Sunday, February 8, 2009

ปฏิบัติการลับฮอกไกโด

สัญญลักษณ์ของโตเกียว


แสงสีชินจูกุยามคำคืน


ทางเท้าที่อาคิฮาบาระ




สัญลักษณ์ของวัดอะซากุซะ
อาทิตย์ที่แล้วซัดไป 4 ทุ่มทุกวัน นายก็ไปดำน้ำ แถมมี Project Meeting อีกตะหาก ทำเอาเกือบตาย โชคดีที่พี่รอสไม่มา ไม่งั้นคงตายไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ฤทธายังเคลม EOT มาอีก กรูจะบ้าตาย จนเมื่อวานก็ยังซัดไป 5 ทุ่ม จนอดไปคาราโอเกะของบริษัท แต่เพื่อการท่องเที่ยวของเรา เฉลิมพรเลยสู้ตาย จนบ่ายนั่นแหละถึงได้นัดไปส่งมอบงานกับพี่ณัฐที่สตาร์บัคส์แถวบ้าน ปล่อยให้แกเผชิญโชคซะบ้าง แถม CM กับ PK ก็ไม่อยู่ซะด้วย ดูดิว่าจะรอดไม๊ แต่ในฐานะลูกน้องที่ดี เราก็นั่งเขียนสคริป์ให้แกเป็นที่เรียบร้อย ลงรายละเอียดแม้กระทั่งว่า เรื่องนี้ต้องถามใคร ใครจำเป็นต้องตอบบ้าง เพราะคิดว่าถ้าเล่าให้ฟังเฉยๆ แกคงลืมภายใน 2 ชม. ขอให้โชคดีนะคะ

ไม่รู้เป็นอะไร หมู่นี้ต้องเที่ยวแบบหลบๆ ซ่อนๆ อุตส่าห์ได้ไปดูงาน(ท่องเที่ยว)ที่ญี่ปุ่น ก็ต้องไปแบบหลบซ่อน เพราะ CM กับ PK หนีพี่วิลไป เลยมาบังคับให้เราช่วยปกปิดความลับด้วย เออ... เอากันเข้าไป

เราไปถึงสนามบินเร็วมาก เพราะรถไม่ติดเลย จนปุ๊กแซวว่า กลัวจะไม่ได้ไปรึงัย แต่จริงๆ หมะบอกว่าให้ไปตั้งแต่ 5 โมงเย็น (Flight เที่ยงคืนเอ๊ง) ตื่นเต้นยิ่งกว่าอีกแน่ะ งานนี้เลยมีเวลาเดินช้อปปิ้งอย่างสบายใจ สอยกระเป๋ามาใบนึง แต่แหม... อยากได้ ท้อดส์ จังเลย สงสัยต้องไปสอยที่ปารีสสงกรานต์นี้ซะแล้ว ฮ่าๆๆ

บนเครื่องมีทีวีส่วนตัว เราเลยเลือกดูสามก๊กภาค ๑ เพราะจำได้ว่าพี่ณัฐชมนักชมหนาว่าถ่ายสวย เออ ก็ถ่ายสวยจริงๆ ด้วย ผ้าคลุมปลิวไสวตลอดเวลา สมกับที่พี่จอนห์นเป็นผู้กำกับ ส่วนน้องทาเคชิโรน่ารักมากมายไม่เปลี่ยนแปลง อิอิอิ... แต่ดูไป ก็กังวลไป เพราะเล่นไม่ได้นอนทั้งคืนแบบนี้ พรุ่งนี้จะรอดไม๊ฟระ สงสัยได้อัดกาแฟแทนน้ำแน่... เฮ้อ... พอหนังจบ เราหลับได้ 2 ชม. ก็โดนปลุกมากินข้าว งานนี้มากัน 14 คน (รวมเจ้าภาพ 3 คน) กับไกด์ผู้หญิงญี่ปุ่นอีก 1 คน (ชื่อ ยูมิ) มีแขกเป็นผู้หญิงแค่ 2 คน คือ แฟนของ CM กับเรา เราเลยได้นอนเดี่ยวทุกวัน แสนสบาย หุหุหุ... (จะว่าไป ถ้าหมูมาด้วย ก็ได้เลยนะเนี่ย...)

เราอุตส่าห์เอาโทรศัพท์ไปด้วย แต่ดันใช้ไม่ได้ซะนิ เพราะมันไม่รองรับ 3G แหมโว๊ย... เลยให้รู้สึกสงสารสุ มันจะรอดไม๊วะ อุตส่าห์บอกมันว่า เราเอามือถือไป มีอะไรให้โทรได้เลย รู้งี้เอาโน๊ตบุ๊คมาดีกว่า จะได้เช็คเมลล์ เฮ้อ... สู้เขานะสุ

วันแรกไปเที่ยววัดอะซากุซะกัน ระหว่างทางผ่านตึกเบียร์อาซาฮีด้วย เห็นปุ๊ป จำได้ปั๊ป คิดถึงความหลังขึ้นมาเชียว เสียดายถ่ายรูปไว้ไม่ทัน และเนื่องจากคณะเราไปถึงกันเช้ามาก ร้านเลยยังไม่เปิด (เอาอีกล่ะ มาไม่ค่อยจะเจอร้านเปิด สงงสัยต้องมาอีก ฮ่าๆๆ)

แล้วก็ไปปล่อยที่อากิฮาบาระ (ขายสินค้าอิเล็คทรอนิคส์) เราเดินหาร้านมูจิซะเหนื่อย ถามคนญี่ปุ่นก็ไม่มีใครรู้ แต่ก็เป็นไปได้แหละ ย่านนี้ไม่น่ามี ตอนหลังไปเจอผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงมาให้เราช่วยกรอกแบบสอบถาม เลยช่วยเต็มที่ (แบบว่ามันว่างอ่ะ) เขาเลยให้ถุงเท้ามา 1 คู่เป็นการตอบแทน แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือเราเรื่องมูจิได้ เชอะ เลยเปลี่ยนไปหาเฮ้าส์ซิ่งของกล้องใหม่เรา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน กูรละเบื่อ...

ตกเย็นก็เช็คอินเข้าที่พัก เรามีเวลา 1 ชม. เลยนั่งคอมเม้นท์ schedule ของฤทธาแล้วส่งเมลล์ให้พี่ณัฐ (เจอไป 525 เยน) แล้วก็ได้เวลานัดกับ Akiko เราก็เลยปลีกตัวจากชาวคณะ หายสาปสูญไปจากกลุ่ม จนมีคนแซวว่า สงสัยเราจะหายไปกับหนุ่มญี่ปุ่นทั้งคืน แต่ในความเป็นจริง เราได้แต่เดินเล่นกับ Akiko แถวโรงแรม แล้วก็ไปหาข้าวกินกัน คุยกันสนุกใหญ่เลย เพราะไม่ได้เจอกัน ๑๒ ปี จะไม่สนุกนิดเดียวก็ตรงที่เขากังวลที่เราไม่แต่งงานซะที แหม... เราก็ Rating ดีนะเนี่ย พักหลังๆ มีเพื่อนๆมากังวลเรื่องนี้กันหลายคน กดดันเหมือนกันนะเนี่ย เฮ้อ... ที่จริงก็อยากจะแต่งงานม๊ากมาก... แต่ไม่มีหนุ่มมาขอซักที ก็ไม่รู้จะทำงัยนิ แล้วเลยไปหากาแฟกินกัน ก่อนจะแยกย้าย เพราะเราง่วงมาก พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย

3 comments:

me! said...

พี่หนิงมีความหลังอะไรกับตึกเบียร์อาซาฮีเหรอ

P'Puk said...

เสียดายนะ ตอนนั้นยังไม่เห่อ บลายธ์ มันงั้นจะสุขสุดๆกว่านี้

Anonymous said...

ตอบปุ๊ก นั่นดิ ร้านมันอยู่ใกล้ รร. ที่พักมากเลย

ตอบนิจ นึกถึงตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก กิ๊กเก่าพามาถ่ายรูปแถวนี้ แล้วเอาตึกอาซาฮีเป็น back ground เพราะหัวตึกดูประหลาดดีน่ะ

หนิง/ พี่หนิง