Saturday, August 25, 2007

บุตรกตัญญู

หมะโทรมาเร่งเราให้ไปเอาสมุนไพรแถวคลองสาน บอกว่าสามารถรักษาโรคไตได้ (ไปอ่านเจอจาก นพส. จีน) เราเลยโดดเรียนตั้งแต่ ๔ โมง เพื่อไปเอาไอ้เจ้าสมุนไพรที่ว่า เพราะเขาบอกว่า เขาจะอยู่ถึงแค่ ๖ โมง (ซึ่งก็นับว่าโชคดี เพราะวิทยากรคนนี้ตั้งใจสอนมาก ได้ข่าวว่า คุณเธอสอนถึงเกือบ ๒ ทุ่มแน่ะ กลัวคนมาเรียนไม่คุ้มรึงัยไม่รุ) แต่ก็ไม่กล้าไปคนเดียว เลยชวนหมูไปด้วย

ตอนแรกคิดว่าหลงทางซะแล้ว แต่สุดท้ายก็ไปถูกทาง หมูแซวว่า สงสัยท่านจะรู้ว่าเรากำลังปฏิบัติหน้าที่ลูกกตัญญูอยู่ เลยช่วยให้มาถูกทาง ที่ๆ ไปเอาเป็นตึกแถว เงียบมากจนทำให้เรายิ่งกังวลหนักเขาไปอีกว่า นี่ควรจะให้หมะกินสมุนไพรของคนๆ นี้แน่เหรอ เพราะถ้ารักษาหายจริง คนคงแห่แหนกันมาจนคึกคักไปทั้งซอยแล้วล่ะ หลังจากเล็งบ้านไปมาแล้วดูไม่เวิร์ค เราเลยโทรไปบอกเขาอีกทีว่ามาถึงแล้ว ซักพักก็มีอาแป๊ะแก่ๆ คนนึงเดินออกมาพร้อมด้วยถุงพลาสติก แล้วเดินไปที่สวนข้างบ้าน ขุดต้นไม้ประเภทไม้คลุมดิน (คล้ายๆ พลูด่าง แต่ใบออกสีม่วงๆ เล็กน้อย) ให้เรา ๑ ถุง แล้วบอกว่าให้ต้มกับน้ำ ๒ ลิตร ต้ม ๒.๕ ชม. แล้วกิน ขนาดคนที่ฟอกไตอยู่ ยังหาย ไม่ต้องฟอกอีกเลย แล้วก็ให้ฟรีๆ ด้วย ถือว่าเป็นการบอกบุญ แต่ถ้าเราอยากให้เงินช่วยทำบุญ ก็แล้วแต่จะให้ เราเลยให้ไป ๕๐๐ บาท (ถือว่าทำบุญกับคนแก่) อาแป๊ะบอกว่า ถ้าต้มกินแล้วยังไม่หายดี ให้มาเอาใหม่ได้ฟรีจนกว่าจะหายขาด แต่เราคิดว่าจะแบ่งส่วนนึงมาปลูก จะได้ไม่ต้องขับรถมาเอาอีก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจลูกกตัญญูของวันนี้

เรากับหมูเลยไปงานเที่ยวไทยที่ศูนย์ประชุมฯ กันต่อ เพราะกะไปซื้อตั๋วนกแอร์ราคาถูก เพราะเดือนตุลาจะไปเที่ยวภูเก็ตกัน แต่คิวยาวมาก เรากับหมูเลยใช้เงินแก้ปัญหา โดยการตัดสินใจว่าจะจองตั๋วราคาปกติแทน (สมกับเป็นหญิงโสดรายได้ดีจริงๆ) แล้วก็ไปกินข้าวกัน

Sunday, August 19, 2007

คนดีของชาติ

ไปลงออกความเห็นรับร่างรัฐธรรมนูญ เดินซะจักแร้เปียก แล้วก้อมาทำงาน คิดไปคิดมา เราว่าพี่ณัฐคุ้มมากเลยที่ให้เราไปเรียน เพราะกลายเป็นเขามีคนมาทำงานครบ ๗ วัน แถมช่วงนี้งานสปาเร่งซะด้วย พี่ณัฐเลยได้เรามาดูงานวันอาทิตย์แถมให้อีกตะหาก…

Friday, August 17, 2007

เมื่อนายหญ่ายที่ซู๊ดมาชมโครงการ

แม้ว่าโครงการจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พ่อคุณเบนก็แวะมาดูโครงการ พี่หนุ่ยเคยบอกเราว่า พ่อคุณเบนเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของฮ่องกง งานนี้เราเลยเต็มอกเต็มใจมากที่จะไปต้อนรับคุณพ่อ ;D (เพราะพี่ณัฐมาไม่ทัน) เราคิดว่าคุณพ่อจะซัก ๗๐ อัพ (กะว่าจะขอเป็นเมียน้อยซะหน่อย แล้วจะขอเงินซัก ๕๐๐ ล้านมาทำโครงการแก้เซ็ง) แต่ที่ไหนได้ดูแล้วคุณพ่อน่าจะอายุประมาณ 60 ปี เท่านั้นเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายมั่กๆ ว่าคุณพ่อมากับภรรยา เซ็งเลยงานนี้ (เป็นวิศวกร เอ๊ย เป็นกรรมกรต่อเหมือนเดิมก็ได้วะ) การตรวจงานดำเนินไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นที่ Business Center หรือที่สปา คุณพ่อชมเราที่บ้าน C1 ด้วยว่า ทำงานเรียบร้อย-สวยงามดีมาก (ในขณะที่ความเป็นจริง คือ เราโดนยัยแม่บ้านโรงแรมสวดยับ คนเดียวที่ไม่บ่นเราเรื่อง Renovate บ้าน C1 คือ คุณแหนมเนืองสุดเลิฟนั่นเอง) แต่ก็ให้มาตกม้าตายตอนจบที่โชว์แฟลต เพราะชาวคณะมาถึงเที่ยงกว่าๆ เลยเจอภาพคนงานเลยนอนกลางวันกันที่ระเบียงเป็นลานตากปลาทู เดชะบุญที่เป็นช่วงพักเที่ยงนะเนี่ย ไม่งั้นบริษัทเราคงโดนโอนเนอร์ terminate วะ

ปล. ตอนพาชาวคณะไปบ้าน C1 ได้เจอคุณแหนมเนือง 1 แว่บ เลยได้แต่โบกมือทักทาย พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดคุณพี่ซะด้วย น่าเสียดายที่เราส่งครัวเป็นของขวัญวันเกิดไม่ทัน เพราะไอ้ไฟฟ้าเจ้ากรรม เซ็งจริงๆ เลย…

Thursday, August 16, 2007

หวั่นไหวๆ

พี่ณัฐเบี้ยวต่อราคาแอร์อีกล่ะ เราเลยต้องไปแทนแบบด่วนๆ อีกหล่ะ ทำเอาเราเซ็งๆ ก็เอกสารไม่เคยเปิดดูเลย จะให้อิชั้นไปนั่งเป็นพระประธานรึงัย แต่… แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องประชุม เราก็พบว่ามีกุมารหน้าใสกิ๊กนั่งอยู่ ๑ คน ทำเอาป้าใจหวั่นไหวหมด มันมาจากไหนวะ ที่แท้คุณน้องเป็นลูกน้องของคุณ ศ. (แหม… เข้าใจคัดเลือกลูกน้องนะคะ เห็นทีเราต้องเลียนแบบบ้างแล้ว) ตอนระหว่างนั่งรอๆ กัน คุณน้องก็บ่นว่าโครงการให้ที่วางแอร์น้อยมากๆ ในใจเราพูดว่า "น้อง อ. อยากได้สเปซเท่าไรละคะ เดี๋ยวป้าจัดให้" แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ค้ำคออยู่เลยพูดว่า "ก็มันเสียพื้นที่ขายนะคะ แต่คุณ อ. คิดว่ามันควรจะต้องขยับอีกเท่าไรละคะถึงจะ maintenance ได้สะดวก เผื่อว่าทางเจ้าของโครงการจะได้ลองพิจารณาดู" น้อง อ. เลยบอกว่า เดี๋ยวจะลองไปคำนวณดูให้แน่ๆ อีกที แต่ที่แน่ๆ เด่นฟังแล้วอึ้งไปเลย พอออกมาจากห้องประชุมมันโวยเราใหญ่ว่า ออกนอกหน้าเกินไปแล้ว ก็ตอนที่มันบ่นเรื่องที่วางแอร์แคบ เราด่ามันไปเรียบร้อยว่า หัดคิดซะบ้างว่าราคาขายโครงการเท่าไหร่ ไม่บีบไปกว่านี้ก็บุญแล้ว งานนี้เราเลยได้ด่ามันอีกทีว่า "ไม่รู้หรืองัยว่าคำถามพวกนี้ มันขึ้นอ่ยูกับหน้าตาคนถามด้วย" ฮ่าๆๆ

เซลล์ที่พลัสแวะเอาโบว์ชัวร์ของคอนโดแสนสิริที่สุขุมวิท 8 มาให้เรา เราเลยเอาให้ริทซ์ดู เพราะเห็นมันมองๆ คอนโดอยู่ แต่มันดันถามว่า “ซื้อให้ผมเหรอครับ” เราเลยนึกในใจ ถ้าซื้อให้จริงๆ จะกล้าอยู่เหรอคะคุณน้อง เหอ...เหอ... เหอ...

หลังจากที่ออก Instruction มาชาตินึง ในที่สุดมูเทียร่าก็ทำงานดิมมิ่งสำเร็จ งานนี้คุณพี่วิลอาสาจะดิมไฟเอง เราเลยต้องขาดเรียน เพราะต้องเดินประกบเฮียตอนดิมไฟ พอกลับบ้านก็รีบดูว่าเราขาดเรียนวิชาอะไร ปรากฎว่าโชคดีมั่กๆ ที่มันเป็นวิชา “จริยธรรมในวิชาชีพ” ฟลุ๊คจริงๆ เลย…

Monday, August 13, 2007

มาเฟียตัวจริง

ตั้งใจว่าจะไปงานสวดแม่ฤทธิ์อีกวัน แต่พอเช้ามา ปุ๊กก็โทรมาบอกว่า มีข่าวยิงกันตายที่งานศพแม่ฤทธิ์ด้วยนะ เราเลยรีบแจ้นออกจากบ้านไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน เชื่อแล้วว่า ธุรกิจน้ำตาลนี่มันมาเฟียจริงๆ แล้วรีบโทรหายุทธ ซักพักนึงยุทธก็โทรมาบอกว่า หนังสือพิมพ์ลงข่าวเว่อร์ไป แถมยังมุกมาอีกว่า "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน" แต่สุดท้ายปรากฎว่าฟลินท์เบี้ยว เราเลยไม่ต้องใส่เสื้อกันกระสุนไปงานศพ ; p

ในเมื่อไม่ต้องไป ตจว. ก็ไปช้อปปิ้งดีกว่า ปรากฎว่ามีการจัดรายการอุปกรณ์สำหรับสาวโสดอย่างเรา นั่นคือ เตารีดไอน้ำ เพราะเราเป็นคนที่รีดเสื้อได้ยับโคตร จำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึง เทียนถามว่า เสื้อตัวนั้นตกลงยังไม่ได้รีดใช่ไม๊ ทั้งๆ ที่เรารีดซะเหงื่อตกไป ๓ ปี๊ปแล้ว พอเห็นเขาเอามาลดราคา เลยรีบซื้อซะเลย ฮึ…

แจ้โทรมาบอกเรื่องอาการหมะว่าท่าทางไม่ค่อยดี มีอาการของโรคไตวาย แต่ว่าจะให้แน่ๆ ต้องรอผลตรวจเลือดอีกที ทำเอาเราใจหายหน่อยๆ แต่คิดว่าหมะคงไม่เป็นอะไรมากหรอก เพราะหมะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อกับข้าวได้ทุกวันนี่นา…

Sunday, August 12, 2007

ชีวิตสาวโสดรายได้ดี?

ตั้งแต่เราเรียนทุกวันเสาร์ เราเลยต้องไปทำงานวันอาทิตย์แทน เพราะงานมันเยอะจนทำแค่ ๕ วัน ไม่ทัน แถมเรายังต้องออกเร็วในวันอังคารกับพฤหัสฯ อีกตะหาก แต่ก็มีข้อดีที่ไปเรียนอยู่ข้อนึง คือ ได้กินข้าว + ขนมอร่อยๆ บ่อยๆ หุหุหุ…

วันนี้ก็เป็นอีก ๑ วันอาทิตย์ที่เราเข้าไปทำงาน แต่พอบ่ายๆ ปุ๊กก็โทรมาชวนไปเยี่ยมแม่หญิง แต่เรายังทำงานไม่เสร็จ เลยคิดจะให้ปุ๊กไปช้อปปิ้งรอก่อน ปรากฎว่าปุ๊กก็ไปทำงานเหมือนกัน เลยหัวเราะออกมาพร้อมกันว่า นี่มันชีวิตของสาวโสดรายได้ดีจริงหรือนี่ -_-"

พอไปถึงบ้านหญิง ปรากฎว่าแม่หญิงกำลังใจดีมั่กๆ มีแย่งกันพูดกับพวกเราอีกตะหาก เราเห็นแล้วทึ่งเลย ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเราไม่สบายมากๆ อย่างแม่หญิง เราจะยิ้มสู้ได้แบบท่านหรือป่าว…

Wednesday, August 8, 2007

กิ๊กเก่า

ยุทธโทรมาบอกว่า แม่ฤทธิ์เสีย และตั้งศพที่วัดแถวบ้านโป่ง เลยต้องนัดรวมตัวกันไป และวันนี้ห้องเราเป็นเจ้าภาพ เราฟังแล้วปวดหัวเลย เพราะเมื่อวานมีคอมเม้นท์ตั้งเยอะ แถมต้องเก็บให้เสร็จวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีงานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ทิ้งงานอ่ะ ฝากงานไว้กับเอ๋ แล้วก็รีบออกจากไซท์ ยังงัยเพื่อนก็สำคัญกว่าอ่ะ…

คนมางานเยอะมาก มีตำรวจมาอำนวยความสะดวกด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะที่บ้านฤทธิ์ออกจะรวย + มาเฟียหน่อยๆ แต่ที่เซ็ง คือ ดันมีคนจากพรรคประชาธิปัตย์มาแจกใบหาเสียงตอนพระสวด ทีแรกเราทำเป็นไม่รับ มันก็ดันมายื่นให้อยู่ได้ ไม่ยอมไปซักที เราเลยรับมาแต่ตั้งใจว่า จะเขียนไปให้คุณกรซึ่งเป็น สส. เขตเราอบรมสมบัติผู้ดีมันหน่อย บ้าที่สุด!

พอพระสวดเสร็จ พวกเราก็ขึ้นไปไหว้ศพ เราถึงเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงหน้าคล้ายๆ คุณเอ๋ (น้องชายฤทธิ์ - กิ๊กเก่าเราอีกคน) แต่เขากำลังรับแขกอยู่ เราเลยถามแฟนฤทธิ์ว่าใช่เอ๋รึป่าว เพราะไม่ได้เจอกัน ๒-๓ ปีแล้ว แฟนฤทธิ์เล็งๆ อยู่แป๊ปนึง ก็บอกว่า "ใช่ แฟนเก่าคุณหนิงค่ะ" เราฟังแล้วอึ้งไปนิดนึงแล้วก็พูดยิ้มๆ ว่า "ขอบคุณค่ะ" แต่เอ๋ก็ยังคุยกับแขกไม่เสร็จซะที ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยทักก็ได้ เพราะเราตั้งใจว่าจะมาอีกทีในวันสวดวันสุดท้าย

Tuesday, August 7, 2007

เด็กผู้ชาย

วันนี้นัดส่งงานบ้าน C1 เราถึงเห็นว่าเชฟใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย เลยเซ็งๆ ในใจว่า ทำไม่ที่ผ่านมาเราไม่เห็นวะ หรือมัวแต่เชคแฮนด์ด้วยมือขวาอยู่ได้ เลยไม่ได้สังเกตมือซ้าย ว่าแล้วก็ตาร้อยผ่าวๆ เฮอะ

งานนี้คุณ GM มาตรวจรับเองเลย ตอนตรวจครัวเฮียมันมาก จากปกติที่เราเห็นมาดอันสุขุมนุ่มลึกของเฮีย วันนี้เฮียเปี๋ยนไป ทั้งเฮียทั้งคุณเชฟเปิดสวิทช์โน่นนี่อย่างเมามัน จนเราต้องบอกให้เด็กชายทั้ง ๒ คน อยู่ในความสงบ ฟังเรา Brief ก่อน เพราะตัวอาคารยังไม่ได้ไฟจริง เปิดทุกสวิทช์เดี๋ยวไฟก็ทิปหรอก ถึงจะสงบกันได้ เฮ้อ… นี่ละหน๊า เขาถึงว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ผู้ชายทุกคนก็มีความเป็นเด็กผู้ชายอยู่ในตัว

กำลังตรวจรับบ้านกันอยู่ เซลล์พลัสฯ ก็โทรมาบอกว่า ขายคอนโดฯ ที่ลาดพร้าวให้เราได้แล้ว เราฟังแล้วขนลุก ก็เราพึ่งไปแก้บนให้แจ้เมื่อ ๒ วันก่อน ที่ท่านช่วยให้ปล่อยเช่าคอนโดได้ เราเลยบนให้ท่านช่วยให้เราขายคอนโดได้บ้าง โห… ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะเนี่ย… อย่างงี้เราอาจได้แต่งงาน แม้ว่าแจ้บอกว่า “นี่คงเป็นงานยากที่สุดของท่านเลย” ก็ตาม… ; D

Friday, August 3, 2007

ขวานบิ่นแล้ว

เช้านี้เปิดเมล์ก็เจอเมล์ขอบคุณมาจากคุณแหมเนืองอีกฉบับนึง ทำเอาเรามีความสุขไปทั้งวัน เลยยิ่งคิดถึงคุณเชฟใหญ่เลย คิดไปคิดมา เราก็คุ้นๆ ว่าเขาเหมือนใครซักคนที่เรารู้จัก ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ที่แท้คุณเชฟมีหน้าจาและบุคคลิกภาพคล้ายไอ้น้องวินของเรานี่เอง แถมยังชอบทำกับข้าวเหมือนกันอีกตะหาก รึว่ามันเป็นโหวงเฮ้งของพ่อครัวฟระ

anyway เราบังเอิญได้เห็นชื่อจริงของคุณเชฟ ตอนที่ไปดูครัวของโรงแรมตอนบ่าย เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะต้อง google ประวัติคุณเชฟซะหน่อยแล้ว ที่สำคัญคุณนิดาใจดีมาก พาเรากับปูเดินดูครัวจนทั่ว แถมพาเราไปสวัสดีคุณเชฟอีกตะหาก คุณพี่ก็มารยาทงามยื่นมือมาให้เราจับอีกแล้ว เรารีบกวาดตาดูออฟฟิสคุณเชฟด้วยความเร็วสูงสุด พบว่าคุณเชฟเป็นคนที่มีระเบียบมาก และบนฝาผนังก็มีรูปคุณเชฟกับเพื่อนๆ เสียดายไม่ได้ตะลุยไปถึงโต๊ะ เลยไม่ได้เห็นว่าจะมีรูปครอบครัวอะป่าว แต่ไม่เป็นไร เย็นนี้เราจะลอง google ดูแน่นอน แต่ก็ให้หวั่นๆ ใจ นี่ถ้าคุณเชฟยังโสดละก้อ… โอกาสเป็นเกย์มีมากว่า 80% แน่นอน ฮ่วย… จะลุ้นให้โสดหรือไม่โสดดีเนี่ย…

พอบ่ายแก่ๆ จู่ๆ คุณเชฟก็ตะลุยมาที่ครัวโดยไม่บอกเราก่อน โชคดีที่เราอยู่แถวนั้น (ดวงช่างสมพงศ์โดยแท้) แถมโชคดียิ่งขึ้นไปอีกที่คุณ ชช. อยู่ด้วยพอดี เราเลยฉวยโอกาสขอ heat lamp ให้คุณเชฟซะเลย ซึ่งทำเอาเรางงมาก เพราะคุณ ชช. ตอบแบบไม่ได้ลังเลเลยว่า "ก็เอาดิ" ฮ้า… ดีใจจัง… ^_^

เราทำงานด้วยความสุขอยู่ค่อนวัน ตกเย็นก็รีบ google หาประวัติคุณเชฟทันที โห… ไม่น่าเชื่อว่า คุณเชฟมีเวบไซท์เป็นของตัวเองซะด้วย ประวัติโชกโชน-ย้ายที่อยู่ไปมาตามโรงแรมต่างๆ ซะค่อนโลก เราเลยตั้งอกตั้งใจอ่านมาก แต่พออ่านมาถึงหน้าสุดท้ายซึ่งเป็นประวัติของคุณเชฟ ก็... อกหักมากเลย ไม่น่า search web เลยตรู เลยรู้ว่าคุณเชฟของเราแต่งงานแล้ว โฮ... เจอไม้งามเมื่อขวานบิ่นจริงๆ เลย เศร้าชมัด… คืนนี้เลยต้องเปิดเพลงอกหักของเฉลียงฟังก่อนอน รู้งี้ไม่ search ดีกว่า จะได้มีความสุขไปอีกพักนึงจนกว่าจะเจอหนุ่มคนใหม่... แง... เศร้า... อ่ะ... เศร้า...

"รู้… รู้ดี ได้เพียงแต่มอง จะปองดวงใจสุดหมายมั่น ถึงจันทร์จะลอยให้ดูอยู่ทุกวัน แต่พระจันทร์คงไม่ตกที่บ้านเรา" โฮ… เศร้าจริงๆ เลย…

Thursday, August 2, 2007

มีนัดกับเชฟ 15 คน

และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ถึงวันที่เรานัดกับคุณเชฟว่าจะพาคณะพ่อครัวทัวร์ครัวใหม่ แต่พอคุณเชฟดูครัวเสร็จก็คอมเม้นท์ว่า อยากให้เราช่วยย้าย heat lamp ลงมาที่ชั้นอันล่างให้หน่อย เอาไว้ถ้าคุณเชฟมีเงินปีหน้าค่อยซื้อเพิ่มตรงชั้นบนเองเอง ฮ้า… ทำไมเป็นคนขี้เกรงใจขนาดนี้ เราก็นึกอยากช่วยอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้ เพราะงบปรับปรุงโครงการนี้มันบานไปแบบกู่ไม่กลับ สงสัยคราวนี้คุณ ชช. คงจะไม่ยอมหรอก เฮ้อ…

พอกลับมาที่โต๊ะ ก็มีเมล์มาขอบคุณจากคุณเชฟ ให้ตายเหอะ เราต้องหาทางซื้อไอ้เจ้า heat lamp เพิ่มเติมให้คุณเชฟให้ได้!