Thursday, November 27, 2008

เกือบไม่ได้มาประชุม

เราไปชะเง้อคอยาวรอพี่รอสอยู่หน้าประตูตั้งแต่ ๙.๑๕ น. เพราะนัดกันไว้ ๙ โมง เอ... หรือว่าพี่รอสจะมาไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นที่แน่นอกแล้วว่าพี่วิลกะพี่แตนมาไม่ได้ เพราะสนามบินโดนพวกเสื้อเหลืองปิด (แต่ที่จริงสงสัยเป็นเพราะโดนอาถรรพณ์ห้ามเข้าประเทศจากเราตะหาก ฮ่าๆๆ จะว่าไปก็เกลียดพวกเสื้อเหลืองวะ เศรษฐกิจประเทศยิ่งเลวร้ายอยู่ด้วย ทำอะไรไม่ได้นึกถึงประเทศชาติเลยนะ ขอสาปแช่งเลยนะ) แต่พี่รอสมาตั้งแต่เมื่อคืน น่าจะรอดนะ เพื่อความแน่นอน เราเลยโทรไปเช็คที่โรงแรม อ้อ... พี่รอสมาจริงๆ ด้วย พอ ๙.๓๐ น. พี่รอสก็เดินนวยนาดมา แล้ววันนี้ทั้งวัน พี่รอสก็ต้องตอบคำถามว่ารอดมาได้ยังงัย-แล้วสังเกตเห็นพวกมาประท้วงไม๊ไปร่วม ๕ รอบ เพราะใครเจอหน้าใครก็ถาม แต่ที่พี่รอสกังวลก็คือ แล้วจะกลับสิงคโปร์ยังงัยละนั่น แต่ใครๆ ก็คิดว่าคงปิดแค่วันสองวัน เดี๋ยวก็เปิดแล้วล่ะ เขาคงไม่ปล่อยให้ปิดสนามบินนานขนาดนั้นละมั๊ง แค่นี้ประเทศชาติก็ย่อยยับจะแย่แล้ว (พี่รอสบอกโรงแรมหงอยมาก ปกติเคาเตอร์เช็คอินจะต้องวุ่นวายตลอดเวลา คราวนี้เงียบเชียบมาก ชช. บอกว่า ลูกพี่หัวเสียมาก งานก่อสร้างก็ช้า โรงแรมก็มารายได้ตกอีก ทั้งๆ ที่เป็นไฮซีซั่น ตั้งแต่ปิดสนามบิน มีพี่รอสมาเช็คอินแค่คนเดียว ฟังแล้วก็ยิ่งเกลียดแม่-เข้าไปอีก) มาคราวนี้พี่รอสเลยได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีของ บ. ม. โดยมิได้ตั้งใจ และก็ไม่เสียแรงที่เป็นป้ารอส เพราะป้าบ่นไม่มีชุด ต้องไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าด้วย ฮ่าๆๆ พี่ณัฐเหน็บว่า แล้วงัย มันต้องปัดมาสคาราด้วยป่ะ ปากจัดวะ ไม่พูดด้วยล่ะ

ปุ๊กแชทมาว่ากลัวว่าจะไม่ได้ไปเชียงใหม่ เราว่ามันอีกตั้งนาน มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก เฮ้อ... ที่มีตลกร้ายว่า พระเจ้าส่งคนไทยมาให้ประเทศไทยนี้ ตลกร้ายของจริงเลยวะ เซ็ง... อ่ะ เซ็ง...

Wednesday, November 26, 2008

เบลอ...

หง sms มาถามเราว่า ตกลงจะไปกินข้าวกับ ได้วันศุกร์นี้ไม๊ เราก็ยุ่งๆ ไม่ได้ตอบ ซะที พอเข้าห้องประชุม เราก็อาศัยจังหวะตา ปส. พร่ำพรรณาอยู่ sms กลับไปว่า “Yes, pl pick the place.” พอส่งไปแล้ว ก็ไม่มี sms ตอบกลับจากหง ไอ้เราก็งงๆ เพราะปกติหงตอบ sms เร็วมาก หรือว่าไอ้หงมันยุ่งมากจริงๆ วะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันคงตอบมา จนประชุมเสร็จ ช่างแว่นเดินมาหาเราแล้วพูดว่า “ตกลงจะนัดอีกเหรอครับ แต่ตะกี้ในที่ประชุมก็ตกลงกันว่า จะไม่นัดแล้วนี่ครับ ตกลงจะเอางัยครับ” เราก็งงๆ ตอบไปว่า “ก็ไม่ได้นัดนี่คะ” แถมนึกในใจว่า เอ๊ะ ตานี่พูดจาไม่รู้เรื่องรึงัย แต่พอช่างแว่นถามกลับมาว่า “แล้ว sms นั่นคืออะไรครับ” เท่านั้นแหละ อิชั้นสติแตกทันที รีบคว้าโทรศัพท์มาดู ใช่จริงๆ ด้วย นี่อิชั้นเบลอได้น่ากลัวมาก กรูจะบ้าตาย ถึงว่าดิ หงเงียบๆ ไป ทั้งๆ ที่ปกติตอบ sms เร็วปรี๊ดสมดังอยู่ในแวดวงโทรคมนาคม เลยต้องขอโทษขอโพยช่างแว่นใหญ่ เขาหัวเราะแล้วบอกว่า “นี่คุณหนิงท่าจะทำงานหนักไปแล้วนะครับ ระวังผิดพลาดบ่อย รถไฟจะชนกันได้นะครับ” แหม... ก็อยากจะมีซักขบวนเหมือนกันละค๊า...

คราวนี้เลยต้อง sms ด้วยสติสัมปะชัญญะ และหงก็ตอบกลับมาใน ๓ วินาที ปุ๊กบอกว่า ดีเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ sms ผิดไปให้ไอ้น้ำเต้าหู้ เราว่าถ้าเป็นยังงั้น เราคงฆ่าตัวตายแน่นอน... แต่ในใจก็คิดว่า เออ... แต่ก็ยังดีที่เรา sms ไปว่า เราตอบรับนัดดินเนอร์ ช่างแว่นเลยมาถามเราตกลงนัดอะไร นี่ถ้าเรา sms ไปแนวขอนัดดินเนอร์ละก้อ... ไม่รู้ช่างแว่นจะคิดไปถึงไหนต่อไหนรึป่าวว่า เราจะแอบหลงรักเขาน่ะ คิดแล้วก็ให้สยองจริงๆ เลย...

Saturday, November 22, 2008

ได้แฟนแล้วเฟ้ย หุหุหุ...

จู่ๆ ไอ้น้ำเต้าหู้ (ปุ๊กตั้งชื่อให้มัน เพราะมันขยันซื้อน้ำเต้าหู้มาให้อิชั้นกินอยู่ได้ แต่ใครจะไปกินลง แหวะๆ) ซึ่งเป็นคนบริษัทเดียวกันอีตา ปส. และทำงานเห็นหน้ากับอิชั้นมาเป็นปี มันเกิดจิตตกมาหลงรักเรา ไอ้บ้าเอ๊ย มีลูก-เมียแล้ว ยังไม่สำนึก นี่เห็นว่าอิชั้น desperate มารึงัย ถึงจะได้ยอมลดตัวไปเป็นเมียน้อยแกน่ะ เราไปปรึกษาหญิงกับปุ๊กว่า จะหาวิธีกำจัดมันออกไปจากชีวิตยังงัย แต่ ๒ คนนี้หัวเราะใหญ่บอกว่า ให้ไหลๆ ไปเรื่อยๆ ให้เราหลอกมันไปเรื่อยๆ มันจะได้เป็นไส้ศึกให้เรา เฮ้ย... ทำไม ๒ ป้าถึงได้ใจตรงกันขนาดนี้ มิเสียแรงที่คบกันมานานจริงๆ วะ

เราเลยต้องคิดเอง สุดท้ายก็ได้มา ๑ มุข คือ เรามีแฟนแล้ว ตอนแรกเรากะไปพึ่งไอ้อู๊ด แต่ไอ้อู๊ดก็ดันเล่นตัวสุดฤทธิ์อ้างว่า กลัวบรรดาน้องๆ สาวๆ ของมันจะเข้าใจผิด โธ่... กลัวพี่จิงจะเข้าใจผิดก็บอกมาตรงๆ เต๊อะ กำลังคิดว่าจะไปมุขไหนดี ก็ให้เผอิญว่า ต๊ะโทรมาบอกว่า จะขอมาดูโครงการ เรารีบว่างทันที พาชม Showflat ไปทั่ว แล้วไปกินข้าวกัน ๕๕๕... พี่น้องค่ะ อิชั้นมีแฟนแล้วนะ รู้ไว้ซะด้วย... เอิ๊กๆ

ต๊ะดูผอมอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าตัวบ่นอยู่ได้ว่าอ้วน แต่ที่แน่ๆ เรา ๒ คน เป็นคนแก่คุยกัน เพราะผลัดกันบ่นเรื่องเด็กสมัยนี้มันทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง จนเราต้องพูดว่า สงสัยเรา ๒ คน จะแก่แล้วจริงๆ ตอนเราพึ่งทำงานใหม่ๆ เรา ๒ คน ก็อาจจะไม่เอาถ่าน และนายเราก็นั่งบ่นกับเพื่อนอย่างนี้ก็ได้นะ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดต๊ะได้ เพราะต๊ะยืนยันว่า ตอนเขาทำงานใหม่ๆ เขาตั้งใจมากกกกก (ไม่อยากจะเชื่อเลย ๕๕๕...) แต่เรื่องที่เรา ๒ คน พูดแล้วปลื้มเหมือนกัน คือ การไปเที่ยวแบบชิลๆ ต๊ะปลื้มเชียงใหม่มาก แถมช่วงนี้มีงานที่โน่นด้วย เลยหาเรื่องไปใหญ่เลย ชนิดแม่ทักว่า ไปแอบมีลูก-เมียไว้ที่โน่นรึป่าว เราเลยตั้งใจว่า ไปเที่ยวเชียงใหม่คราวนี้ เราจะขอเที่ยวแบบชิลๆ บ้าง เพราะจะว่าไป ก็ยังติดใจทริปมัลดีฟส์มาก เพราะมันได้พักจริงๆ... อยากไปเที่ยวเชียงใหม่เร็วๆ จังเลย...

ตกค่ำหมะโทรมาบอกว่าแจ้โดนขโมยขึ้นบ้านอีกแล้ว คราวนี้ได้โน๊ตบุ๊คกับหล้องถ่ายรูปไป งานนี้หมะเลยโวยวายว่าต้องย้ายบ้านแล้ว เพราะโจรมันจ้องอยู่ อีกน่อยมันอาจอุกอาจอุ้มเด็กไป เพราะบ้านนี้มีแต่ผู้หญิง เราว่าปีนี้แจ้ดวงไม่ดีเลยวะ เป็นปีชงของจริง ส่วนคุณสามีไม่เห็นเดือดร้อนอะไรมากไปกว่าการต้องซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่ ฟังแล้วเซ็งชะมัด แต่ก็ไม่อยากไปถามให่ยิ่งรมณ์เสียขึ้นไปอีก เราเลบบอกว่า ให้เอากล้องเราไปใช้ก่อนละกัน (ไม่ได้แต่งงานก็มีข้อดีอยู่นิดนึงนะเนี่ย...)

Sunday, November 16, 2008

หลอกกันเล่นรึป่าวววว...

อยู่ 3 ทุ่ม มา ๑ ปีแล้วนะ ไหนพี่ณัฐบอกว่าจะหาคนมาช่วยงัย จะหลอกกันไปถึงไหนคะ ทำไมถึงได้สัมภาษณ์คนใหม่ไม่ผ่านซะที พี่วิลอยากได้เทพมาทำงานรึคะ ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป อิชั้นคงไม่ต้องลาออกแล้ว เพราะจะโดนไล่ออกแทน เพราะงานทำไม่ทันเยอะมาก พอกหางซะจนลุกจะไม่ขึ้นแล้ว แถมใครเอาไฟมาลนก้น เราก็ไม่ค่อยเดือดร้อน เพราะดินที่พอกพูนอยู่ที่หางมันช่วยสกัดความร้อนไปเยอะมาก (วันก่อนช่างนะเจอคำถามเราเข้าไปถึงกับอึ้งกิมกี่ ก็แค่เราถามว่า จะให้ approve แบบก่อน หรือจะให้ออก site instruction ก่อน ให้เลือกมาเดี๋ยวนี้ เพราะทั้ง ๒ อย่างนี้ เราทำคนเดียว) แถมยิ่งเห็นสัมภาษณ์ Resident Architect แล้วยิ่งหนาว นึกในใจว่า นี่ถ้าเราต้องเข้าสัมภาษณ์กับพี่วิลก่อนทำงาน เราจะได้ตำแหน่งที่ทำอยู่ไม๊ฟระเนี่ย...