Tuesday, December 19, 2006

ฮ่องกง (หาดใหญ่) วันที่ ๓

พี่เก๋เอา VDO มา พวกเราเลยต้องทำงานเพิ่มโดยการ "พูด" ด้วย จะมายิ้มถ่ายรูปอบ่างเดียวไม่พอเสียแล้ว เราเลยถามว่า "มุก นี่เรากำลังจะไปไหนกัน" มุกตอบทันที "ไปหาดใหญ่!" เฮ้อ… หลานชั้น ยังอยู่หาดใหญ่อยู่เลย เราเลยต้องบอกแจ้ว่า นี่เตี๊ยมน้องมุกดีๆ นะ ถ้ากลับไปแล้วหมะถามว่า ไปไหนมา แล้วมุกตอบว่า ไปหาดใหญ่ละก็ หมะบ่นตายเลย (หมะยืนยันว่า มุกยังเด็ก พาไปก็จำอะไรไม่ได้หรอก เสียดายตังค์เปล่าๆ) นั่งรถประมาณ ชม. ก็มาถึงดีสนีย์ ก่อนอื่นต้องไปเช็คอิน เพราะวันนี้คณะเราเปลี่ยนพักที่ Disney Hollywood Hotel (ที่ Disney มีโรงแรม ๒ แบบ คือ แบบสี่ดาวที่เราพักกัน กับแบบห้าดาว)

ที่โรงแรมคนเยอะมาก นี่ขนาดเป็นวันธรรมดานะเนี่ย แต่ยังเข้าห้องพักไม่ได้จนกว่าจะบ่าย ๒ เราเลยไปเที่ยว Park กันก่อน พอถึง Park ก็มี Micky Mouse & Minnie ใส่ชุดคริสต์มาสให้ถ่ายรูป เรากับหญิงเลยรอถ่ายรูป ให้แจ้กับครอบครัวเข้าไปก่อน เพราะคิวยาวมาก พี่เก๋เลยฝากกล้องไว้กับเรา (มาเที่ยวนี้เราใช้กล้องพี่เก๋ตลอด เพราะของเราเป็น Ixus 5 ซึ่งดีกว่าของเรามาก) เพราะขี้เกียจถือทั้งกล้องและ VDO แล้วนั่นก็เป็นจุดที่คณะเราแบ่งเป็น ๒ คณะอย่างถาวร เพราะ message เรากับพี่เก๋ดีเลย์ประมาณครึ่ง ชม. แถมบางทีก็ได้ message ตอนที่คิวกำลังจะถึง หรือดูโชว์อยู่ เลยคลาดไปกันคลาดกันมาอยู่นั่น เรากับหญิงก็เล่นเครื่องเล่นอันเดิมๆ ที่เล่นกัน เราก็ยังชอบ 3D Show, Buzz Lightyear กับล่องแก่งเหมือนเดิม ส่วน Show ที่ไปดูเพิ่มใหม่มีแค่อย่างเดียว คือ Lion King Show ซึ่งตระการตาดีมาก แถมจุคนทีละเป็นหลักร้อย แถมไม่ต้องคิวเลย เราว่าคราวนี้ดีสนีย์จัดการได้ดีขึ้น เพราะคิวสั้นกว่าเดิมมาก

พอบ่าย ๓ เราก็ไปรอดูพาเหรด ปรากฎว่าระหว่างรอก็มี จนท. มาบอกให้เราย้ายที่เพราะที่เรารอเป็นที่ Reserve สำหรับรถเข็นคนพิการหรือคนแก่ เราก็ลุกเปลี่ยนที่โดยลืมกล้องถ่ายรูปไว้ พอนึกขึ้นได้ (น่าจะไม่เกิน ๕ นาทีนะ) วิ่งกลับไป กล้องก็หายไปแล้ว โชคดีที่มีคนแถวนั้นบอกว่า เห็นนักท่องเที่ยวคนนึงเอากล้องเราส่งให้ จนท. ไป เราถาม จนท. แถวนั้น ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง จนท. เลยบอกให้เราไปที่ Lost & Found Center พอเราวิ่งไป กล้องก็ยังไม่มาถึง (ก็คงงั้นแหละ ใครจะบ้าวิ่งเอามาให้เลยวะ) จนท. เลยให้เรากรอกแบบฟอร์มทิ้งไว้ก่อน เราเลยกลับมาดูพาเหรดด้วยจิตใจกระวนกระวายเล็กน้อย ในใจก็คิดว่า ได้ทอง ๑ สลึงจากโฮมโปร แล้วต้องเสียกล้อง Ixus 5 เนี่ยนะ ช่างไม่คุ้มกันเลย แต่โชคดีมากๆ ที่พอดูพาเหรดเสร็จ ก็มีคนฮ่องกงคนนึงเดินมาหาเราแล้วบอกว่า เป็นคนที่เอากล้องเราส่งให้ จนท. แล้วเฮียก็ช่วยพูดกับ จนท. แถวนั้นให้เรา อธิบายอยู่นานมากๆ จน จนท. พูดว่า รู้แล้วว่า จนท. คนนั้นเป็นใคร แล้วเฮียก็โทรถามให้เรา ปรากฎว่าถูกตัวจริงๆ แต่เนื่องจากเป็น Procedure จนท. จะไม่สามารถเอากล้องมาให้เราโดยตรง เราจะต้องกลับไปรับกล้อง Lost & Found Center ซึ่งก็โอ เราเลยขอบคุณคนฮ่องกงคนนั้นมากๆ เพราะถ้าเป็นเรา เราคงจำไม่ได้หรอกว่า จนท. หน้าตายังงัย แล้วก็ต้องขอบคุณ Mr. Yat ซึ่งเป็น จนท. ที่ช่วยเราหากล้องจนเจอไว้ ณ ที่นี้อีกรอบนึงด้วย

พอไปถึง Lost & Found Center ปรากฎว่า จนท. ก็ถามรายละเอียดกล้องเรานิดหน่อย และถามว่าเราถ่ายรูปครั้งสุดท้ายที่ไหน อันนี้หมูมาก เราตอบได้หมด เธอหายไปพักนึง ก็มาถามรายละเอียดกล้องเพิ่มเติมโน่นนี่อีก เราเลยถามกลับว่า มีปัญหาอะไรเหรอ เพราะก็มีรูปเราอยู่ในกล้องตั้งหลายรูป เธอเลยต้องบอกว่า กล้องเราไม่มีรูป แต่เนื่องจากไม่มีใครมาเคลมกล้องคืนอีกแล้ว เธอก็จะให้กล้องเรา แต่ขอเบอร์โทรศัพท์กับเบอร์ Passport เราไว้เผื่อว่าถ้ามีปัญหาอะไร

ตอนแรกเราก็ตกใจนึกว่าการ์ดเสีย หญิงเลยบอกให้เราลองถ่ายรูปดู ปรากฎก็ถ่ายได้ การ์ดไม่เสีย anyway ได้กล้องคืน เราก็ดีใจมากแล้ว เลยไม่ติดใจอะไร แต่หญิงบอกว่า มันน่าจะพยายามขโมยกล้องนะ แต่เราโชคดีมากที่มีการตามตัวจนเจอ มันเลยจำต้องเอากล้องมาคืน พอมาเล่าให้แจ้กับพี่เก๋ฟัง สองคนนั่นก็คิดเหมือนหญิง และยืนยันว่า เราควรจะต้อง report เรื่องนี้กับทาง Disney เราเลยพูดขำๆ ว่า งั้นหนิงก็ต้องเขียนจดหมาย ๔ หน้ากระดาษ เหมือนลูกค้าหญิงแล้วดิ แต่ทุกคนไม่ขำ พี่เก๋บอกว่า ถ้านักท่องเที่ยวเอาไป อันนี้พอเข้าใจ แต่พนักงานเอาไป มันรับไม่ได้อ่ะ เราเลยต้องรับปากว่า จะเขียนจดหมายมาให้ Disney แน่นอน (นี่เป็นสาเหตุที่เรามีรูปจากการไปเที่ยวฮ่องกงคราวนี้น้อยมาก หวังว่าส่วนจะกู้ไฟล์รูปให้ได้นะเนี่ย..) หญิงบ่นว่า เสียดายมาก เพราะอุตส่าห์คิวถ่ายรูปกับ Micky ตั้งนาน เรานึกๆ ดูก็บอกว่า ไปสั่งอัดกับ Disney ก็แล้วกัน ใช้ตังค์แก้ปัญหาเอา เพราะ จนท. เขาให้เลขที่บัตรมาด้วย แต่พอไปถึงก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะคิวยาวมากกกกกก… เป็นอันแห้วรูป Micky ที่อุตส่าห์คิวถ่ายรูปร่วม ชม. ไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ

พอดูพลุอันตระการตาเสร็จตอน ๑ ทุ่มครึ่ง เราก็เดินหาแจ้อีกรอบ กะว่าถ้าไม่เจอ ก็จะกลับโรงแรมก่อนละ ปรากฎว่าเจอแจ้กำลังช้อปอยู่พอดี เลยต้องรอเธอช้อปอีกพักนึง พอจะกลับก็เดินผ่านคนขายลูกโป่ง ฟ้าก็บอกว่าจะเอา แต่พอถามราคาแล้ว ทุกคนก็อึ้งไป ก็อันละตั้ง ๑๐๐ เหรียญเชียวนะ ขอย้ำ "เหรียญ" นะ ไม่ใช่ "บาท" เลยต้องพูดปลอบใจกันพักนึง พอหญิงซึ่งเดินตามมาเป็นคนสุดท้ายมาถึง ฟ้าก็ปรี่เข้าไปจับมือหญิงพามาที่คนขายลูกโป่งทันที พอหญิงรู้ราคาก็เป็นอีกคนที่บอกว่าอย่าซื้อเลย เท่านั้นแหละ ฟ้าก็สะบัดมือจากหญิงไปทันที หญิงมาแอบเม้าท์กับเราทีหลังว่า ตกใจเลยที่จู่ๆ ฟ้าเดินมาจับมือ เพราะปกติแค่จะจับมือคุณเธอเดินข้ามถนน เธอยังไม่ยอมเลย เราเลยบอกใช่ ฟ้ามันจะเป็นแบบนี้แหละ เธอมักจะอยู่ในโหมดไม่สนใจใครทั้งสิ้นยกเว้นคุณแม่เธอเท่านั้น ถ้าเธอเดินมาคลอเคลียด้วยละก้อ ขอให้สันนิษฐานได้ว่า จะต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน (อันนี้มาเล่าให้ปุ๊กฟังทีหลัง เราแถมว่า "ชั้นละกลัวว่า อีกหน่อยมันโตแล้ว มันจะหลอกใช้ผู้ชาย ยิ่งหน้าตาดีๆ อยู่ซะด้วย" ปุ๊กบอกว่า "ดีแล้ว ฟ้าจะได้แก้แค้นให้พวกเรา" -_-")

No comments: