Monday, July 14, 2008

คนมารยามทราม

เมื่อวันศุกร์ตาป.ส. มาอัดเราเรื่องแทงเรื่องไปผิดที่ แล้วโยนเอกสารข้ามโต๊ะมาหาเรากลางห้องประชุม เรางี้ปรี๊ดเลย บอกมันว่า คืนมาให้เราดีๆ ก็ได้ เอกสารตั้งเยอะ เราก็ต้องมีพลาดบ้าง ทำแบบนี้เรารับไม่ได้ มันยังจะมาทำท่ายักไหล่ใส่เราบอกว่า ไม่เห็นเป็นไร เรางี้ปรี๊ดสุดขีด ต้องพูดกลับไปเลยว่า ทีมันกับพวกตอบเอกสารผิดๆ ถูกๆ เราไม่เคยทำแบบนี้เลยนะ ฉุนจนต้อง Walk Out ออกมา เลิกประชุมแม่งเลย โกรธจนมือเย็นไปหมด พอใจเย็นลง ก็เสีย Self เล็กๆ ว่า นี่เรากวนตีน หรือ Aggressive ขนาดมีผู้ชายเกลียดหน้าขนาดนี้เลยรึเนี่ย

พอมาวันนี้มันยังไม่เลิกทะเลาะกับเรา พอเสร็จประชุม Technical Meeting โอนเนอร์ (ชช.) มาคุยกับเราเรื่องการประสานงาน-การแจ้งข้อมูล เราเลยจับได้ว่า มันตามไปฟ้อง ชช. ว่าเรากั๊กข้อมูล เลยทำให้มันลีดประชุมได้ไม่มีประสิทธิภาพ ไอ้ห้าเอ๊ย รู้ช้าไปแค่ ๒ ชม. นี่อ่ะนะ (รวมพักเที่ยงอีกตะหาก) เราว่าเราจะเมลล์แจ้ง หรือจะแจ้งในห้องประชุม มันก็ไม่ต่างกันหรอก อีกอย่าง มันเป็นแค่การ Confirm ด้วย เท่านั้นแหละ เราเลยตบะแตก ฟ้อง ชช. คืนบ้างทันที รีบเล่าเรื่องวันศุกร์ให้ ชช. ฟัง (ตอนแรกกะเฉยๆ แล้วนะ) พร้อมชี้แจงเรื่องแจ้งข้อมูลช้าไป 2 ชม. ให้ ชช. ฟัง เขาฟังแล้วอึ้งไปเลย เราเลยรัวไปเป็นชุดว่า ตั้งแต่ทำงานมา เราไม่เคยไปว่าอะไรมันให้ ชช. ฟังเลยนะ แต่มันเล่นเราไปกี่ดอกแล้วล่ะ เราก็โกรธเป็นนะ (สวมวิญญาณนางเอกสุดฤทธิ์) ชช. เลยพูดเบาๆ ว่า ตาปส. ทำไม่ถูก จากที่จะมาเตือนเรา เลยกลายเป็นต้องไปเตือนตา ปส. แทน เราเลยพูดเสียงเรียบๆ ว่า “ช่วยพิจารณาเปลี่ยน Resident Engineer ด้วยค่ะ”

สรุปว่างานนี้ เราไม่ต้องพึ่งหนังสือ “มารยาทในการทำงาน” แล้ว เพราะเราคิดว่า มันไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีมารยาทกับคนมารยาททรามอย่างมันอีกต่อไป!

1 comment:

Anonymous said...

นางเอกจริง ต้องน้ำตาคลอเบ้านะ เท่าที่อ่านแกยังไม่ถึงขั้น