Friday, December 22, 2006

ปาย

คนขับรถมารับเราที่บ้านไผก่อน แต่มาช้า อ้างว่าหาบ้านไม่เจอ เพราะคนบอกทาง (ไผ-ผู้เป็นเจ้าของบ้าน) บอกว่า "เข้ามา ๔๐๐ เมตร แต่นี่เข้ามาหน้อยเดียวเอง" หญิง(แฟนไผ)เถียงว่า "อย่ามั่วนะ เพราะระยะทางนี้วัดโดยวิศวกรโยธาเชียวนะ" นั่น… เอาเข้าไป เราเลยต้องรีบขึ้นรถ ดีที่เครื่องดีเลย์ เลยกลายเป็นต้องมารอที่สนามบินอยู่พักนึงกว่าชาวคณะจากกรุงเทพฯ จะมาถึง แล้วเลยถือโอกาสจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตที่ไปรษณีย์เลย แต่ รปภ. ไม่ยอมให้เข้า ทั้งๆ ที่ไปรษณีย์อยู่ติดกับประตูเข้า บอกให้เราไปเข้าประตูซึ่งต้องรอคิว Scan ยาวเหยียด เราเลยบอกให้คุณ รปภ. ช่วยไปจ่ายให้เราหน่อย ปรากฎว่า เฮียยอม!

ทัวร์ก็เริ่มจากการกินข้าวเที่ยงที่ร้านข้าวซอยฟ้าฮ่ามก่อน แล้วก็แวะซื้อของกินที่ตลาดเอาไว้เป็นเสบียง แล้วถึงเริ่มล้อหมุนจากเชียงใหม่ ประมาณบ่ายแก่ๆ ก็ถึงปาย พอเช็คอินเสร็จ ก็โซ้ยไส้อั่วที่ซื้อมา ก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวในเมืองปาย คราวนี้เรา, หญิง กับหมูต้องแชร์ห้องกัน แต่ห้องที่รีสอร์ทอันนี้มันเล็กมากเลย คนที่ ๓ ต้องนอนที่ปลายเท้า แถมยังต้องปูฟูกที่พื้นอีกต่างหาก แถมยังต้องหาที่วางกระเป๋ากันใหม่ เราเลยบอกให้เขาเก็บฟูกไป แล้วให้หมูนอนเบียดกับเราแทน ส่วนห้องน้ำกว้างสุดๆ น่าจะแบ่งพื้นที่ให้ส่วนห้องนอนได้อีกตั้งเยอะ เลยให้สงสัยว่าต้องทำ layout ห้องนี่เจ้าของทำกันเองรึงัยนะ

ที่แรกที่แวะ คือ วัดพระธาตุปาย (แก่แล้ว เน้นทัวร์กินกับทัวร์วัด) ซึ่งรถขึ้นถึง แม่เลยขึ้นไปเที่ยวกับพวกเราได้ และแม่ก็เตรียมทองคำเปลวมาแจกพวกเราอีกตามเคย คราวนี้เรามีโลชั่นขวดเล็กๆ มาด้วย (รู้สึกว่าแก่แล้ว มือแห้งง่ายมาก) เลยได้เอามาทาตอนติดทองพระด้วย (ความรู้นี้ได้มาจาก อ.พิชัย ที่เราติดตามแกตั้งศาลพระภูมิมาหลายที่) แถมตอนก่อนกลับพระที่วัดยังสวดอวยพรให้ แถมยังให้พระองค์เล็กๆ กับสายสินจ์ข้อมือพวกเราอีกด้วย แล้วก็ไปวัดกองมู (มั๊ง) เพราะเราเห็นในทีวีว่า มีพระที่มีน้ำซึมออกมาจากเศียรพระ (เศียรพระกลวง แล้วมีน้ำขังอยู่ข้างใน) หลวงพ่อจะตักน้ำออกมานิดหน่อย (ซึ่งน้ำจะซึมออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่หมดซะที ซึ่งก็แปลก เพราะถ้าองค์พระชื้นมากๆ น้ำก็น่าจะมีวันหมดนะ แต่นี่เหมือนอัตราความชื้นที่ซึมเข้าไปเท่ากับอัตราน้ำที่ไหลซึมออกมา) แล้วผสมทำน้ำมนต์แจก โดยทางวัดมีขวดพลาสติกใบเล็กๆ ไว้ให้เสร็จสับ และทางวัดก็มีเจดีย์ของพระสุพรรณกัลยาด้วย เลยไหว้ขอพรอีกรอบ

แล้วก็เข้าเมือง มีรีสอร์ทน่ารักหลายอัน และก็มีหลายอันที่คาดว่าจะเป็นแบบคืนละ ๓๕๐ บาท ที่ไผจะมานอน ซึ่งหญิงโสดรายได้ดีอย่างเรารับไม่ได้ (รีสอร์ที่เรานอนคืนละ ๒,๐๐๐ บาท) แล้วเลยเดินเล่นกันก่อนกินข้าวเย็น มีร้านน่ารักๆ อยู่พอสมควร เดินเล่น-ถ่ายรูปอยู่พักนึง เราก็เจอ "ตู้ไปรษรีย์" เลยรีบซื้อโปสการ์ดแล้วเรียกคนอื่นๆ มาช่วยกันเขียนโปสการ์ดให้ "เก๋" กันใหญ่ ; p เขียนเสร็จปุ๊ป ก็ส่งเลยทันที ส่วนของนิจก็เขียนให้กันตามปกติ ; p กินข้าวเสร็จ กลับมาที่รีสอร์ท ปรากฎว่าไฟดับ เลยเราถือโอกาสไม่อาบน้ำ พุ่งขึ้นไปนอนทันที เพราะอากาศหนาวสุดๆ เทอร์โมมิเตอร์ในห้องบอกว่าอากาศอยู่ที่ ๑๒ องศา แต่เราบ่นใหญ่ว่า มันต้องหนาวกว่านั้น เพราะเรารู้สึกหนาวมากๆ หนาวกว่าที่ฮ่องกงตั้งเยอะ แต่ยังดีที่ผ้าห่มดีมากๆ ห่มแล้วอุ่นสุดๆ เลยค่อยยังชั่วหน่อย

No comments: