Wednesday, October 21, 2009

หวยใกล้ออกแล้ว


วันนี้ประชุมกันเคร่งเครียดมาก เพราะไอ้ ก. มันนจะเคลมเวลา แต่เราว่า เราพึ่งจะเห็น Shop drawing ที่มันส่งมาแป๊ปๆ เองนะ (วันๆ นึงมี Shop เข้ามา 5 ล้านฉบับ เลยจำไม่ค่อยได้) เลยถามไปงงๆ ว่า ส่งมาวันไหน ตาเลิศที่เป็นลูกน้องมันตอบเสียงหนักแน่นว่า ส่งมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราก้องงๆ เพราะไอ้ ก. หัวหน้ามันบอกว่าส่งมานานแล้วนะ ตาเลิศคงจำผิด คราวนี้ตาเลิศตอบเสียงหนักแน่นกว่าเดิมว่า “ผมจำได้ ไม่ผิดหรอกครับ เพราะมันเป็นวันหวยออก” เท่านั้นแหละ ฮาแตกทั้งห้องประชุม เราเลยพูดขำๆ ว่า “อืม... เลิศ พี่ว่าหวยใกล้ออกจริงๆ แล้วล่ะ” พลางนึกในใจว่า สงสัยตอนจะส่ง Shop ตาเลิศคงนั่งลุ้นหวยตัวโก่ง พอรู้ว่าโดนกินเรียบ เลยนั่งปั่น Shop มาส่งเราละมั๊ง ฮ่าๆๆ

ปล. เราพบว่าดอกไม้ประจำตัวเรา คือ ดอกชวนชม ทำไมนะเหรอ เพราะเราทิ้งๆ – ขว้างๆ มันสุดๆ รดน้ำบ้าง-ไม่รดบ้างตามยถากรรม แต่... แต่นอกจากมันจะไม่ตายแล้ว มันยังออกดอกอีกด้วย ฮ้า.... เลยอดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะ ๑ รูป อิอิ...

Thursday, October 15, 2009

Business Dinner ครั้งแรกในชีวิต

บริษัทลิฟต์ของโครงการเราจัดงานเปิดตัวลิฟต์ใหม่ แต่ทุ่มทุนมาก เพราะจัดเป็นแบบดินเนอร์ แล้วพี่ณัฐติดประชุม เลยให้เราไปแทน วันนี้เราเลยแต่งตัวดีหน่อย (จากปกติลากยีนส์) คนในงานมีน้อยมาก ทางบริษัทฯ บอกว่า เราได้คัดสรรคนสำคัญเท่านั้นจึ่งได้เชิญมา แหม... ฟังแล้วเคลิ้ม ช่วงแรกของงานเป็นจิ๊บคอทเทล แล้วให้ sales manager ประกบเป็นรายๆ ไป เลยทำให้ซักถามกันได้สะดวก ก่อนที่คุณ CEO จะขึ้นเวทีกล่าวเปิดงาน (ยังหนุ่มอยู่เลย สามสิบฝ่าๆ เท่านั้น เห็นบอกว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของ CEO หญ่ายที่ยุโรป อืม... ก้อควรเป็นงั้นแหละ ไม่งั้นจะได้ดูอาเซียนตั้งแต่ยังไม่ 40 เหร๊อ) แล้วก้อถึงช่วงที่รอคอย นั่นคือ การกินอาหารแบบดินเนอร์เต็มรูปแบบ ช้อน-ส้อมวางเต็มไปหมด (จะหยิบถูกไม๊เนี่ย...) ตอนแรกเรากะเลือกกุ้งเป็น Main Course แต่นึกขึ้นมาได้ว่า เกิดพี่ณัฐมาได้ล่ะ ซวยเลย เพราะเฮียแพ้กุ้ง สุดท้ายเลยเลือกเป็ดอบซอส อาหารก้ออร่อยดี โดยเฉพาะขนม มิเสียชื่อบันยันทรี เลยชัดติดใจ จากที่โดนบังคับให้มา คราวหน้าจะขันอาสามาเองเลยล่ะ อิอิ..

Sunday, October 4, 2009

เทนนิสกะความฝัน


ปีนี้ด้วยบารมีคุณหญิง เราเลยได้ดูรอบเทนนิส Thailand Open รอบชิงชนะเลิศ อิอิ... คนที่ได้ตำแหน่งแชมป์น่ะ มือ 10 ของโลกเชียวนา นับเป็นบุญตายิ่ง เลยแซวหญิงว่า ขอให้ได้เป็นใหญ่-เป็นโตเร็วๆ เราจะได้ไปนั่งแถวหน้าริมสนามบ้าง เพราะคราวนี้นั่งไกลไปนิดส์นึง

พอดดูเทนนิสเสร็จ ก้อไปกินข้าวกัน (จากตอนแรกที่คิดว่าจะกินข้าวกันก่อน แต่เราดันตั้งนาฬิกาปลุกผิด เลยตื่นไปไม่ทันกินข้าวเที่ยงไม่ทัน เพราะมัวแต่(นอน)กินบ้านกินเมืองไปซะครึ่งเมือง เฮ้อ...) เราบ่นกะปุ๊กว่า เรากลุ้มใจเรื่องพี่หมูอ่ะ จะหายหน้าไปยังงัยดีให้บัวไม่ช้ำ-น้ำไม่ขุ่นวะ เพราะเรากลัวไอ้เก๋จะโดนบ่นเอานะดิ เลยได้แต่หวังว่ามุขเรามีลูกแล้ว 2 คน จะช่วยได้ เพราะเราว่าเรากะพี่หมูเนี๊ยมีวิถีการใช้ชีวิตไปกันคนละทิศละทางอย่างรุนแรงเลยนะ ให้มันแยกย้ายกันไปเลยเสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า อีกอย่างนึง ตอนนี้คุณผู้ว่าฯ ได้ไปเป็นรองปลัดฯ แล้วด้วย อนาคตคุณหญิงรออยู่แค่เอื้อม โฮะๆๆ สวยเลือกได้จริงๆ นะเนี๊ย ฮ่าๆๆ

Friday, October 2, 2009

เดอะเอ็กซ์รีเทิร์น

ตั้งแต่ไปอิตาลีกันเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว นังเอ๊กซ์ก้อหายหน้าไป แต่แล้วจู่ๆ มันก้อโทรมานัดกินข้าว เรากะปุ๊กเลยตรากหน้าไปเจอมัน (คุณหญิงเบี้ยว) ความที่หายหน้าไปชาตินึง เลยมีเรื่องต้องอัพเดทกันเยอะ ตั้งแต่มันสันหลังหวะ เอ๊ย กระดูกสันหลังเคลื่อน, แต่ละคนไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง, เพื่อนฝูงแต่ละคนเป็นงัย ที่สำคัญ คือ เรื่องเจ๊ตุ่ยกะตี๋นนท์ เพราะไอ้มักเล่นมาอ่อยๆ ไว้ในงานแต่งจารย์ปั๊ม เอ๊กซ์ก้อพยายามโทรไปถามจากอู๊ดมาให้ แต่ก้อยิ่งทำเอางงกันเข้าไปใหญ่กะ Status ของ 2 คนนี้ เพราะไอ้มักพูดเหมือนกับว่าเจ๊จะไม่ได้จัดงานแต่งงาน ส่วนข่าวจากอู๊ด คือ ตี๋นนท์แต่งงานแล้วเหมือนกัน แลกก้อไม่ได้จัดงานเหมือนกัน แต่เรากะผู้ว่าลงความเห็นกันว่า ถ้าเจ๊ตุ่ยจะไม่ได้จัดงานแต่งงานจริงๆ ก้อน่าจะด้วยเหตุผลอื่น คงไม่ใช่เหตุผลเพราะอยากจะปิดบังเพื่อนฝูงหรอก ยิ่งวิเคราะห์ก้อยิ่งงง เลยเลิกนินทาเพื่อนฝูงกลับมาคุยเรื่องของแต่ละคนแทน ที่ขำ คือ เอ๊กซ์เล่นบลายธ์เหมือนกัน เลยได้ทีคุยกันถูกคอมาก พร้อมกับนัดแนะกันว่า ถ้ามีแกงค์บลายธ์ ปาร์ตี้ครั้งต่อไป เอ๊กซ์จะมาชวนเราไป ฮ่าๆๆ ดีจัง : )

Friday, September 25, 2009

ข่าวร้าย...

มาคราวนี้ปร้ารอสมาแปลก บอกว่าขอลงไปเดินชั้น Basement ด้วย ทั้งๆ ที่ปกติจะเดินเฉพาะชั้น Mockup พอลงไปเลยได้เรื่อง เพราะไปเจอคานใหญ่ยักษ์โผล่ที่ลานจอดรถ ทำให้ Clear height ไม่ได้ 2.10 เมตร (ตามกฎหมาย) เรารีบพูดกับช่างต้อมว่า “ต้อมช่วยบอกพี่หนิงซิว่า คานอันนี้ฤทธาแถมมาให้ ไม่มีในแบบก่อสร้าง” แต่ต้อมตอบว่า “มีครับพี่” แป่วววววววว สืบไป-สืบมาเลยได้ความว่า ต้อมทักมาแล้ว แต่ไอ้พี่ ป. บอกว่า ไม่เป็นไร ให้ถอยเอาตูดรถเข้า ไม่ต้องแก้แบบ งานนี้ฤทธาเลยงานเข้า เพราะต้องทุบคาน เป็นงัยล่ะ สมน้ำหน้าอยากไม่ร่วมมือกะชั้นกำจัดมันดีนะ ไปแก้ปัญหาเองเลยไป๊ แต่ที่ชั่วไม่เปลี่ยนเลย คือ ไอ้ ป. เพราะมันตอบป้ารอสว่า คานตัวนี้ทำถูกแล้ว เพราะเป็นไปตาม approved shop drawing ปร้ารอสถามว่าแล้วใคร approve ล่ะ มันแม่งไม่ตอบว่ะ เอาแต่ยิ้มๆ แมนจริงๆเลยมรึง เราเลยต้องตอบว่า ชั้นเป็นคน approve คนสุดท้าย ปร้ารอสก้อถอนหายใจ ๑ เฮือก แล้วบอกว่า แต่ยูรู้ใช่ไม๊ว่ามันต้องแก้ เราก้อพยักหน้าเซ็งๆ บอกว่า จะไป co. กะผู้ออกแบบโครงสร้างให้ คานตัวนี้ยังงัยก้อต้องถูกกำจัดแน่นอน ปร้ารอสเลยยอมสงบ

พอปร้ารอสกลับไป ป๋า PK ก้อหลุดปากออกมาว่า เพราะปร้ารอสจะลาออกแล้วรึป่าว เลยไม่วีนมาก ไม่งั้นตะกี้เราน่าจะโดยฆ่าแล้ว เราฟังแล้วใจหายวูบ เฮ้ย ทำไมคนที่ทำงานดีที่สุดในโครงการจะออกว่ะ แล้วโครงการจะไปรอดเหรอเนี่ย ถึงปร้ารอสจะขี้วีน แต่ปร้าก้อโคตรจะมืออาชีพ เราไม่เคยเจอสถาปนิกที่ทำงานดีขนาดนี้มากก่อนในชีวืต คอยอธิบายเราทุกอย่างแบบว่า กลัวเราสร้างผิดแล้วจะเสียเวลา-เสียทรัพยากร ตรวจงานก้อตั้งใจมากๆ เดินไซท์เป็น ชม.ๆ ฟังแล้วเศร้าโคตร กลับบ้านดีกว่า หมดไฟทำงานเลย...

Wednesday, September 23, 2009

ไม้ศักดิ์สิทธิ์

ช่างแว่นเป็น PM ของฤทธา ซึ่งพูดภาษาอังกฤษเมือนคนไทยทั่วๆ ไป คือ ไม่ค่อยออกเสียงตัวสุดท้าย เลยทำให้ช่างแว่นเรียก Marcus ว่า มาคุด พอวันนี้มีเหตุต้องให้ช่างแว่นพูดถึง Marcus บ่อยๆ เราฟังแล้วขำ สุดท้ายทนไม่ได้ต้องแซวช่างแว่นว่า “ไม่คุยกะฝรั่ง แต่จะคุยกะมังคุดแทนใช่ป่ะ” เลยฮากันทั้งห้อง รวมถึงไซมอน โห... ภาษาไทยแข็งแรงนะเนี่ย แอบนินทาไม่ได้ล่ะ

ตามด้วยมุขที่ ๒ ในการประชุมวันนี้ เนื่องมาจากว่าพี่ณัฐไม่มาประชุมคราวที่แล้ว เลยไม่รู้ว่าเฮียสั่งเปลี่ยนวงกบเหล็กสำหรับประตูกันไฟ เป็นวงกบไม้เนื้อแข็งแล้วเคลือบสารอะไรซักอย่างนึงแทน แล้วสุดท้ายมาลงตัวที่วงกบไม้ตะเคียนทอง เพราะผู้รับเหมางานประตูบอกว่า มันย้อมสีให้ใกล้เคียงกับไม้สักได้ พอมาถึงเรื่องนี้ เราถามผู้รับเหมาประตูว่า ตกลงมันวงล่ะเท่าไหร่ หรืออีกนัยนึง คือ จะมีงานลดกี่บาท พี่ณัฐก้องง ถามว่าวงกบไม้ตะคียนทองมาจากไหน เราก้อตอบว่า เฮียสั่งเปลี่ยน พี่ณัฐก้อไม่เก็ทว่าแล้วทำไมต้องเป็นไม้ตะเคียนทอง เป็นไม้เนื้อแข็งอย่างอื่นไม่ได้เหรอ เราตอบหน้าตายว่า “คงเพราะมันเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์อ่ะค่ะ ไม่ไหม้ไฟ” ทำเอาพี่ณัฐอึ้งไปเลย แบบว่าจะเชื่อเราดีป่าวน๊า แต่ดันมีคนกลั้นไม่อยู่ขำออกมาก คราวนี้เลยฮาแตกกันทั้งห้องประชุม พี่ณัฐเลยไหวตัวทันรับมุขต่อทันทีว่า “อ๋อ... เหรอ... ระวังมีน้ำมันออกมาด้วยนะ แล้วอย่าให้คนงานไปขูดขอเลขเด็ดล่ะ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็น Defect นะ” แหม... เซ็ง... อำไม่สำเร็จ เชอะ...

Sunday, September 20, 2009

ผ้าไหมสีชมพู

ศุกร์ที่แล้วไปกินข้าวเลี้ยงวันเกิด นจว. เก๋บอกว่า มีพี่ที่ทำงานอยากรู้จักเรา เพราะเก๋ได้ไปขายไว้ เราจะอนุญาตให้เก๋ให้อีเมลล์เรากะเขารึป่าว เราตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ได้ วันจันทร์ก็มีการแลกอีเมลล์กัน เราเลยต้องไปปั่นบอร์ดสร้างกระแสผ้าไหมสีชมพูของ หห. ซะหน่อย ฮ่าๆๆ

พอได้คุยกันจริงๆ ทำเอาเราปาดเหงื่อ เพราะพี่หมู (ยังคงเรียกพี่ต่อไป) นอกจากจะเป็น พี่หมูบ้า (เราว่าคนสติดีๆ ไม่น่ากล้าคบกะเรา) แล้ว ยังเป็น พี่หมูสู้ชีวิตอีกด้วย เทียบกะเราซึ่งชีวิตไร้สาระแล้ว ทำให้เราดูไร้สาระขึ้นไปอีก เฮ้อ... ท่าทางหนทางฟามรักจะไม่สดใส มีอุปสรรคใหญ่หลวง ควรถอนตัวโดนพลัน ¬_-“

ว่าแล้วก้อนึกถึงหนังเรื่อง The Proposal ขึ้นมาได้ เราชอบว่ะ ที่สำคัญพระเอกหล่อมาก ซานดร้าก้อน่ารักดี แต่ปร้าๆ บอกว่า ดูป้าแกแก่มากแต่หุ่นยังดีอยู่ เราชอบตอนที่ป้าแกมาถึงออฟฟิส แล้วพระเอกส่ง message บอกทุคนว่า นังแม่มดขี่ไม้กวาดมาแล้ว ฮาดีว่ะ เราว่าที่ออฟฟิสเรา ก้อคงมีคนนินทาเราอย่างนี้เหมือนกัน กลับมาเรื่องหนังต่อดีกว่า เรากะว่าจะไปซื้อ DVD เรื่องนี้มาเก็บไว้เลยล่ะ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราขอใครซักคนแต่งงาน แต่... แต่เราจะไปขอใครแต่งงานดีว่ะ เราบอกกะปุ๊กว่า ยังมีอีกเรื่องเป็นหนังแนวนี้เหมือนกัน เป็นของน้องเคน กะว่าจะดู จะได้มีมุขมาจีบผู้ชายบ้าง ฮ่าๆๆ

เผลอแปีปเดียวอาทิตย์หน้าก็ครบ 3 อาทิตย์อีกล่ะ มี Project Meeting อีกล่ะ ทำไมเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกแบบนี้ อาทิตย์หน้าคงต้องทอผ้ากันจ้าละหวั่นอีกแล้วซิเนี่ย เฮ้อ...


Sunday, September 6, 2009

ดำน้ำเกาะเต่า

อกหักจากบาหลี เพราะพี่จิงงานเข้า เลยเบี้ยวซะดื้อๆ เราอุตส่าห์ไปง้อไอ้อู๊ด ก้อไม่สำเร็จ ไอ้ครั้งจะไปเดราวัณกะนก ก้อไม่มีเงิน (5X,XXX ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน แถมต้องลางานอีกตั้ง 3 วัน) กำลังหงอยๆ อยู่พอดี Ritzy ก้อแชทมาชวนไปดำน้ำที่เกาะเต่า เรารีบตอบตกลงทันที เอาว่ะ ไปเกาะเต่าแก้ขัดก่อนก้อยังดี

พอ Ritzy ส่งรายชื่อคนที่ไปด้วยมา เราล่ะหนาว เพราะล้วนแล้วแต่เกิดใน Series 2 ทั้งสิ้น ยังดีมี Dive master ที่อยู่ใน Series 1 แต่ก้อยังเด็กกว่าเราอยู่ดี แต่ก้อเอาเหอะ ป้าจะพยายามไม่ปรี๊ดแตก เพราะจากประสบการณ์ทำงานกะ Ritzy เดาได้เลยว่า มันจะต้องเป็นทัวร์ที่เรื่องมากวุ่นวาย-และจัดการอะไรไม่ได้เลยแน่นอน

เริ่มจากออกเดินทาง กว่าล้อจะหมุนจากบ้านโกฮิม (เพื่อน Ritzy ที่รวยโคตรๆ เสียดายที่เราไม่มีรุ่นเด็กๆ จะแนะนำให้มันรู้จัก ไม่งั้นคงมีโอกาสได้มีน้องเขยรวยๆ กะเขาบ้าง) ก้อปาไป ๑ ทุ่ม แล้วยังจะจอดกินข้าวที่ Big C อีก เราต้องรีบไปแสดงความคิดเห็นว่า กรุณาจอดปั๊มเถอะน้องรัก เดี๋ยวจะเลยเถิดถึงท่าเรือตี ๕ ได้นะจ๊ะ เลยทำให้มาถึงเรือตี ๒ เท่านั้นเอง แต่น้องๆ ทุกคนไฟแรงมากกกกก ไม่ยอมไปนอน ขอ Brief เรือกะไดฟ์พรุ่งนี้ก่อนอีกตะหาก กว่าป้าจะได้นอนก็ซัดไปตี ๓ พลางนึกในใจว่า พรุ่งนี้กรูจะตื่นมาทันดำน้ำ ๗.๓๐ น. รึป่าวน๊า

ปรากฎว่าเราเมาเรือโคตรๆ (ทั้งๆ ที่ดำน้ำมากหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ลุกไม่ไหวจริงๆ ปวดหัวโคตรๆ) เลยขอ Skip dive นอนไปเรื่อยจน ๙ โมงกว่า ก้อนึกขึ้นมาได้ว่า ควรจะไปจัดการกะ Gear Bag ที่ท้ายเรือก่อนที่ทุกคนจะขึ้นมาจากน้ำ เพราะมันจะโกลาหลมาก แต่พอเดินออกจากห้องไป ก็ต๊กใจ อ้าว กลุ่ม ๒ ยังลงน้ำไม่หมดเลย บีมกะหลีเลยชวนเราลงกลุ่ม ๓ ด้วย อือ เอาก้อเอา พลางนึกในใจ แหม... ทำมาเป็นนัด ๗.๓๐ น. นี่อ่ะนะ

ผิวน้ำแรงโคตรๆ แต่ใต้น้ำโอเค แต่ขุ่นนิดหน่อย ส่วนสภาพใต้น้ำก้อโอเคตามประสาเกาะเต่า แต่ที่เราเซ็ง คือ แบตกล้องเราเจ๊ง ถ่ายไปไม่กี่รูปก้อแบตหมด แหมโว๊ยยยยย ดำน้ำวันแรกพาไปด้วยดี เราลงครบ ๓ ไดฟ์ ตามที่ตั้งใจไว้ พอเราไม่ลง night dive (ก้อเกาะเต่าจะมีอะไรให้ดูล่ะ ถ้าเป็นมานาโดล่ะก้อ พลาดไม่ได้เชียว เป็น night dive ที่เจ๋งที่สุดในชีวิตเราเลยล่ะ) หลีก้อรีบไม่ลงทันที พลางบอกว่า พี่หนิงอยาก skip dive ไหน ให้บอกเลย หลียินดี skip เป็นเพื่อน (ก้อหลีเมาเรือตลอดเวลา ที่มาดำน้ำเนี่ย เพราะมาเป็นเพื่อนแฟน) เราล่ะแอบขำ ประโยคพวกนี้มันคุ้นๆ ว่ะ ฮ่าๆๆ

วันที่ ๒ เด็กน้อยบ้าพลังทั้งหลายบอกว่า จะทำ ๔ เดย์ไดฟ์ เราล่ะขำ เพราะคณะนี้โคตรจะเรื่อยเปื่อยกันเลย แล้วก้อเป็นไปตามที่เราคิดว่า ไม่มีทางทำสำเร็จแน่นอน เพราะไดฟ์แรกก็ซัดไป ๙.๐๐ น. แถมทำให้ ๒ ไดฟ์ต่อมา ต้องทำติดๆ กันด้วย เพราะยังต้องตีเรือไปที่ฝั่งอีก แต่วันที่ ๒ นี่เราเหนื่อยมากกกกกก เพราะน้ำแรงโคตรๆ ทั้งผิวน้ำและใต้น้ำ แถมขุ่นมากอีกตะหาก ไดฟ์สุดท้ายเนี่ย ขุ่นโคตรขนาดต้องใช้ไฟฉายกันทีเดียว (อาจจะขุ่นที่สุดในชีวิตเราทีเดียว) แถมคลื่นแรงมาก ขนาดเราขึ้นเรือไม่ไหว ต้องให้เขามาช่วยดึง BC ทุลักทุเลมาก

แม้ว่าจะไม่เจอหลามวาฬ น้ำก้อทั้งแรงทั้งขุ่น และไม่ได้มากะปร้าๆ แต่เราก้อยังรู้สึกดีกับการดำน้าอยู่ดี (แต่ที่แน่ๆ ดีกว่าทำงานแน่นอน ฮ่าๆๆ) และไม่คิดว่าจะเลิกดำน้ำในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน แม้ว่าอายุจะเข้าใกล้แยกหลักสี่เข้าไปทุกขณะก้อตาม สัญญากะตัวเองว่า จะไม่ขี้เกียจออกกำลังกาย จะได้มีแรงดำน้ำไปนานๆ เผลอๆ อาจจะได้พาน้องฟ้าไปดำน้ำด้วยก้อได้นะ อิอิ...

Friday, September 4, 2009

คนมีบุญ อิอิ...

เมื่อวานใน Weekly Meeting มีเรื่องตามเราล้านเจ็ดอย่างให้ส่งภายในอาทิตย์นี้ เราคิดในใจว่า จะทำได้งัย ในเมื่อเรามีประชุมเต็มวันยาวเหยียด และแต่ละเรื่องก็วุ่นวายมาก ที่สำคัญ เรายังอ่านเอกสารที่จะใช้ประชุมไม่หมดเลย แถมเสาร์-อาทิตย์ ก็ดันจะไปดำน้ำอีก แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำว่ะ ถ้าโครงการจะโดน ผรม. เคลมเวลา มันก็เพราะเรานี่แหละ คิดไป-คิดมา ก็เบื่อ เลยมาออนไลน์รอผู้ว่า จะได้เอ็มแก้เซ็ง แต่ไม่เจอผู้ว่า เจอแต่หมู หมูเลยถามว่า ไม่เตรียมตัวเหรอ (มัวแต่มาเอ็ม) เราตอบไปทันทีว่า ก็เราทำใจไปตายพรุ่งนี้แล้วงัย จะไปกังวลอะไรอีกล่ะ โฮๆๆ

แต่... เผอิญเราเป็นคนดี-มีบุญ พราะท่านเลยคุ้มครอง หรือเพราะเมื่อวานปร้ารอสมีประชุมต่อยาวนานมาราธอน (เฟส 2) วันนี้เลยไฟหมด ถามเราไม่เยอะ หรือเพราะว่า มีช่างนะ (Beach Boy) มาคุยด้วยก้อไม่รู้นะ วันนี้ปร้าเลยอารมณ์ดีมาก ถามไม่เยอะ แถม approve แหลกลาน ทุกอย่างผ่านฉลุย เราคิดเลยว่า ต่อไปเราจะเอาช่างนะมาถวายตัว เอ๊ย เข้าประชุมด้วยทุกครั้งไปแล้วล่ะ เพราะหนทางดูช่างสดใส งานนี้เราเลยรอดตายอย่างหวุดหวิด 555... แถมตอนท้ายปร้ารอสมีจีบช่างนะออกอากาศด้วย โดยการถามช่างนะว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ช่างนะก้ออายบิดไป-บิดมา ไอ้สุหัวไวมาก ตอบแทนว่า 18 แต่ปร้ายังไม่เลิก ถามต่อว่า มีลูกรึยัง คราวนี้ช่างนะตอบเสียงสั่นๆ "No. I'm still single." ส่วนช่างเบียร์น้องรักกระโดดไปแอบข้างหลังช่างนะทันที (กลัวโดนถามสุดๆ) แหม... เขาไม่สนใจขาวๆ-เหน่อๆ อย่างแกหรอกยะ ส่วนชะนีอย่างเราไม่เป็นที่น่าสนใจเลย ปร้าเลยจบคำถามแต่เพียงเท่านี้


ออกมาจากห้องประชุม ช่างนะแซวตัวเองทันทีว่า "ต่อไปพี่เรียกผมว่า Narong Logy (นะ-รง โลกี) ได้เลยครับ" เอ๋เลยมุขกลับว่า "อ้าว ไม่ใช่ รอส จันทนา หรอกเหร๊อ" เลยฮาแตกกัน แต่ที่แน่ๆ งานนี้มีแต่คนแซวช่างนะว่า จะได้ระเบิดถังส้วมก็คราวนี้แหละ เหอๆๆ เราเลยได้ทีมุขไปกะเขาด้วยว่า "ได้ดีแล้วอย่าลืมเจ๊นะ เพราะงานนี้เจ๊ดันสุดฤทธิ์" 555...

Tuesday, September 1, 2009

ยังไม่สำนึก

นอกจาก 7 เรื่องด่วนเมื่อวานแล้ว เมื่อวานทั้งวันฝนยังคงตกหนักมากอีกตะหาก คราวนี้น้ำรั่วทั่วไปหมดทุกที่ แต่พี่ ล. ยังอารมณ์ดี Forward link เที่ยวป่าหน้าฝนมาให้พี่ณัฐ พี่แกก็ดันตอบกลับไปแบบมีมารยาทว่า “Thank you krub. Get prepare and go together on 19-20/09/09 na.” เพราะชวนกันไปดูนกเงือกที่เขาใหญ่ เราเลยเตือนสติพี่ณัฐอีกที เพราะกลัวแกจะพาพี่ ล. ไปลำบาก เดี๋ยวจะโดนด่าอีก เลยเมลล์ไปเตือนสติว่า “โดนเจ๊ อ. ด่าคนเดียวไม่พอ จะโดนเจ๊ ล. ด่าอีกคนละมั๊งเนี่ย -_-“”แต่พี่ณัฐยังไม่ตอบอะไร ก็เจออีเมลล์จาก CM สวนมาว่า “แล้วเคล็ดลับในการทำงานหน้าฝนให้ไม่โดนด่าล่ะ ..เช่น น้ำท่วม Basement...น้ำรั่ว showflat ...น้ำรั่ว garden villa ...Weir ใช้ไม่ได้ ... มีไม๊...เคล็ดลับนะ” แป่วววววววว เลยจบกันแต่เพียงเท่านี้ -_-“

Monday, August 31, 2009

เช้าวันจันทร์

ขณะนี้เวลา 10.22 น. ดิชั้นพบว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องดำเนินการ นับเฉพาะที่แจ้งเข้ามาตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันนี้ ดังนี้

1) รายงานรถบรรทุกตก Platform เมื่อวานเย็น
2) น้ำรั่ว Sale Office (ยัยเจ้มาร์เก็ตติ้งโวยเช็ดตั้งแต่เช้า)
3) หิน ตย. ที่ต้องใช้เวลาในการสั่ง 2 เดือนจากสเปน เพื่อจะให้ปร้ารอสรีวิวในวันมะรืนนี้มาถึง กทม. ในสภาพแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย (แล้วจะเอาอะไรให้ป้ารีวิวดีล่ะ ใช้กาวตราช้างติดได้ไม๊ฟระ)
4) บันไดโครงสร้างบิดตัว จนทำให้ผนังร้าว (ทำบันไดไป ๓ ห้องแล้วด้วย ผนังก้อก่อเสร็จไปแล้ว แถม ๑ ในนั้น ยังเป็นห้อง ตย. ที่จะส่งมอบกันด้วย จะหยุดงานดี หรือจะเถือกทำต่อไปดีน้อ...)
5) ตามแบบป้อมยามจาก Landscape Designer ที่ตามงานยากที่สุดในโลกให้ที่ปรึกษาด้าน Traffic เพราะเขาต้องรีวิวเพื่อใช้แนบแบบส่ง กทม. วันนี้ (แต่คุณพี่มาบอกวันนี้ว่ายังไม่ได้รับแบบเลย อ้าว ไม่รอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยมาบอกล่ะคะ แหมมมมมม...)
6) เช็คเรื่องผนังลิฟต์ไม่กันเสียงด่วน (อันนี้ทั่น มท. 2 - พี่แตน สั่งมา เพราะมันพันกับรุ่นลิฟต์ที่ออก PO ไปเมื่อ 3 ชาติที่แล้ว แถมเดือนหน้าจะลงเรือมาเมืองไทยแล้วด้วย ยังดีที่มาบอกวันนี้ ไม่รอให้ของมาถึงไซท์ก่อนเลยค่อยบอก)
7) มท. 1 เมลล์มาสั่งว่า จะไม่ซื้อ Sliding Track จาก Supplier V แล้ว ขอให้เปลี่ยนไปซื้อจาก Supplier H แทน เพราะมีโมเดลที่เฮียถูกใจ แต่เนื่องจากได้ออก PO ไปแล้วเมื่อชาติที่แล้ว จึงขอให้รีบแก้ไขโดยด่วน


อืม... เช้าวันจันทร์ยังไม่ 11 โมง เลย มีแค่ 7 เรื่อง จิ๊บๆ ท้างนั้นนนนนนน...

Sunday, August 30, 2009

Preventive Maintenance











หลังจากไปตะลุยญี่ปุ่นกันมาเมื่อต้นพฤษภา พวกเราก้อไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเป็นล่ำเป็นสันอีกเลย ได้แต่นอนรอทริปภูเก็ต (ทำยังกะไปเมืองนอก เพราะเล่นจองล่วงหน้าเป็นหลายเดือน) พอเราเห็นโปรโมชั่นของเคทีซีที่ชะอำ เราเลบชวนปุ๊กไปเที่ยวแก้ขัด ซึ่งผู้ว่าก้อตอบตกลงในบันดล จนเราแซวว่า ตกลงนี่มันเป็น Preventive Maintenance Trip ใช่ป่ะ ฮ่าๆๆ

คราวนี้ไปกัน ๔ คน คือ ปุ๊กกะแม่, นิจ (มาเสียบแทนดอนที่เบี้ยวไปในนาทีสุดท้าย) และเรา งานนี้เน้นที่กินและกิน โดยเฉพาะปู กินกันสะใจมาก แถมเตรียมน้ำจิ้มซีฟู๊ดไปอีกตะหาก (กลัวน้ำจิ้มที่ร้านจะไม่สะใจ) ส่วนอีกอย่างที่ไม่พลาด คือ การไปเที่ยว “เพลินวาน” (ต้องชื่นชมคนที่คิดอ่ะ เข้ากะบรรยากาศหัวหินจริงๆ แถมตอนที่ไป เขากำลังขยายเฟส 2 อยู่ นับว่า Success เร็วมากๆ จริงๆ) แต่ความที่คนเยอะมาก เราเลยถ่ายรูป Noriko & her sis ได้นิดเดียวเอง แต่ที่ขำสุด คือ การเป็นปาปารัสซี่ เพราะผู้ว่าใช้ให้ไปถ่ายรูปผู้ชายคนนึง เนื่องจากจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขาจำผู้ว่าได้ซะนิ งานนี้เราถึงรู้ว่า การเป็นปาปารัสซี่นี่ไม่ง่ายเลย ไหนจะมุมกล้อง ไหนจะโดนบัง ที่สำคัญ คือ ต้องไม่ให้เขารู้ตัวอีก มิน่าล่ะ เขาถึงต้องใช้กล้องแบบซูมโคตรๆ กัน ถ่ายไป ก็ขำตัวเองไป ฮ่าๆๆเวลา ๓ วัน ผ่านไปเหมือนโกหก ต้องกลับไปงานแล้ว ฮือๆๆ >_<

Monday, August 17, 2009

ป้าเลี้ยง (มะใช่พี่เลี้ยง)









กลับบ้านคราวนี้ ส่วนไม่สบาย เราเลยต้องเอาไอ้เหวินเฉียง หรือน้องคุณ มาเลี้ยงดูทั้ง 2 วัน เพราะหมะกลัวมันจะติดไข้จากแม่ ส่วนหมะรับไอ้ตัวเล็กเหวินฮ่าวไป มาคราวนี้มันหล่อขึ้นมาก ตัวขาวขึ้นด้วย เราแซวว่า สีป้ามิ่งไม่ตกใส่น้องแล้ว หมะต้องกระซิบว่า อย่าชมต่อหน้าเหวินเฉียงมันรับไม่ได้ แหม... คุณชายขี้อิจฉาเหมือนกันนะเนี่ย... คริๆ...
ด้วยความที่เหวินเฉียงเป็นเด็กไฮเปอร์ ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เกิน 2 วินาที เสาร์บ่ายเราเลยจับมันไปว่ายน้ำ กลับมาสลบเหมือดทั้งป้าทั้งหลาน (ขอแอบปลื้มหน่อยว่า เด็กที่ว่ายน้ำวันนั้นถามว่า มาว่ายกะน้องเหรอ เรางี้ปลื้มซะจะซื้อไอติมแจกทั้งสระ เลยตอบยิ้มๆ ว่า “ป่าว เป็นแม่มันตะหาก 555...”) ส่วนวันอาทิตย์เราไหวตัวได้แล้ว เลยพามันไป TK Park ให้มันวิ่งเล่นไป-มาซัก 3 กิโล กลับมาสลบเหมือด ฮ่าๆๆ เสร็จเรา เลี้ยงเหวินเฉียงไปแค่ 2 วัน เราเข้าใจเลยว่า ทำไมแม่มันถึงไม่สบาย เพราะว่าพักผ่อนน้อย ก็คุณลูกซนยิ่งกว่าลิง เช้าวันจันทร์เราพาเหวินเฉียงไปส่งที่ รร. มันดูจ๋อยๆ สงบเสงี่ยมมาก (จากที่เคยวิ่งพล่านไปทั่งบ้านไม่ยอมหยุด) ทำเอาเราจ๋อยไปด้วย เทียนบอกให้รีบกลับ เพราะเดี๋ยวจะต่อมน้ำตาแตกกันทั้งป้าทั้งหลาน เฮ้อ... เศร้าจริงๆ น๊า...

แต่พอมาถึงหาดใหญ่ก็ยิ่งเศร้า เพราะน้องมุกทั้งอ้วนทั้งดำ แถมคราวนี้ได้ช่างตัดผมไม่ดี ตัดซะม้าเต่อ เท่านั้นยังไม่พอ ฟันน้ำนมยังหลุดอีก โอ๊ย... กลุ้มใจ พอได้ยินว่าคุณเธออยากเป็นดรัมเมเยอร์ ก็ยิ่งกลุ้ม แต่ก็ปลอบใจว่า น้องมุกยังเด็ก ถือไม้ไม่ได้หรอก มุกก็เปลี่ยนไปขอเป็นคนเดินขนาบธงแทน แจ้หัวไวมากรีบบอกว่า จะขนาบธงต้องน้ำหนักไม่เกิน 22 กก. น้องมุกต้องลด 2.5 กก. ทำเอามุกเครียดเล็กน้อย แต่ก็บอกว่า จะพยายาม แล้วก็กังวลว่าฟันหน้าจะขึ้นไม่ทัน เราเลยได้ทีบอกว่า กว่าน้องมุขจะลด นน. (ห้ามพูดว่าลดความอ้วน เดี๋ยวชีปร๊ดแตก) เสร็จ ฟันก็ขึ้น สวยทันพอดี คิดซะว่า น้องมุกเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ในตอนนี้ เพื่อเป็นหงส์ขาวผู้งดงามในวันหน้า คราวนี้เลยยิ้มออก เฮ้อ... อยากกลับไปอยู่ยะลาเร็วๆ จัง

Friday, August 14, 2009

ใครบอกเหรอว่าจะใช้คอนซัลท์ทีมเดียวกันหมด

งานทำอุโมงค์เชื่อมโครงการเริ่มล่ะ ทุกบริษัทที่ปรึกษาเริ่มทำงานกัน วันนี้พอ present เสร็จ ทั่น มท. ๑ (เฮียวิล) ก้อแก้เขินโดยการทวง Proposal ของแต่ละบริษัท ปร้ารอสเล่นตัวมากตอบว่าขอคิดดูก่อน แต่ในระหว่างนี้จะช่วยทำไปเรื่อยๆ ก่อนได้ แต่พี่จอนสวนพรวดขึ้นมาทันทีว่า ทำแน่นอน (เพราะตอนนี้ก็โดนลดเงินเดือน 10% ทั้งบริษัทแล้ว) พี่ณัฐได้ทีรีบอุ๊บอิ๊บสรุปว่า ในเมื่อคอนซัลท์เป็นทีมงานเดียวกันหมด ก็จะขอ set ประชุมวันเดียวกะประชุมของโครงการคอนโดเลยนะ เลยโดน CM สวนกลับมาว่า “ใครบอกเหรอว่า เราจะใช้คอนซัลท์ทีมเดียวกันหมด เพราะ Project Manager ของโครงการคอนโดยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเลย แล้วจะแน่ใจได้ยังงัยว่า จะมีความสามารถทำอุโมงค์ได้” แป่วววววว... ทำเอาพี่ณัฐนิ่งเป็นตุ๊กตาหินถูกสาป ส่วนเราขำพรวดออกมา จน มท. ๑ ขำไปด้วย แหม... มุขนี้ขวาตรงเลยนะค๊า... ฮ่าๆๆ

Wednesday, August 5, 2009

ลืมตัว

วันก่อนลากน้อง จ. (Landscape Architect) มาประชุมเรื่อง Project Drainage แต่น้อง จ. โดนพวกพี่ๆ วิศวะรุม ไม่ยอมให้ทำท่อลอดถนน จะต้องทำ Gutter ผ่าสวนงามๆ ของน้อง จ. ให้ได้ คุยกันไปแป๊ปนึง น้อง จ. เกิดอาการงอนอย่างรุนแรง ลุกไปจากที่ประชุมกลางคัน พร้อมกับบอกว่า “จ. ไปคุยกับพี่ ล. (Landscape Architect) ดีกว่า (เพราะไม่สามารถทนคุยกับพวกวิศวะหัวสี่เหลี่ยมได้อีกต่อไปแล้วยะ)” แล้วก็ลุกไปเฉยเลย วันนี้ประชุมงาน Lighting กับคุณ ป. (Lighting Designer) แล้วคุณ ป. ก็โดนบีบคั้นจากพวกวิศวะอีกล่ะ เราเลยช่วยตลกให้ว่า ระวังคุณ ป. จะลุกหนีไปกลางคันอีกนะ คุณ ป. ก็ทำหน้างงๆ ไม่เก็ท เราเลยต้องเล่าเรื่องน้อง จ. ให้ฟัง แล้วบอกว่า “สงสัยคุณ จ. คงเบื่อคุยกับพวกวิศวะค่ะ เลยลุกไปเฉยเลย” คุณ ป. ตอบกลับว่า “แต่ผมยังไม่เบื่อนะครับ” เราเลยเผลอตัวหัวเราะกิ๊กๆ พร้อมทำตา Candy จอมแก่นแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “พูดจริงนะคะ” ทำเอาคุณ ป. อึ้งไปเลย ขอโต๊ด ปร้าลืมตัว แฮะๆ…

Wednesday, July 22, 2009

ฟอร์มไม่มีตก

ปร้ารอสบอกให้เราช่วยหาไม้ตะแบกเก่าๆ ให้หน่อย เพราะชีวิตเฮียสเปคแต่ไม้สัก พอมาเจอพี่วิลสั่งให้ใช้ตะแบก เลยทำอะไรไม่ถูก วันนี้เราได้ตัวอย่างไม้ตะแบกเก่าตามที่ปร้ารอสบอกให้ช่วยหามา แต่ปร้ารอสยังไม่มา กทม. เราก็กะว่าจะให้พี่วิลกะพี่แตนดูก่อน เลยเอาไม้ไปวางไว้ในห้องประชุม เผลอตัวอีกที หันไปเห็นไอ้ ป. กำลังนำเสนอไม้ตะแบกเก่ากะ 2 เฮียอยู่ เฮ้ยยยยย มรึงจะไม่เอาหน้าซักเรื่องได้มีเนี่ย ไหนบอกว่าชีวิตนี้จะดูแต่คอนกรีต, ไม้แบบ และเหล็กงัย แล้วมายุ่งกะงานสถาปัตยฯ ของอิชั้นทำไมกันละเนี่ย แต่... แต่มันดันนำเสนอผิด เพราะไม้นี่ไม่ได้ใช้ที่ระเบียง แต่จะใช้ที่ Basement Light Well ตะหาก มันเห็นว่า Issue ไม้ระเบียงกำลังฮ๊อต เลยพูดไปเรื่อยยยยยย ไม่ได้รู้เลยว่า ปร้ารอสเขาก้าวไปอีก 1 ขั้น แล้ว เรื่องไม้ระเบียง ปร้ารอส comment จบไปเรียบร้อยแล้ว เราเลยลุกไปหยิบไม้คืน แล้วพูดเสียงเรียบๆ ว่า “It’s not for the balcony. Shall we start the meeting?” ทำเอาอึ้งกันไป เราเลยเริ่มประชุม แอบเห็นไอ้ ป. ทำหน้าเหวอๆ สะใจจริงโว๊ยยยยย...

พอประชุมออกมา เห็นพี่ น. นั่งกุมขมับอยู่ เลยไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ น. พูดเสียงเซ็งๆ ว่า คุณ CM ไม่ยอมให้ตั้งศาลให้ตาสาย แม้ว่าตาสายจะมาเข้าร่างคนงาน 2 รอบ เพื่อขอศาลส่วนตัวก็ตาม คุณ CM บอกว่าให้แก้ปัญหาโครงการล่าช้าด้วยวิธีทางวิศวกรรมก่อน อ้าว แล้วอย่างนี้ตาสายจะให้ลาภ (เลข 3 ตัว) จริงรึป๊าวเหน๊อ ต้องลุ้นกันต่อไปด้วยใจระทึกโดยพลัน

Wednesday, July 15, 2009

เงินเดือนขึ้นแล้ว ตั้ง 248.67 บาท

วันนี้เจ๊ ศ. ใส่ชุดคลุมท้องมาประชุม เราเห็นแล้วแทบคลั่ง อิจฉาเป็นที่สุด อะไรฟระ สามสิบปลายแล้วท้องง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ อิจฉามากกกกกกกกกกก อยากเดินออกจากห้องประชุมบัดเดี๋ยวนั้นจริงๆ เชอะ... แต่ก้อต้องทนประชุม เลยฟังป้า Ed (ทำไมโครงการเราไม่มีผู้ชายแมนๆ กะเขาบ้างเนี่ย เบื่อ อ่ะ เบื่อ...) กะป้าผิง (Pin) ไม่ค่อยรู้เรื่อง แอบเห็นพี่แตนถอนหายใจเฮือกๆ กับ Performance ของเราในวันนี้ โอ๊ย... โดน 2 ดอกขาดนี้ คร๊ายยยมันจะมีกะจิตกะใจประชุมได้ละคะเฮียยยยย...

กลับมาออฟฟิส เลยเซ็งรอบ 3 เพราะรออยู่ 6 เดือนกว่าๆ ในที่สุด คุณพี่ น. ก็ประกาศเงินเดือนขึ้นแล้ว อิชั้นได้ขึ้นเงินเดือนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 248.67 บาท ต่อ เดือน อ่านว่า สองร้อยสี่สิบแปดบาทหกสิบเจ็ดสตางค์ อ่านอยู่ 3 รอบ แล้วไปถามพี่ณัฐเขาว่า พี่พิมพ์ตกไป 1 หลัก หรือป่าวคะ พี่ณัฐยืนยันว่า “ไม่ เพราะผมได้ขึ้นเงินเดือน 700 กว่าบาท หนิงจะได้มากกว่าผมได้งัยล่ะ” แล้วเลยสั่ง KFC มาปลอบใจ เป็นชุดสุดคุ้ม 299 บาท พอ KFC มาส่ง พี่ณัฐดันลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถ เลยบอกให้เราออกไปก่อน แต่วันนี้เรารมณ์เสียสุดๆ เลยตอบไปว่า “พี่ค่ะ เงินเดือนขึ้นยังไม่พอจ่ายค่าชุดสุดคุ้มเลยนะคะ กรุณาไปหยิบกระเป๋าตังค์มาจ่ายค่าไก่เองค่ะ” พี่ณัฐเลยต้องก้มหน้าเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ กินเสร็จ เราก็กลับบ้านเลย เบื่ออออออออออออออออออออออ

Tuesday, July 7, 2009

ป่วย

วันหยุดต้องมานั่งซักผ้า เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องมานั่งทำงาน ไข้ขึ้นอีกตะหาก ที่เซ็ง คือ ดันเจ็บคอด้วย โธ่ แล้วจะเอาเสียงที่ไหนไปด่าไอ้ ป. ละเนี่ย โหๆๆๆ

Sunday, June 14, 2009

อย่าประนีประนอมในเรื่องความสวย-ความงาม























สวดมนต์เสร็จ จะนอนล่ะ อาอี๋ก้อเห็นน้องมุกลุกขึ้นมาหยิบตลับแป้งของมามาออกมาทำท่าทาแป้ง(ปลอมๆ) ก็เลยพูดว่า “จะนอนแล้ว จะสวยไปทำไมละคะน้องมุก” น้องมุกตอบเสียงราบเรียบโดยยังคงผัดหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่นว่า “เพื่อความสวยของวันพรุ่งนี้” เท่านั้นแหละ อาอี๋รีบกระเด้งตัวจากเตียง หยิบ Night Cream ขึ้นมาทาหน้าทันที แหม... เกือบไปแล้วไม๊ล่ะ เพื่อความสวยของวันพรุ่งนี้ ลืมไปได้ยังงัยเนี่ยเฉลิมพร...


ผิดกะคุณพี่สาวที่เป็นนักกิจกรรมแบบไม่สนใจความงาม ล่าสุดก็ไปเรียนขี่ม้า เออๆ เด็กๆ บนหลังม้าเนี่ย ดูดีจริงๆ แต่แจ้แอบบอกว่า วันก่อนน้องฟ้ามาขอเรียนชกมวย เฮ้ย... ทำไมมันตรงข้ามกันอย่างนี้ละเนี่ย…

Saturday, June 13, 2009

สองหนุ่ม



กลับมาเที่ยวนี้ ดช. ปองภพ ตัวเป็นยักษ์ ดำอีกตะหาก สงสัยป้ามิ่งทำสีตัวตกใส่น้องอ่ะ 555... ส่วน ดช. ปองคุณ คงความหล่อได้เหมือนเดิม อิอิ...

Thursday, June 11, 2009

รายงาน รปภ. นะ ไม่ใช่ ขายหัวเราะ

หลังจากที่พี่ณัฐบ่นเรื่องรายงาน รปภ. ประจำวันของจีจี้ว่าลายมืออ่านไม่ออกมาแสนนาน (พูดยังกะตัวเองลายมือดีงั้นแหละ) วันนี้เฮียเกิดอาการสุดทน เดินไปสั่งจีจี้ด้วยตัวเองว่า (เพราะสั่งเราหลายที แล้วเราก็ไม่ไปบอกจีจี้ให้ปรับปรุงซะที แหม... ก็อิชั้นนะวันๆ แกะลายมือพี่ณัฐ, ตา ป. และตาน้ำเต้าหู้ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีลายมือริทซี่อีกราย เลยมีความสามารถพิเศษในการแกะลายมือคน ลายมือจีจี้น่ะ เด็กๆ สำหรับอิชั้น) ถ้าไม่พิมพ์ ก็ต้องเปลี่ยนคนเขียน เริ่มตั้งงแต่วันนี้เป็นต้นไป ตาคุณดำเนินเลยส้มหล่นได้เขียนรายงานประจำวันแทนจีจี้ ตอนแรกเราก็สงสารจีจี้อยู่ แต่พอได้อ่านรายงานของตาดำเนินแล้ว เราก็เปลี่ยนใจ นึกในใจว่า ก็ดีที่จีจี้โดนปลด (ซะงั้น) เพราะรายงานแกฮามาก ก็พี่แกเล่นเขียนรายงานซะละเอียดยิบ ประมาณว่า นี่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ตำรวจสามารถจับโจรได้ภายใน 2 วัน จากรายงานของพี่แก แถมเวลาก็ลงซะเป๊ะมาก เช่น 09.23-11.17 น. ได้มีคนงานชายเข้ามาทาสี จำนวน 3 คน เสร็จแล้วก็กลับออกไป หรือ คุณหนิงใส่หมวกเดินเข้าไปในไซท์ตรวจงานเวลา 14.26-15.43 น. กลับออกมาเรียบร้อยดี อิชั้นนึกในใจ เดชะบุญที่ใส่หมวก Safety ไม่งั้นจะโดนอีกข้อหานึง รอดตัวหวุดหวิด วันนี้ช่างตั้นมานั่งรอเราเคลียร์งาน เราเลยหยิบรายงาน รปภ. ให้มันอ่านแก้เซ็ง มันอ่านแล้ว หัวเราะใหญ่ จนเราต้องพูดว่า “รายงาน รปภ. นะเฟ้ย ไม่ใช่ขายหัวเราะ” แหม.... เก็บอาการหน่อยดิ...

Sunday, May 31, 2009

ระหว่างรอล้างรถ




เห่อมากมาย คราวนี้ลูกสาวหน้าแมทแล้ว น่ารักเป็นยิ่งนัก แถมได้ที่คาดผมอันใหม่น่ารักเป็นนักหนา ระหว่างรอล้างรถที่ร้านกาแฟวาวี เราเลยจับ Noriko มาถ่ายรูปเล่น น่ารักมากมายจริงๆ เลย อิอิ...

Wednesday, May 13, 2009

พาลูกสาวไปศัลยกรรม

รีบเอาลูกสาวไปทำศัลยกรรม เพราะหน้าโดนขูดซะเป็นรอย เราสงสัยว่าเพราะโดนด้ามหวีพลาสติก น้องแอ๋ม – เจ้าของร้านบอกว่า น้องรุ่นนี้หน้าบอบบาง ต้องคอยระวัง ทำเอาเราแอบขำ อืม... ตต. หน้าบอบบาง นี่ถ้าปร้าๆ มาได้ยิน โดยเฉพาะ ปร้า นจว. สงสัยคงเอาหัวโขกพื้นตาย ฮ่าๆๆ

Saturday, May 9, 2009

Day 9 - Shopping & Shopping

เช้านั่งกินสตาร์บัคส์ พอกินเสร็จ เราก็ซื้อแก้วสตาร์บัคส์รุ่น Japan Limited Edition เป็นที่ระลึก เพราะเงินเยนมันเหลือ ฮ่าๆๆ พอไปจ่ายเงิน พนักงานถามว่าจะเอาเครื่องดิ่มอะไรฟรี อ้าว แล้วก็ไม่ติดป้ายซะตั้งแต่แรก งานนี้เลยต้องกินน้ำ ๒ แก้ว เสร็จแล้วก็หาซื้อขนมของฝากกัน เราตั้งใจจะซื้อ Chocolate Royce แต่หาไม่ได้ กว่าจะได้เลยเอาต้องวิ่งไปขึ้นเครื่อง แถมยังเป็ยคนสุดท้ายอีกตะหากด้วยมั๊ง น่าอายจัง

เครื่องลงบ่ายๆ เรากะปุ๊กเห็นคิวตรวจโรคหวัด 2009 ยาว เลยช้อปกันไปเรื่อยอย่างเมามัน จนมาถึงที่สายพานกระเป๋า ก็ไปดูเบอร์สายพานที่สกรีนกัน ปรากฎว่ามันไม่มีไฟล์ทของการบินไทยที่เรานั่งมา กำลังงงๆ กันอยู่ ก็มี จนท. มาถามว่า “คุณ 2 คน คือ คนที่มากะคุณยายนั่งรถเข็นใช่ไม๊ครับ” ปุ๊กรีบตอบว่า “ใช่" เรายัง(มีหน้า)หันไปถามอีกว่า “จะใช่เหรอ คุณยายเลยเหรอ” ปรากฎว่า ใช่จริงๆ ด้วย ก้อเรา 2 คน เล่นช้อปกันนานมากกกกก จนกระเป๋าหมดสายพาน มิน่าล่ะ เขาถึงเอาไฟล์ออกจากสกรีน คนไปกันหมดแล้วทั้งสายหาน เหลือแม่นั่งรออยู่คนเดียว จน จนท. เขาสงสารจัดการเอากระเป๋าใส่รถเข็นให้เรียบร้อย ว้า... น่าอายจริงๆ เลย...

Friday, May 8, 2009

Day 8 - Narita

นั่งรถไฟ Local เบื่อแล้วเบื่ออีกมาจนถึงโตเกียว เราฟังช่างคุยจนหมดเกลี้ยงก็พึ่งจะถึงโตเกียว คราวหน้าต้องห้ามประหยัด ต้องนั่งรถไฟแบบรถด่วนแล้วล่ะ ถึงโตเกียวเกือบบ่าย เลยแวะกินอะไรกันก่อน เราซื้อ Tokyo Banana ให้ปุ๊กลองชิม แต่ดูเหมือนจะไม่ผ่าน เพราะผู้ว่าไปซื้อขนมของฝากอย่างอื่นแทน จนเย็นๆ ถึงมาถึงนาริตะ

ตอนเย็นออกมากินบะหมี่ เลยถามเด็กในร้านเพื่อหาร้านช้อปปิ้ง น้องๆ แนะนำให้ไปร้านอิออน เราถึงบางอ้อทันที ก็มันเป็น Shopping Mall ที่ทัวร์ไทยต้องแวะก่อนขึ้นเครื่อง เลยนั่งรถเมลล์ไปกัน ก่อนไปก็ถามน้องเขาซะละเอียด เพราะกลัวจะนั่งเลยป้าย แต่พอเห็นมอลล์ ก็ขำกันใหญ่ จะไปเลยได้งัย เพราะป้ายอันเบอเริ่ม แถมยังสุดสายที่นี่อีกตะหาก เลยได้ช้อปปิ้งกันสมใจ เรากะผู้ว่าได้รองเท้ามาคนละคู่ อิอิ...

Thursday, May 7, 2009

Day 7 - ตามหาฟูจิซัง 2







หลังจากดูตาตางรถเมลล์จนเหนื่อยอ่อน เลยตัดสินใจเช่ารถกันอีกวัน และถึงแม้ GPS จะเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ใช้ได้ ฮ่าๆๆ ก่อนออกเดินทางก็แวะซื้อเสบียง ปุ๊กเสนอ Moss Burger (เราไม่รู้จักว่ะ เชยมาก ไม่อยากเชื่อว่าเราจะหลุดเทรนได้ สุดท้ายได้กินกันในรถหลังจากพยายามตามหาฟูจิซังจนหมดแรง เฮ้อ... แต่ก้อ อร่อยดีนะ อิอิ...) แล้วก็ไปทุ่งพิงค์มอสแบบฝนตกๆ กัน อากาศทั้งหนาวทั้งแฉะ น้อง Noriko เลยได้แต่นอนแอ้งแม้งอยู่ในโลงแก้ว

พอออกจากทุ่งพิงค์มอส พวกเราตัดสินใจไปเสี่ยงโชคที่ฟูจิซัง คิดกันเอาเองว่าไปถึงตีนเขา น่าจะมีโอกาสได้เห็น แต่ที่ไหนได้ ฝนตกหนัก หมอกลงจัด เขาเลยปิดฟูจิซัง ฮือๆๆ ทำไมทำกับปร้าแบบนี้ค่ะ เลยขับย้อนกลับมาเที่ยวน้ำตกเหลาเหลียง เอ๊ย น้ำตกฟูจิโนมิยะ ซึ่งปุ๊กบอกว่า คนในพันทิปนั่งรถเมลล์มาดูกัน เลยให้สงสัยว่าทำได้งัย ขนาดพวกเราขับรถ ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกเลย น้ำตกน้ำเยอะดี ก็แหงซิ ฝนตกซะขนาดนี้ ขากลับไปที่โรงแรมฝนหยุดแล้ว เลยได้เห็นสันฟูจิซัง ก็เลยแซวๆ กันว่า ต้องมาซ่อมว่ะ ฮ่าๆๆ

Wednesday, May 6, 2009

Day 6 - ตามหาฟูจิซัง 1

ไปตามคำพยากรณ์ฝนเริ่มตก ทั้งๆ ที่ผ่านมาแดดจ้าซะหน้าอิชั้นขึ้นกระมาอีก ๒ เม็ด ทางโรงแรมใจดียกร่มให้พวกเราใช้เดินมาที่สถานีรถไฟ ระหว่างทางผ่านทุ่งดอกไม้สวยๆ จนแอบนึกเสียดายที่อากาศไม่ดี ซักพักนึ่งก็ได้ยินคนพูดภาษาไทยกัน ปุ๊กเลยได้เพื่อนคุยแก้เบื่อ ส่วนเราตะลุยทำ Monthly Report อย่างเมามัน เที่ยงหน่อยๆ ก็มาถึงจุดแยกย้าย ฝ่ายหญิงขอเข้าเมืองไปชมเมืองบ้าง เพราะเบื่อธรรมชาติแล้ว พอเราลงมาจากรถไฟ ก็เห็นรถไฟ Thomas & Friends ต้องรีบงัดกล้องมาถ่ายรูปไปฝากไอ้เหวินเฉียงหลานรัก แล้วนึกในใจ สงสัยต้องทุ่มทุนพามันมา เพราะพ่อ-แม่มันดูไม่มีตังค์ แล้วก็ต่อรถไฟไป Kawagoshigo โดยฝนยังตกอยู่ต่อไป

อาหารที่โรงแรมแพงมาก เลยตัดสินใจนั่งรถออกมาซื้อข้างนอก กว่าจะได้ซื้อ ต้องพูดกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ น้าๆ ที่ร้านใจดีมากๆ พยายามช่วยพวกเราสุดๆ แถมยังมายืนเอาใจช่วยระหว่างรอรถเมล์กลับโรงแรมอีกตะหาก เราบอกปุ๊กว่า นี่ถ้าพวกเราพลาดรถเมลล์เที่ยวสุดท้าย ยังงัยซะพวกน้าๆ ต้องช่วยให้พวกเรากลับโรงแรมจนได้แน่นอน เลยทำให้ประทับใจคนญี่ปุ่นมาก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ให้อภัยได้ค่ะ แต่เอ... สงสัยกลับไปเราคงต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยซะวแล้วละมั๊งโรงแรมที่พักมีวิวฟูจีด้วย แต่เสียดายที่ฝนกตกตลอด เลยมองไม่เห็นฟูจิ แถมยังไปเดินเล่นริมทะเลสาปไม่ได้อีกตะหาก เซ็งจริงๆเลย เฮ้อ..

Tuesday, May 5, 2009

Day 5 - Matsumoto









นอนตื่นสาย เอ็นจอยอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่โรงแรม แล้วก็ไปชมปราสาทไม้ Matsumoto กัน (ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นปราสาทที่สวยเป็นอันดับ 2 รองจากปราสาทฮิเมจิ เชียวนา...) เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก เดินได้ไปทั่ว พอไปถึงปราสาท ก็ได้อารมณ์ Golden Week อีก เพราะคิวยาวมาก เรากะปุ๊กเดินได้แป๊ปนึง ก็เบื่อ เลยลงมาจากปราสาททั้งๆ ที่พึ่งขึ้นไปได้แค่ ๒ ชั้น เรานึกสงสัยว่า ทำไมคนญี่ปุ่นต้องทำบันไดซะสูง ทั้งๆ ที่ตัวเตี้ย แถมยังต้องวิ่งขึ้น-วิ่งลงบันไดปราสาทเวลามีสงคราม มันจะไม่ล้มหัวแตกกันรึงัยฟระ แต่ก็... ช่างมันเต๊อะ ไปเดินชมเมืองดีกว่า เมืองนี้ดอกไม้สะพรั่งทั้งเมืองอีกเช่นกัน คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เตรียมตัวไปตามหาฟูจิซังกัน หุหุหุ...

Monday, May 4, 2009

Day 4 - Japan Alp
















บน Japan Alp









ก่อนข้าม Japan Alp


เช้าแหกขี้ตามาซื้อตั๋ว (เขาไม่ยอมให้จองล่วงหน้า แต่นี่ถือเป็น highlight ของทริป อิชั้นเลยยอมตื่นเช้า) ยังดีที่ไม่ต้องแบกกระเป๋า นี่ถ้าไม่ได้นอนที่ I ช่วยเขียนภาษาญี่ปุ่นให้ อีน้องที่โรงแรมถึงเข้าใจได้ว่าต้องไปจัดการส่งกระเป๋าให้เรา ไม่งั้นเห็นทีจะไม่ได้ไปข้ามแจแปนแอลป์เป็นแน่

ตอนแรกรถไฟคนก็น้อยดี แต่พอไปถึง Tateyama (เมืองแรกของการข้ามแจแปนแอลป์) ก็ได้อารมณ์ Golden Week ทันที เพราะมีผู้คนประมาณ ๑๐๐ คน รอเข้าคิวขึ้นรถกระเช้าอยู่ จน จนท. ต้องหันมาจัดรถบัสให้ขึ้นแทน รออยู่เกือบ ๒ ชม. ก็ได้ขึ้นรถ ระหว่างทางขึ้นภูเขา ผู้ว่าถ่ายรูปอย่างเมามันมาก พอมาถึงจุดเปลี่ยนรถ เราเห็นคนประมาณ ๕๐๐ คนได้ เลยชวนปุ๊กออกมาเดินเล่นหิมะก่อน อากาศไม่หนาวอย่างที่ขึ้น เลยบ่นๆ กันนิดหน่อยว่า หอบเสื้อหนาวมาไม่คุ้มเอาซะเลย พอเดินออกมาเรื่อยๆ เพื่อถ่ายรูป ถึงรู้ว่า มัน คือ กำแพงหิมะแล้ว เดชะบุญนะเนี่ย เกือบเลยแล้วไม๊ล่ะ (ทริปนี้ เกือบพลาดไปหลายที) แต่ความที่หิมะละลายไปเยอะแล้ว เลยเหลือความสูงแค่สิบกว่าฟุต แต่เราเล็งๆ ด้วยตาแล้ว ดูสูงไม่ถึงอ่ะ แต่คนญี่ปุ่นคงไม่โกหกกันหรอกมั๊ง แล้วเลยถ่ายรูปกันอย่างเมามัน เรารีบงัด Noriko ออกมาถ่ายรูปด้วย อิอิ...

เสร็จแล้วก็กินอะไรรองท้องกันหน่อย ก่อนจะข้ามกระเช้า คนเยอะมากกกกก จนไม่มีที่นั่ง พอข้ามกระเช้าไปถึงเขื่อนได้ แม่ก็เดินลิ่วๆ ไปรอจุดที่เชื่อมรถทันที เราก็ถ่ายรูปเหนือยๆ จนผู้ว่าแซวว่า ดูดิหมดรมณ์กันไปหมด ก้อแหม... มีคนซะล้านคนมาแออัดอยู่ด้วยกันนี่มันมึนหัวจริงๆ นะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายที่เป็นเชื่อมรถนี่จัดว่าเป็นด่านอรหันต์โดยแท้ คนเยอะโคตรๆ ที่ใก้ลๆ เรามีคุณลูกอ่อนอยู่ด้วยคนนึง น้องเขาดูสดชื่นตลอด จนผู้ว่าแซวว่า มีลูกนี่ห้ามหมดรมณ์นะเฟ้ย พอได้ขึ้นรถซึ่งแน่นยังกะรถเมล์ กทม. ตอนเช้ามาถึงเมืองสุดท้ายของการข้ามแจแปนแอลป์ เราก็ไปเอากระเป๋ากัน พอไปถึงเราถามเป็นภาษาอังกฤษ ป้าที่ร้านก็พาไปเอากระเป๋าทันที เพราะคงไม่ค่อยมีคนต่างชาติมาทำอะไรแบบนี่หรอก แต่พอเราไปถึงสถานนีรถไฟ เพื่อจะนั่งไปนอนที่ Matsumoto เราก็ลมแทบจับ เพราะเหลืออีก ๓ นาที แล้วต้องลากกระเป๋าข้ามสะพานลอย เราวิ่งข้ามไปโยนกระเป๋าขึ้นรถไฟ เสร็จแล้วก็วิ่งมาช่วยปุ๊ก ตอนวิ่งกลับไปที่รถไฟอีกที เรานึกในใจว่า ถ้ารถไฟออก เราซวยแน่ ไม่น่าโยนกระเป๋าขึ้นไปเลยว่ะ คราวหน้าต้องมีสติกว่านี้นะเนี่ย พอขึ้นรถได้ครบ ๓ คน รถไฟก็ออกพอดี ไปถึง Matsumoto ค่ำๆ ด้วยความที่ใช้เงินสดซื้อตั๋วไปเยอะมาก พวกเราเลยไปกินร้านแพง เพราะจะไปรูดบัตรเครดิต ฮ่าๆๆ บริหารเงินได้ดีจริงๆ เลย และความที่หิวกันมาก เลยลืมถ่ายรูปอาหารอีกแล้ว อุตส่าห์ทุ่มทุนกินร้านดีๆ แต่แหม... ก้อคนมันหิวนี่นา ฮ่าๆๆ...

Sunday, May 3, 2009

Day 3 - Kanazawa

สาวน้อยท่ามกลางดอกไม้ ; )



ภายในสวนเคนโรฯ และมุมตะเกียงหินมหาชน





เขตเมืองเก่า


คิตตี้ปลอมตัวเป็นซารุโบโบ


เช้ายังอุตส่าห์แวะไปเดินเล่นบริเวณเมืองเก่าอีกรอบ เลยได้เดินอีกตลาดเช้านึงด้วย ก่อนขึ้นรถไฟไปโทยามา แต่จุดประสงค์ของวันนี้ คือ การไปเที่ยวสวน Kenrokuen ที่ Kanazawa ตะหาก เมืองนี้เป็นเมืองที่เราเรียกร้องก่อนจะตะลุยเจแปนแอลป์ เพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งของ ๑ ใน ๓ สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ตอนแรกเรานึกว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไหนได้ มีร้านแบรนด์เนมเต็มไปหมด เราว่านะ ที่เมืองนี้ต้องมีร้านไบล์ธแน่ๆ เลย เสียดายจัง วันหลังต้องแวะอีกให้ได้

สวนที่ว่าก็สวยดี แต่ความที่คนเยอะมาก ทำเอาเราหมดรมณ์ไปเยอะ แถมวิวมหาชนตรงตะเกียงหิน ก็หนาแน่นไปด้วยคน ต้องอาศัยโชคและความเร็วสูงสุดในการกดชัตเตอร์อย่างมาก กว่าจะถ่ายได้เหมือนในโปสการ์ด ทำเอาเราต้องลบรูปทิ้งไปบานตะไท ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็รีบกลับมาที่โทยามา แต่ดูเมืองวันนี้จะโชคไม่ค่อยดี เพราะร้านญี่ปุ่นที่เล็งไว้ตอนเย็นมันปิดซะก่อน เลยต้องกิน “ฮะจิบัง” เพื่อนยาก ๒ มื้อซ้อน เมนูเดิมเป๊ะอีกตะหาก แถมโรงแรมก์เปิด Heater ซะร้อนโคตรๆ มันจะให้แก้ผ้านอนรึงัยวะ ตอนแรกเรากะให้ ๕ ดาว เพราะห้องกว้างขวางอยู่สบาย แต่ความที่ร้อนโคตรๆ เลยต้องตัดดาวออก ๑ ดวง แต่เนทเร็วโคตรๆ ชอบญี่ปุ่นจริงๆ เล๊ยยยย...

Saturday, May 2, 2009

Day 2 - Shikarawago

วิวระหว่างทางไปชิคาราฯ

Hida beef ย่าง (การันตีความอร่อยโดยผู้ว่า)







ทิวลิประหว่างทาง สวยมากมาย


จุดชมวิวของหมู่บ้านชิคาราฯ




ในหมู่บ้านชิคาราฯ



ตลาดเช้าทาคายามา


เช้าไปเอารถก่อน รถกระทัดรัด แต่ข้างในใหญ่โต นั่งสบาย เราก็ไปเที่ยวตลาดเช้ากัน แดดญี่ปุ่นแรงมากกกก (สงสัยเพราะโลกร้อนว่ะ) เราทนไม่ได้ล่ะ ต้องซื้อหมวกมาใส่ ก่อนจะตะลุยถ่ายรูป Noriko อย่างเมามัน ส่วนผู้ว่าก็กิน Hida beef ย่างอย่างเมามันเช่นกัน แถมคุยว่า อร่อยสุดๆ
จนเที่ยงถึงได้ไป Shikarawago ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปอย่างเมามัน มาเที่ยวฤดูใบไม้ผลินี่ก็ดีเหมือกนกันแฮะ ถ่ายรูปดอกไม้สนุกมากเลย (แอบเสียดายที่ไม่ทันซากุระ – เข้าตำรา ได้คืบจะเอาศอกดีแท้ แต่สุดท้ายก็ได้ซากุระออกดอกบานสะพรั่ง ๑ ต้น ที่ Shikarawago ที่นี้นี่เอง อิอิ...) ตอนแรกเกือบขับรถเลยแน่ะ แต่เห็นใครๆ เขาก็แวะกัน พวกเราก็แวะด้วย เพราะนึกว่าเป็นจุดชมวิว เลยแวะบ้าง ที่ไหนได้เป็นหมูบ้านจริงๆ ซะนี่ เกือบไปแล้ววววว

ปล. วันนี้คนเริ่มเยอะ เตรียมตัวต้อนรับ Golden Week แซวกันว่า “ซ้อมไว้ก่อน”