Friday, September 8, 2006

ขึ้นคานแน่ชั้น

คุณ จ.ท. โทรมาแนะนำงานใหม่ คราวนี้เป็นบริษัทมือถือแห่งนึง เงินเดือนไม่มากไม่มายอะไรแค่ ๑๕๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ฟังแล้วเลือดกำเดาแทบไหล เฮ้อ... เสียดายสุดๆๆๆ และแล้วก็เป็นอีกครั้งที่เราได้ประกาศก้องว่า "ดวงงานกระฉูดขนาดนี้ ไม่ได้แต่งงานแน่เรา..." -_-"

8 comments:

Anonymous said...

เงินเดือนแสนห้า แล้วทำไมไม่ไปทำอ่ะ ??

Anonymous said...

1. มันต้องเดินทางย่านอินโดไชน่าตลอด ๒ ปี เราแก่แล้ว ทำงานลำบากมากๆ ไม่ไหว (ตอนหลังไอ้อู๊ดก็ได้ offer นี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่เอาด้วยเหตุผลเดียวกับเรา)

2. พี่ที่นี่เขารอเรา ๒ เดือน พอมาทำได้ ๒ วัน ก็มาขอลาออก ดูมันจะใจหมาไปหน่อย

3. เรามาทำงานที่นี่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเรื่องเงิน หรือบริษัทเก่าไม่ดีนิ

Anonymous said...

เดินทางเยอะๆ เผื่อเจอเนื้อคู่ที่สนามบินนะพี่หนิง

Anonymous said...

แล้วเหตุผลไรวะ ใกล้เจ้าชาย ??

Anonymous said...

เหตุผลหลัก คือ เราไม่อยากกินข้าวเย็นคนเดียวหน้าทีวีอีกแล้ว (ยิ่งถ้ากินมาม่าช้อนสั้น อาจหดหู่ถึงขนาดฆ่าตัวตายได้) เลยตั้งใจว่า จะอยู่ที่เก่าถึงสิ้นปี รับโบนัสแล้วก็จะลาออกกลับไปอยู่บ้าน ซึ่งอาจจะทะเลาะกับแม่วันเว้นวัน ก็ยังรู้สึกดีซะกว่าอยู่คนเดียว แล้วก็อาจจะเป็นอาจารย์ Part time เพราะเราเสียดายความรู้ที่ทำงานด้านนี้มาตั้งสิบกว่าปี ยิ่งตอนหลังมารู้ข่าวแม่นิจไม่สบาย เรายิ่งรู้สึกว่า เราตัดสินใจถูกแล้ว เพราะปีนี้แม่เราก็ปาเข้าไป ๖๗ แล้ว

ซึ่งในระหว่างที่รอโบนัสนี้ พี่ณัฐก็โทรมาขอร้องให้เราช่วยรับงานนี้หน่อย เพราะเป็นงานแรกของบริษัทเขาเลย ซึ่งในเวลากระชันชิดขนาดนี้ เขาหาคนลงไปภูเก็ตไม่ได้จริงๆ (ซึ่งพี่ณัฐจะได้คนในประมาณต้นปีหน้า แล้วเราค่อยลาออก แต่ถ้าเราเปลี่ยนใจอยู่ต่อ พี่ณัฐจะยินดีมากกว่า) เราเลยรับปากช่วยพี่ณัฐ ๖ เดือน เพราะถ้าเราอยู่ที่เก่าถึงสิ้นปี บริษัทก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเรา แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราช่วยพี่ณัฐมันจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับพี่ณัฐ แล้วเรากับพี่ณัฐก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมานานแล้ว เราเลยเอาโบนัสที่คิดว่าจะได้จากที่เก่าบวกเข้าไปในเงินเดือน แล้วก็มาอยู่ภูเก็ต ไม่ได้บวกค่าเบี้ยกันดารที่มาอยู่ต่างจังหวัดเลยด้วยซ้ำ

ก็สรุปว่ามาอยู่ภูเก็ตด้วยความบังเอิญอย่างนี้แหละ (ไม่ต้องแปลกใจ เพราะจริงๆ แล้วเราไม่ใช่คนเข้มแข็งหรอก)

Anonymous said...

แม่ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดนะ วันนึงเราไม่มีแม่ เราก็ต้องอยู่คนเดียว คงเศร้าพิลึก แต่มันก็หนีภาวะอยุ่คนเดียวกินข้าวคนเดียวหน้าทีวีทุกวันไม่พ้นอ่ะ

เหมือนหลายๆเรื่องที่คิดจะทำ คือเราต้องเตรียมตัวและหัวใจสำหรับภาวะต่างๆที่เราไม่อยากเป็น แต่หนีไปไหนไม่ได้ เช่น การต้องอยู่คนเดียว เจ็บป่วยไม่มีคนดูแล เจ็บป่วยแล้วทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ต้องเตรียมใจซะตั้งแต่วันนี้ ให้กำลังใจตัวเองเพื่อให้ผ่านภาวะนั้นไปให้ได้ แบบไม่ทุกข์มาก

แต่เหตุผลที่จะไปดูแลแม่ก็ดีนะ เดี๋ยวนี้เรากะแม่ก็พยายามจะยอมๆกัน เพราะรู้สึกเลยว่าเรามีเวลาเหลือด้วยกันไม่มาก

Anonymous said...

ตอบนิจ

ไม่เอาหรอก ขี้เกียจต้องไปซื้อเก้าอี้ที่สนามบินกลับมาเป็นที่ระลึกอ่ะ ; p

Anonymous said...

แปลว่าพี่ตั้งสมมติฐานว่า พี่จะได้เจอคนรวยที่โรแมนติก(หรือว่าโง่ในความรู้สึกป้าๆ)