Saturday, December 23, 2006

ห้วยน้ำดัง




กินข้าวเช้า ๙ โมงเช้า ที่อุณหภูมิ ๙ องศา ปุ๊กกลัวไม่สะใจ เลยเลือกนั่งแบบ outdoor ให้น้ำค้างลงให้มันเย็นหัวเข้าไปอีก แล้วก็ Check out ก่อนออกจากปาย ก็แวะไปถ่ายรูปที่ Belle Villa Resort ซึ่งจัดเป็นรีสอร์ทชั้นแนวหน้าของที่นั่น ราคาใกล้เคียงกับที่เราพัก แต่ไม่ติดแม่น้ำปาย (แม่น้ำปายสีคล้ายกับ "น้ำคาน" เลย เพียงแต่เล็กกว่าเท่านั้นเอง เราคิดว่าถ้าเล่นล่องห่วงยางอย่างน้ำคานก็น่าจะสนุกนะ แถมพนักงานที่รีสอร์ทชวนให้มาพักอีกตอนช่วงสงกรานต์ บอกว่าให้มาเล่นสงกรานต์โดยเอาน้ำในแม่น้ำปายมาสาด เธอบอกว่า "ม่วนขนาดเจ้า" อืม น่าสนใจแฮะ แต่เราอยากมาตอนหน้าหนาวมากกว่า มาอยู่ซัก ๓ วัน ไม่ไปไหนเลย น่าจะเวิร์คกว่า) ถ่ายรูปเสร็จ ก็แถมใช้บริการห้องน้ำด้วย เพราะหมูบอกว่า ห้องน้ำน่ารักมาก เออ… ก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ ส่วนปุ๊กกับหญิงไปแอบดูห้องของ Belle ด้วย หญิงบอกว่า Layout ก็เหมือนของที่เราพักนั่นแหละ คือ ในห้องแคบๆ แต่ห้องน้ำใหญ่ อ้าว! ที่แท้มันเป็น Typical Layout หรือนี่

แล้วก็ไป "ปางมะผ้า" กัน (ตอนแรกเราบอกให้แวะ Pai Canyon ก่อน แต่ปุ๊กบอกว่า ทางเข้าโหด เลยต้องข้ามไป ไม่เป็นไร มันคงไม่ได้อลังฯ เหมือน Grand Canyon หรอก) ก่อนถึงปางมะผ้า จะเป็นจุดชมวิวหนึ่งในหลายๆ จุดของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ก็แวะถ่ายรูปกัน แม่กับป้าน้อยช้อปกันใหญ่ ได้ผ้าพันคลุมไหล่มา ๒-๓ ผืน ลายสวยที่เดียว ส่วนเราได้หมวกผ้าสักหลาดสีแดงลายกวางน้อยใบละ ๕๐ บาท มา ๑ ใบ (ถูกดี ซื้อมาใส่เล่นรับเทศกาลดีกว่า) ส่วนปุ๊กจะซื้อกางเกงพื้นเมือง แต่ต่อแม้วอยู่เป็นนาน แม้วก็ไม่ยอม เลยอดไป พอไปถึง "ปางมะผ้า" เราก็ผิดหวังหน่อยๆ เพราะปุ๊กบอกว่า เป็นที่จิบกาแฟ-ชมวิว ลงใน "พันทิป" เชียวนะ แต่พอไปถึง มันไม่มีวิวให้ชมอ่ะ เพราะมันติดถนน และถ้าจะชมวิว ก็มีลำธารเล็กๆ อยู่ด้านหลังร้าน แหม… อุตส่งห์นั่งรถอ้อมมาตั้งไกล ไอ้เราก็วาดฝันว่า มันจะวิวเหมือนร้านกาแฟตามดอยต่างๆ อ่ะ -_-“

กินกาแฟเสร็จ ก็นั่งรถกลับมากินข้างเที่ยงที่ "หมู่บ้านสันติชล" ซึ่งเป็นชุมชนคนจีนยูนาน คนในร้านเยอะมาก เพราะเป็นช่วงเทศกาล เรากับปุ๊กก็สั่งกันอย่างเมามัน ที่ขาดไม่ได้ คือ "ขาหมูยูนาน" รายการนี้สั่งกันถึง ๒ ขา (คณะเรามี ๘ คน รวมคนขับรถตู้) กินไปแป๊ปนึง พนักงานก็เอาปลานึ่งมาให้ เราก็งงๆ ว่าไม่ได้สั่ง เพราะจำได้ว่า ตอนแรกเธอบอกว่าไม่มี เราเลยเปลี่ยนไปสั่งอย่างอื่น แต่เนื่องจากอาหารบนโต๊ะดูจะไม่พอ ปุ๊กเลยว่า "เอาก็ได้" เธอกลับบอกว่า "เอาก็ได้ ไม่ได้นะ เพราะจดไปแล้ว" ทำเอาพวกเรามึนกันทั้งโต๊ะ แต่ความที่หน้าตาเธอดุดันมาก คงจะเหนื่อย-หงุดหงิดที่คนเยอะมาก เรากลัวว่าเธอจะฉุนจนเอาปลาคว่ำลงมาบนหัวเรา เลยต้องรีบคว้าจานปลานึ่งมาวางบนโต๊ะ และความที่เราอยู่ใน Holiday Mood กัน เลยเอามาเล่นมุกขำๆ กันในโต๊ะอาหารแทน กินข้าวเสร็จก็ชมร้านของชาวหมู่บ้านกันหน่อย เราซื้อชาฝากป๊ากับหมะ แล้วก็ลองชิม "บ้วยความรัก" เอาฤกษ์-เอาชัยซะหน่อย แล้วเลยเห็นว่าที่หมู่บ้านมี "ชิงช้า" ให้เล่น หน้าตาเหมือนที่เราเห็นในทีวีเมื่อวันก่อน เราดูแล้วหวาดเสียว เลยไม่กล้าเล่น แต่หมูกล้า! เลยให้เด็กๆ แถวนั้นช่วยกันยกชิงช้า แต่ก็ไม่ครบรอบ ได้แค่ครึ่งรอบ ซึ่งหมูบอกว่าก็โอแล้วล่ะ เพราะก็หวาดเสียวใช้ได้แล้ว

แล้วก็ไปโป่งน้ำร้อนกันต่อ คราวนี้พวกเรามีประสบการณ์ "ต้มไข่" มาแล้ว เลยจับไข่มาลองเขย่าๆ ดูก่อน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่ต้ม แค่ไปนั่งแช่ๆ ก็พอ แต่สาวๆ อยากเดินให้สูงขึ้นไปอีก เพราะยิ่งสูง (เดินลึกเข้าไป) จะยิ่งร้อน พอไปเดินไปถึงบ่อสุดท้ายที่อณุหภูมิ ๘๐ องศา มีป้ายเขียนว่า "ห้ามต้มไข่" คุณหญิงเธอเลยปีนข้ามรั้วไปถ่ายรูป แล้วบอกว่า "ห้ามต้มไข่ แต่ไม่ได้ห้ามข้ามรั้วมาถ่ายรูปนิ" เออ… มีงี้ด้วย พอขาลงก็มีเด็กผู้ชายสักอายุ ๒๐ ร้องโวยวาย จับได้ความว่า โดนน้ำร้อนลวก ต้องรีบเอาไปส่ง รพ. ผู้สื่อข่าวหญิงบอกว่า เห็นหนังหลุดเป็นแผ่นๆ เลย สงสัยเล่นกัน เลยพลาด แล้วเลยหนาวๆ ที่ตัวเองอุตริข้ามรั้วไปถ่ายรูปพอเข้าอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ก็แวะจุดถ่ายรูปอีกจุดนึง ก่อนเข้าที่พัก แล้วทหารก็บอกว่า จุดบ้านพักเรากางเต๊นท์ไม่ได้ ถ้าจะกาง ต้องไปกางที่ลานกางเต๊นท์ข้างล่าง แต่เรากับหมูกะจะกางตรงบ้านพักนั่นแหละ พอกินข้าวเสร็จเกือบ ๒ ทุ่ม (รสชาดโคตรจะธรรมดาเลย ถ้าใครเรื่องมากหน่อย คงต้องใช้คำว่า "ไม่อร่อย") เราก็รีบไปกางเต๊นท์กับหมูก่อน เพราะมันมืดมาก พอเปิดเต๊นท์ออกมา ปรากฎว่าเต๊นท์เหม็นอับมากจนเราบ่นว่าเหม็นกลิ่นอะไรวะ หมูยังมุขกลับ "กลิ่นผู้ชายงัย" เออ… เอากับมัน กว่าเรา ๒ คน จะเดาออกว่าต้องกางยังงัย ทุกคนก็กลับมาที่บ้านแล้ว พี่จอม, ปุ๊ก กับ หญิง เลยออกไปช่วยเรากับหมูกางเต๊นท์ ปรากฎว่า ดินแข็งมาก ตอกสมอไม่ได้เลย (ไม่มีฆ้อน เลยใช้รองเท้าตีเอา) หมูพยายามมากที่จะกางเต๊นท์โดยการไปดูงานที่บ้านข้างๆ และโทรถามเพื่อน แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ หญิงเม้าท์ว่า "นี่มันอารมณ์เก๋ส่งโปสการ์ชัดๆ" เราเลยต้องอ้างสิ่งศักดิ์ (ใกล้ๆ มีศาลเพียงตาเล็กๆ อยู่) ว่า ท่านคงไม่อยากให้เรากางอ่ะ และดูเหมือนหมูจะพยายามทุกทางแล้ว เลยเป็นอันยุติ Mission กางเต๊นท์ เราบอกว่า คราวหน้าไปซ้อมกลางที่บ้านไผก่อนก็แล้วกัน คืนนั้นเลยนอนในบ้านกันทุกคน แต่ความที่มี ๒ เตียง ปุ๊ก, หญิง กับเรา เลยนอนถุงนอนที่พื้นกระเบื้องซึ่งเย็นสุดๆ แอร์ก็ไม่ตัดเลย สรุปว่านอนแอร์หรือไม่แอร์ไม่ต่างกัน เรางี้นอนจนปวดหลังไปหมด

3 comments:

Anonymous said...

หมูเล่นชิงช้าแล้วเท้าไปกระแทกพื้นด้วย เพราะเท้าหมูยาวเกิน ก็ชิงช้าเค้าทำให้เด็กๆเล่นนี่

จะเอารูปเต๊นท์ล้มทับหัวมา post มั้ยอ่ะ ชั่นมี

me! said...

แล้วก็ลองชิม "บ้วยความรัก" เอาฤกษ์-เอาชัยซะหน่อย <<<< โอ้ววว ชื่อก็ไม่เป็นมงคลแล้ว ชิมไปได้ไงอ่ะพี่

Anonymous said...

หนอย >;(