Monday, December 25, 2006

งานราชพฤกษ์





เรา, หญิง และหมูนัดกันใส่เสื้อสีเหลืองเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงาน ซึ่งขาไปงานก็สะดวกมาก เพราะมีรถจากการบินไทยมารับไปงานราชพฤกษ์ หลังจากประเดิมซื้อของกันที่หน้างานแล้ว (เราได้ Magnet มา ๒ อัน) และคิวนั่งรถเวียนแล้ว คณะเราก็แบ่งเป็น ๒ คณะ เพราะสาวๆ อยากดูสวนอินเตอร์ฯ ก่อน ในขณะที่ป้าน้อย, แม่ กับพี่จอม บอกว่า เดินไกล จะดูอะไรใกล้ๆ นี่แหละ เอาไว้เจอกันอีกทีตอนกินข้าวเที่ยงละกัน พวกเราก็ไล่ถ่ายรูปกันอย่างเมามัน และแน่นอนเราต้องพุ่งไปที่ "สวนภูฏาน" แต่ที่เราชอบมากๆ อีกอันก็คือ สวนเบลเยี่ยม เราว่าสร้างสรรค์ดี เพราะเขาทำเป็นรูปกรวยมีต้นไม้จริงและปลอมปนกัน low maintenance อีกตะหาก ส่วนสวนฮอลแลนด์ เป็นไปตามคาด คือ ดอกทิวลิปเหี่ยวหมดแล้วเหลือแต่แพงพวย ปุ๊กพูดแกมประชดว่างัยก็ต้องถ่ายรูปให้รูปป้ายกังหันลมกับดอกทิวลิบให้ได้ แต่ขอชื่นชมหอคำหลวงว่าสวยมากๆ และสวยในทุกมุม พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ อากาศก็เริ่มร้อน และ ๔ ป้าก็เริ่มหนื่อย บังเอิญมีเรือนไทยให้บริการนวดอยู่ ปุ๊กเลยพุ่งเข้าไปนวด แล้วเลยบอกให้เรา "ดูดวง" ระหว่างรอ หมูกับหญิงเลยตกลงจะดูด้วย หญิงบอกให้เราดูก่อนเพื่อเป็นการเช็คว่า หมอแม่นจริงรึป่าว เราเลยถามว่า "ถ้าหมอบอกว่าชั้นได้แต่งงานล่ะ เธอจะดูต่อไม๊" หญิงตอบว่า "ไม่" อ้าว! ที่ไหนได้ ปุ๊กนวดเสร็จแล้ว เราก็ยังไม่ได้ดูหมอ แต่เนื่องจากใกล้ถึงคิวแล้ว เลยตกลงรอต่อไปอย่างอดทนหลังจากที่รอมาร่วม ๒ ชม. คุยกันจนน้ำลายบูด หมูก็ไปให้เขาทำพิธีผูกข้อมือบายศรีจนเสร็จ กลับมาเขียนโปสการ์ดรอต่อ ก็ยังไม่ได้ดู

รออยู่เกือบ ๓ ชม. ถึงจะถึงตาเราได้ดูหมอ คำถามแรกเราถามเรื่องงานก่อน พ่อหมอบอกว่า เราทำงานที่กรุงเทพฯ ดีกว่า ภูเก็ตก็ได้ แต่ไม่ใช่ยะลา เราต้องอยู่สูงๆ กว่าบ้านเกิด เราเลยถามว่า หาดใหญ่ดีไม๊ (ไม่กล้าถามเจาะจงเป็นปัตตานี เพราะรู้สึกว่ามัน specific ไปหน่อย ; p) แกก็ตอกบว่า ดีกว่ายะลา อันนี้ปุ๊กมาบอกทีหลังว่า แน่นอนล่ะ ก็ตอนนี้ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มันออกจะแย่นิ ใครก็ต้องตอบแบบนี้ แถมพ่อหมอบอกว่า เราเหมาะเป็นลูกจ้าง ไม่เหมาะทำกิจการของตังเอง ถ้าหุ้น จะโดนหุ้นส่วนโกงจนหมดตัว ฮ้า… ส่วนเรื่องความรัก พ่อหมอบอกว่า เนื้อคู่เราควรเป็นคนต่างชาติ อายุมากกว่าเรา ๑ รอบ เราเลยอุทานว่า งั้นเขาก็ต้องแก่มากเลยซิคะ แกก็ปลอบใจว่า ถือว่าไม่แก่หรอก เราเลยคิดว่า งั้นเนื้อคู่เราคงจะเป็นใครไปไม่ได้แล้วนอกจาก "ลุงเอิร์ด" ซึ่งเป็น MD เพราะบรรดาฝรั่ง Director คนอื่นๆ ดูยังงัยก็ห่างเราไม่เกินรอบนึง อ้าว งั้นพี่ Anthony ก็ไม่ใช่อะดิ เราเลยถามต่อว่า "งั้นคนที่คบกันอยู่ก็ไม่ใช่ซิคะ" แกบอกว่า ถ้าเราแต่งกับคนนี้ เราจะน้ำตาตกไป ๑๐ ปี แถมตกทุกวันด้วย ฮ้า… หญิงฟังคำทำนายเราเสร็จ เลยเปลี่ยนใจไม่ดูหมอแล้ว (เป็นงั้นไป นี่ขนาดหมอบอกว่าเกี๊ยกไม่ใช่คู่เรานะ สงสัยหญิงจะคิดว่าหมอดูแม่น -_-") แต่หมูยังยืนยันดูเหมือนเดิม ดวงเนื้อคู่ของหมูคล้ายเรา คือ ควรเป็นคนต่างชาติ อายุห่างกันมากๆ หมูถามว่า งั้นไม่แต่งดีกว่าไม๊ พ่อหมอบอกว่า "ดวงอยู่คนเดียวดีกว่าแต่งงาน แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้" ฮ้า… เห็นทีป้าๆ จะได้กินโต๊ะจีนงานแต่งหมูในอีก ๒-๓ ปี ข้างหน้าเป็นแน่

หลังจากนั่งอู้ไป ๓ ชม. ทีนี้ป้าๆ ก็ออกตระเวณถ่ายรูปกันต่อ คราวนี้เป็นส่วนสวนองค์กร ขอชมว่า รูปปั้นช้างของ ธ. กสิกรสวยมาก แล้วไปรอดูการแสดงม่านน้ำตอน ๑ ทุ่ม ซึ่งคนมารอดูเยอะมากๆ แต่ก็แสดงได้งั้นๆ รู้สึกว่าภาพกับหัวข้อจะไม่ค่อย match แถมได้มุมไม่ดีเท่าไร ดูอยู่ได้พักนึง ก็เลิกดู ส่วนเราอยากดูพาเหรดต่อตอนทุ่มครึ่ง ก็ไม่ได้ดู เพราะขากลับพวกเรายกรถของการบินไทยให้แม่ๆ ไป แล้วต้องนั่งสองแถวกลับเอง ปุ๊กกลัวว่าอาจจะรอนาน เพราะคนเลิกพร้อมกันหมดเลย เลยตัดสินใจกลับก่อนงานเลิก ขากลับผ่านซุ้มไปรษณีย์เลยได้ส่งโปสการ์ดกันอีกรอบ ขากลับถกเถียงกันว่าจะกินข้าวเย็นที่ไหน เพราะถ้าไปกินข้าวต้มอีก จะกลับลำบาก เพราะแถวนั้นหารถยาก ปุ๊กเสนอให้กิน MK ที่มอลล์ใกล้ๆ เราเลยขอเปลี่ยนเป็นกินข้าวที่โรงแรมดีกว่า อย่างน้อยพ่อครัวก็คงเป็นคนเหนือละวะ

เราพยายามโทรหาเฮียอ๊อดอีกรอบกะจะให้มารับเราที่โรงแรม แต่โทรหาไม่ได้ สงสัยว่าพรุ่งนี้เราจะไม่ได้ไปดูงานเค้กไอติมเป็นแน่ แต่เอาเถอะพอสำหรับวันนี้แล้ว เหนื่อย! นอนดีกว่า…

No comments: