Monday, February 25, 2008

โมโห

พอเครื่องลงเราก็ไม่รีบร้อน เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เราคงคิวที่ Immigration ไม่นาน ที่ไหนได้ พอเราแบกโน๊ตบุ๊คหนักโคตรของเรามาถึง Immigration ซึ่งมีคิวยาวมากๆ เรากะแหวกฝรั่งไปช่องคนไทย ก็มี จนท. มาบอกว่า ให้เดินไป Immigration ถัดไป เราก็เดินไปจนถึงช่องนั้น ก็มี จนท. เดินมาบอกว่า "ปิดค่ะ ตรงนี้เฉพาะลูกเรือ ให้เดินกลับไปที่เดิม" คราวนี้ป้าปรี๊ดเลย ทำงี้ได้งัยวะ ไม่ยอมโว๊ย เราเลยตะโกนคุยกับคุณเธอ (ที่ต้องตะโกนเพราะเธอยืนอยู่หลังเส้นไม่ยอมออกมา) คราวนี้ฝรั่งที่เดินตามมายืนงงกันหมด แล้วก็เริ่มบ่นๆ กว่าเราจะพูดกับคุณเธอให้เข้าใจ และให้เธอลุกจากโต๊ะไปจัดการเรื่องนี้ ก็มีคนก็มาคิวเต็มไปหมด เพราะฟังไม่รู้เรื่องและคิดว่า Immigration จะเปิดทำการในไม่ช้า (ให้ตายเหอะ โทรศัพท์ภายในก็ไม่มี Walky-Talky ก็ไม่มี สุวรรณภูมิของอิชั้นช่างทันสมัยจริงๆ) แล้วเลยต้องรอกันอีกพักนึง ถึงมี จนท. มาบอกว่า ให้เดินไป Immigration อันถัดไปอีก โห… คราวนี้บางคนก็เดินกลับ แต่เราว่าก็ไหนๆ ล่ะ เลยเดินต่อไป มันคงไม่เจอสภาพเดิมอีกหรอก

พอไปถีง Immigration ก็เปิดทำการเป็น ๑๐ ช่อง ใช้เวลา ๒ นาทีก็เสร็จ (หลังจากเคลียร์กับ จนท. คนตะกี้ไปว่า ๑๐ นาที) พอผ่านมาได้ เราถึงเห็นว่า เราอยู่ต้องสายพานที่ ๒๐ และนึกในใจว่า ดูซิว่า กระเป๋ากรูจะอยู่สายพานที่ ๑ ไม๊ ปรากฎว่าเราได้สายพาน ๗ แต่พอเดินไปถึง ก็เห็นว่ามันสุดทางแล้ว เลยคิดว่าสายพาน ๑-๖ คงเป็นของในประเทศวะ และถึงเห็นอีกว่า สายพาน ๗ นี่มันอยู่ตรงกับ Immigration อันแรกเลย โฮ… ไม่พลาดเลยจริงๆ…

เราไปทำงานแบบง่วงๆ เพราะไม่ได้นอนมากว่า ๒๔ ชม. แล้ว ดีที่เขาเลื่อนประชุมตอนบ่ายไปเป็นวันอื่น ไม่งั้นเราตายแน่ พี่ณัฐบอกว่า เจ็ทแลค เราว่าไม่ใช่นะ พอเลิกงาน ๖ โมง เราก็กลับบ้าน หลับเอาเป็นเอาตายทันที…

1 comment:

me! said...

ไม่ใช่ เจ็ทแล็กนะถูกแล้ว แต่เป็นเพราะวัยตะหาก ฮ่าๆๆ