Friday, December 1, 2006

หนุ่มน้อยขวัญใจคนใหม่

ตอนแรกตกลงกันว่า เราจะลงรถที่ปัตตานี แต่พอดีเกี๊ยกมีธุระที่หาดใหญ่ เลยให้เราเปลี่ยนมาลงที่หาดใหญ่แทน แต่รถมาถึงหาดใหญ่เช้ามากๆ เกี๊ยกกับเราเลยตกลงกันว่า ให้รออยู่หาดใหญ่ไปจนกว่าจะสว่างแล้วค่อยขับรถกลับยะลากัน เลยต้องไปหาร้านกาแฟนั่งกัน แต่สงสัยเกี๊ยกจะง่วงมาก เลยขับรถสวนวันเวย์ จนโดนตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ประกบแล้วเรียกให้จอด (นี่ถ้าเป็นยะลาเราคงคิดว่าเป็นโจร จะต้องโดนยิงตายแน่นอน เฮ้อ…) แล้วคุณตำรวจก็อบรมเกี๊ยกเรื่องความปลอดภัยในการขับรถอยู่พักนึง ก็ปล่อยตัว ฮ้า… เรางี้งงจนขอบคุณคุณตำรวจแทบไม่ทัน แต่เกี๊ยกบอกว่า ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะตอนนี้ตำรวจคงไม่ค่อยเข้มกับพวกรถทะเบียน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นักหรอก เออ… ก็คงจริง พอมาถึงยะลา หมะงี้ดีใจมากๆ รีบทอดโรตีมาให้เกี๊ยกกิน ตัดเป็นชิ้นๆ มาเรียบร้อย ส่วนของเราให้ฉีกเอาเอง (อ้าว!) ก่อนกลับเราก็พาเกี๊ยกไปดูหน้าหลาน ซึ่งตามศักดิ์แล้ว หลานเราจะต้องเรียกเกี๊ยกว่า "อาแปะ" แต่เจ๊เนี๊ยว - Nanny ซึ่งรู้จักกับเกี๊ยก (เดี๋ยวจะนินทาต่อไป) บอกว่า อย่าเลย เพราะเกี๊ยกยังไม่ได้แต่งงาน แฟนเทียนเลยบอกว่า งั้นให้เรียกเฮียเกี๊ยกละกันจะได้ไม่ทำร้ายจิตใจกันจนเกินไป เกี๊ยกเลยรอดพ้นจากการเป็น "อาแปะ" แบบหวุดหวิด แต่พอเกี๊ยกกลับปุ๊ป เจ๊เนี๊ยวก็รีบถามเราทันทีว่า ทำไมเกี๊ยกมาที่บ้านเรา เราเลยต้องโกหกแกว่า เกี๊ยกมาธุระที่ยะลา แล้วเลยแวะมาเยี่ยมหลาน แต่ดูเจ๊จะไม่ค่อย convince แฮะ

พอเกี๊ยกกลับเราก็มีเวลามาชื่นชมหนุ่มขวัญใจคนใหม่ของเรา - ด.ช. เหวินเฉียง มันน่ารักมากๆ นอนทั้งวัน (มิน่าล่ะ รูปที่เทียนส่งมาถึงเป็นรูปเหวินเฉียงหลับตาพริ้มซะเป็นส่วนใหญ่) ไม่ค่อยร้องไห้ แล้วถ้าร้องไห้ ก็ไม่แสบหูเหมือนหลานสาว ๒ คนของเรา นับเป็นบุญของแม่มัน (ตอนแรกเราบอกกว่า นับเป็นบุญของพ่อ-แม่มัน แต่เฮียเกี๊ยกทักว่า ให้พูดอีกครั้งว่า จริงๆ แล้ว เป็นบุญของพ่อ-แม่ หรือเป็นบุญของแม่คนเดียวกันแน่ เราเลยมานั่งคิดๆ ดูใหม่ ในกรณีนี้ต้องถือว่าเป็นบุญของแม่ เพราะตอนกลางคืนเทียนหลับยาวตลอด ไม่เคยตื่นมาอุ้มลูกเลย ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก เพราะเสียงกรนเทียนดังกว่าเสียงร้องไห้ของลูกซะอีก) แต่มันตัวใหญ่มาก ดูแล้วเหมือนเด็ก ๓ เดือน มากกว่าเด็ก ๓ อาทิตย์ แต่เราก็ยังไม่กล้าอุ้มอยู่ดี เพราะกลัวจะทำลูกเขาคอหักไปซะก่อน เอาไว้เหวินเฉียง ๓ เดือน จริงๆ "เอ้อกู" ค่อยอุ้มหนูก็แล้วกันนะคะ งานนี้เรารอดตัวหวุดหวิด เพราะในภาษาจีนจะแบ่งแค่พี่สาว-น้องสาวของฝั่งพ่อ ซึ่งเรียกเหมือนกันว่า "กูกู" ในภาษาจีนกลาง หรือ "โกว" ในจีนแต้จิ๋ว กับพี่สาว-น้องสาวของฝั่งแม่ ซึ่งเรียกว่า "อี๋" หรือ "อี๊" งานนี้เราเลยไม่ต้องเป็น "ป้า" ให้ปวดใจ แล้วแจ้ก็สรุปว่าจะให้หลานเรียกเป็นภาษาจีนกลาง เราเลยได้เป็น "เอ้อกู" เเพราะเป็นป้าคนที่ ๒ ในขณะที่แจ้เป็น "ต้ากู"

อะแฮ่ม… หลังจากชื่นชมหลานเสร็จแล้ว ก็ถึงคิวนินทา "เจ๊เนี๊ยว" ซะที เจ๊เนี๊ยวปีนี้อายุประมาณ ๕๐ แต่งงานแล้ว แกมีอาชีพรับเลี้ยงเด็กทารกโดยเฉพาะ ซึ่งถือได้ว่ารายได้ดีมาก จัดเป็น Professional Service Fee ไม่ใช่ Wages เพราะเจ๊เนี๊ยวเรียกเก็บค่า Fee เลี้ยงหลานเราที่อัตรา ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน กิน-อยู่กับพ่อ-แม่เด็ก (ภาษีก็ไม่ต้องจ่ายอีกตะหาก) โดยเจ๊จะ Station ที่ยะลา ถ้าต้องเดินทางไปเลี้ยงที่อื่น เช่น กรุงเทพฯ ก็ต้องออกค่าเดินทางให้ด้วย นี่เจ๊ยังบอกอีกว่า ราคาที่เก็บเทียนนี่เป็นราคากันเองแล้วนะ เพราะตอนนี้เจ๊เรียกเก็บค่าบริการที่อัตรา ๑๗,๐๐๐ - ๑๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน ซึ่งเราก็เชื่อว่าเจ๊เนี๊ยวทำงานได้ดี เพราะเจ๊เนี๊ยวจะได้งานโดยการบอกต่อๆ กันมา อย่างพี่สาวเราก็ใช้บริการเจ๊เนี๊ยวทั้ง ๒ ครั้ง แล้วก็แนะนำมาให้เทียนด้วย แถมเจ๊ยังคุยให้ฟังว่า เจ๊โกอินเตอร์ฯ มาแล้วด้วย เพราะเคยบินไปเลี้ยงลูกให้พี่สาวเกี๊ยกที่เกาหลีมาแล้ว โอ้… :-O เราถึงรู้ว่า บ้านเกี๊ยกก็ให้เจ๊เนี๊ยวเลี้ยงหลานๆ ทุกคนเหมือนกัน (มิน่าล่ะ ตอนเจอกัน ทั้งสองคนถึงได้ชะงักกันนิดนึง) อืม… เชื่อแล้วว่า มืออาชีพจริงๆ แต่เราบอกเทียนว่า แต่ถ้าลูกโตแล้ว ก็ต้องเป็น "เจ๊หนิง" นะ เพราะสามารถสอนได้ทั้งวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นเลข, ฟิสิกส์, เคมี, ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน ฯลฯ และดนตรี ตลอดจนกีฬา - เทนนิส, สคอช, ว่ายน้ำ แถมดำน้ำด้วยอ่ะ คิดไม่แพง แค่เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เท่านั้น แถมยังสามารถขับรถรับ-ส่งได้ด้วยนะ คุ้มสุดๆ คิดดูให้ดีๆ ขอโบกกกกก…

หญิงโทรมาบอกว่า ตกลงจะไปฮ่องกงด้วยแล้ว เย้! ดีใจจัง ได้คนมาแชร์ค่าห้อง แต่ใจนึงก็กลัวหญิงจะเซ็ง เพราะต้องไปดีสนีย์ซ้ำกับปีที่แล้ว และคงไม่ได้ช็อปเท่าไหร่ เพราะมีเด็กๆ ไปด้วย เลยรับปากหญิงว่า คืนที่ ๒ เราจะออกไปเที่ยวกับหญิง เพราะเพื่อนหญิงที่ฮ่องกงจะพาไปดริ๊งค์ (ตอนนี้เราแก่แล้ว เลยไม่ชอบเที่ยวกลางคืนแล้ว) แต่คืนแรกขอไปบ้านดิวก่อนนะ

2 comments:

me! said...

พี่หนิง สคอช นะ ไม่ใช่ สคอช

ning_nee said...

ค๊า...