Sunday, October 15, 2006

ช่างเป็นคนใจเย็นจริงๆ

จากตามปกติที่บ้านเราจะเลี้ยงข้าวกันตอนเย็น แต่เนื่องจากเราต้องไปขึ้นรถตอนทุ่มนึง เลยต้องเปลี่ยนมาเลี้ยงวันเกิดป๊ากันตอนมื้อกลางวัน วันเกิดป๊าปีนี้มีส่วน-น้องสะใภ้เรามาเพิ่มอีก ๑ คน และปีหน้าก็จะเพิ่มหลานอีก ๑ คน เพราะส่วนท้องได้เกือบ ๘ เดือนแล้ว เลยทำให้โต๊ะจีนขนาด ๑๐ ที่นั่ง ที่เคยใหญ่เหลือเฟือสำหรับครอบครัวเราดูเล็กไปในทันที เพราะจากที่เคยนั่งกัน ๕ คน ปีนี้นั่งกัน ๙ คนแล้ว (อันนี้ทำให้หมะต้องเปลี่ยนขนาดโต๊ะกินข้าวที่บ้านด้วยจากโต๊ะกลมขนาด ๘ ที่นั่ง เป็น ๑๒ ที่นั่ง แต่จนป่านนี้ยังหาซื้อไม่ได้ สงสัยจะต้องสั่งทำ และหมะก็ยืนยันว่า ต้องเป็นโต๊ะกลมเท่านั้น แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่เอาเด็ดขาด เพราะโต๊ะกลมมันออกเสียงพ้องกับคำว่า "กลมเกลียว" ในภาษาจีนกลาง หมะชอบความหมายคำนี้มาก) มื้อนี้เรารู้สึกดีมากๆ (พักหลังๆ นี่ เราชอบ Family Event มาก) แล้วก็นึกปลอบใจตัวเองว่า ปีหน้าของวันนี้เราก็จะได้กินแบบสบายๆ ไม่ต้องลำบากลำบนเดินทางมาไกลๆ แล้วพอรู้สึกดีๆ ก็ต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกแล้ว ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะเป็นแบบนี้ ดีใจจัง...

พอเย็นป๊ากับหมะก็ไปส่งเราที่ บขส. ปัตตานี แต่เกี๊ยกยังไม่มาไม่ถึง ต้องรออีกพักใหญ่ๆ เกี๊ยกถึงจะมา แล้วพอเราได้ยินเกี๊ยกหลุดปากออกมาว่ารู้สึกเหนื่อย เราเลยรู้สึกผิดหน่อยๆ ที่มัวแต่น้อยอกน้อยใจที่เกี๊ยกมาช้า ทั้งๆ ที่จริงๆ เขายุ่งมาก เลยตั้งใจว่าต่อไปจะพยายามไม่วีนเขา จะพยายามอดทนให้มากขึ้น เราเลยถือโอกาสถามเขาเรื่องที่คุยกับอี้อีกครั้ง เขาก็ตอบเลี่ยงๆ ไม่ยอมบอกความจริงกับเรา เราเลยต้องปล่อยไว้แค่นั้น anyway เราสังเกตว่า (ถ้าไม่ได้เข้าข้างตัวเองอะนะ) เกี๊ยกไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่เจอเรา ดูเขายิ้มแย้มมีความสุขดีอีกต่างหาก (เราชอบตอนเกี๊ยกยิ้มที่สุดเลย ยิ้มซะตาหยี ดูใจดีมั่กๆ) เราเลยค่อยสบายใจหน่อย และมีกำลังใจที่จะจีบเกี๊ยกต่อไป : D แต่ขอนินทาหน่อยเถอะว่า เฮียเป็นคนใจเย็นมากๆ ทั้งๆที่เลยเวลานัดแล้ว ยังจะไปแวะตลาดนัดซื้อของกินให้เราอีก แทนที่จะรีบมา (เลยไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธหรือไม่โกรธดี…) แต่ก็โชคดีที่รถเลท เลยได้คุยกันนานหน่อย งานนี้เราเลยมีข้าวเกรียบปากหม้อเป็นอาหารเช้าไปกินที่ภูเก็ต : )

1 comment:

nitbert said...

หวานแหววจนน่ากลัว... เอ้ย น่าอิจฉา 555