Thursday, October 18, 2007

เวลาแห่งความสุข ; )

จุ๊กลับมาเมืองไทย เลยนัดกินข้าวกันกับเพื่อนๆ เตรียมฯ คราวนี้เปลี่ยนไปนัดที่บ้านยุทธ เราไปถึง ๒ ทุ่มหน่อยๆ แต่จุ๊กับเคนยังมาไม่ถึง จนเพื่อนๆ แซวว่า สงสัยเจ้าภาพจะเบี้ยวซะแล้ว ซักพักนึง จุ๊กับเคนก็มาถึง คราวนี้มากินกันสิบกว่าคนนิดๆ มีเบ้มาด้วย เลยทำให้ยุทธมีคู่หู-คู่ฮา แถมยังมีตี๋มาทำตัวขำให้เพื่อนๆ ได้แซวกันอีก เลยเป็นการกินข้าวที่ขำมากๆ ฮาทุก ๕ นาที จนจุ๊พูดว่า อยากมาบ่อยๆ เพราะตลกมากๆ เราก็ขำตลอด มานั่งนึกๆ ดู บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาที่เป็นกิจจะลักษณะ เพราะเล่นปล่อยมุกแซวตี๋กับอู๊ดตลอด ขนาดฤทธิ์ถามเราเรื่องงาน เราพึ่งจะตอบได้ ๑ ประโยค เบ้ก็เอามาเป็นมุขแล้ว เลยไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ มัวแต่มุกกัน กว่าเราจะพลิกดูนาฬิกาครั้งแรกก็ปาเข้าไป ๕ ทุ่มกว่า ทำเอาตกใจ เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจริงๆ และเราเข้าใจเลยว่า ทำไมฤทธิ์ดูสบายใจ-มีความสุขมากๆ เวลาพูดถึง moment พวกนี้ และมักพูดกับเราว่า เป็นโชคดีของฤทธิ์ที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ และวันนี้ฤทธิ์ก็ดูรีแลกซ์มากๆ แถมแซวเราว่า คงไม่พ้นต้องลงเอยกับอู๊ดแน่ๆ เราบอกว่า "รอให้ชั้น ๔๐ ก่อนเหอะ" ฤทธิ์หัวเราะแล้วบอกว่า "งั้นก็อีกไม่นานดิ" เราบอกว่า "อีก ๓ ปีกว่าๆ ยะ" ฤทธิ์เลยพูดว่า "แล้วที่ผ่านมา ๓-๔ ปี เธอว่ามันเร็วไม๊ล่ะ" ทำเอาเรากลายร่างเป็น "อึ้งย้ง" ทันที นั่นดิ กระพริบตาอีกทีก็คงถึงแยกหลักสี่แล้ว พอฤทธิ์เห็นเราอึ้งไปอีกรอบ คราวนี้ก็หัวเราะใหญ่เลย

ฤทธิ์ถามว่าเราเป็นงัยบ้าง พอบ่นว่างานหนักมากๆ มันดันพูดว่า แค่นั้นไม่เห็นมากตรงไหน มันทำงานตลอด มีเวลานอนแค่วันละ ๓ ชม. นั้น แถมไม่ได้พักร้อนมา ๔ ปี เราก็เถียงเสียงอ่อยๆ ว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหมื่นล้านเหมือนมันนะ มันเลยตั้งท่าจะเทศเรายกนึง เราเลยรีบเปลี่ยนที่นั่ง ขี้เกียจฟังมันเทศอ่ะ

เกือบๆ เที่ยงคืน เคนก็ขอกลับ เรากับเพื่อนๆ อีก ๒-๓ คน เลยได้ทีลุกด้วย เพราะพรุ่งนี้เรามีประชุมตั้งแต่ ๙ โมงเช้า ซึ่งเรายังไม่ได้อ่านเอกสารเลย แต่เบ้บอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ พูดหลายๆ ครั้งเข้า เราต้องหันมาบอกเบ้ว่า พอได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่ามันคือวันเสาร์จริงๆ ละก้อ ชั้นจะซวยมากถึงมากที่สุด คราวนี้เลยได้กลับจริงๆ และแวะไปส่งจุ๊กับเคนที่โรงแรมด้วย แต่ได้คุยกันนิดหน่อย เพราะมัวแต่หาทางกลับกันอยู่ จุ๊บอกให้เคนหาแฟนให้เรา เราจะได้ย้ายไปอยู่อเมกากับจุ๊ เราเลยบอกว่า ให้รีบๆ หน่อย เพราะปุ๊กหาหนุ่มญี่ปุ่นให้เราแล้วคนนึง เดี๋ยวเราจะเลือกไม่ถูก ; D

วันนี้เราฮามากกว่าปกติ คงเป็นเพราะเราได้นั่งข้างเบ้ เลยทำให้บางทีมีมุกกัน ๒ คน ด้วย แล้วเลยให้นึกถึงตอนที่นั่งรถกลับจากเชียงใหม่ด้วยกัน เบ้กับยุทธช่วยกันปล่อยมุกตลอดทาง ทำเอาระยะทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ดูสั้นไปถนัดใจ และจำได้ว่าเหตุการณ์ล่าสุด คือ เราเครียดกับงาน แล้วหงษ์โทรมาพอดี หงษ์บอกว่า ให้ฟังเรียนเมืองนอกที่เบ้เป็นคนถูกสัมภาษณ์ดิ สนุกดี น่าจะช่วยให้เรารู้สึกดี เรารีบไปโหลดมาฟัง แล้วมันก็เป็นอย่างที่หงษ์บอกจริงๆ ด้วย เราฟังไปอมยิ้มไป และนึกภาพตามที่เบ้เล่าได้ชัดเจน เรียกว่านึกหน้าเบ้ตอนนั้นออกเลยล่ะ พอกลับมาจากกินข้าว เราเลยมาค้นอีเมลล์เก่าๆ ของเบ้มาอ่านดู เพราะเราสังเกตว่า เบ้มักจะมีคำลงท้ายอีเมลล์ที่น่ารักๆ เสมอ อย่าง

Wanna be happy, then be. หรืิอ

The world is such a wonderful place to wander through.
When you've got someone you love, to wander along with you.
The sky's so full of stars, and the river's so full of songs.
Every heart should be so thankful,
Thankful for this friendly, friendly world.

เลยให้เผลอใจอิจฉาแฟนเบ้ว่า อยู่กับเบ้คงมีความสุขทุกวัน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ นั่นคือ สิ่งที่เราเห็นภายนอกเท่านั้น เพราะหงษ์เคยบอกเราว่า มีอยู่หนนึงกินข้าวกัน แล้วมีคนพูดเรื่องที่ตัวเองเครียดๆ อยู่ขึ้นมา คราวนี้เลยมาแนวเครียดกันใหญ่ รวมทั้งเบ้ด้วย หงษ์บอกว่า ทุกๆ คนที่เรื่องเครียดๆ กันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่มันไม่สนุกที่จะเล่า เวลามาเจอกันเลยเลือกที่จะคุยแต่เรื่องสนุกๆ จะได้ลดความเครียดในชีวิตงัย เราเลยค่อยทำใจไม่อิจฉาแฟนเบ้ลงได้นิดหน่อย

แต่ที่เราเป็นห่วงเบ้ คือ เรื่องสูบบุหรี่กับกินเหล้าตะหาก เบ้กินเหล้าจนเข้าโรงพยาบาลมาด้วยโรคตับแล้วครั้งนึง แต่พอหาย ก็กลับมากินเหล้าอีกแล้ว ถึงเบ้จะกินเหล้าเพื่อสังสรรค์ก็เหอะ แต่สังสรรค์บ่อยและหนักขนาดนี้ มันน่าจะเป็นอันตรายกับสุขภาพนะ เราเลยอดไม่ได้ต้องพูดไปนิดนึงว่า เบ้ไม่กลัวกลับมาไม่สบายอีกเหรอ เบ้ตอบว่า เบ้ไม่ตายเพราะการกินเหล้าเยอะหรอก แล้วก็กินต่อ เราเลยได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าแฟนเบ้จะเตือนเบ้บ้างรึป่าว ก็ได้แต่หวังว่าเธอคนนั้นจะดูแลเบ้ดีๆ …

ปล. เพื่อนสนิท(ที่เรา)คิดไม่ซื่อคนนี้จะมีนิทรรศการใหญ่ที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ เดือนธันวาคมนี้ เราตั้งใจมากว่าจะไปดูให้ได้!

No comments: