Saturday, February 16, 2008

London - Day I




หลังจากฝ่าด่าน Immigration ที่มีคิวอันยาวเหยียดแล้ว เราก็ลุ้นๆ ว่าจะเข้าช่อง Declare รึป่าวดี สุดท้ายก็เดินเข้าช่องเขียวแบบเสี่ยงดวง (ที่ไม่ค่อยจะมี) แต่พอหันไปสบตาคุณ จนท. เราก็กลัวขึ้นมาทันที เลยทำเป็นพูดว่า เอ่อ อิชั้นไม่ค่อยแน่ใจนะคะว่า Instant Food เนี่ยต้อง Declare ด้วยไม๊ คุณ จนท. เลยให้เราเปิดกระป๋อง ตอนแรกชีจะยึดมาม่า ๓๐ ซองของเรา แต่ดันปล่อยผ่านน้ำพริกเผากับกระเทียวเจียว ก็โชคดีที่คุณหัวหน้าของชีเดินมาดู ฮีบอกเข้าประเทศได้หมด แต่ขอร้องละว่าทีหลังอย่าเอามาอีก เรารีบรับปากทันที เพราะลากกระเป๋า ๒๕ กก. บวกเป้ใส่โน๊ตบุ๊คอีก ๓ กก. ลงมาถึงสถานี Underground ก็เล่นเอาเราเหงื่อตกไปเล็กน้อย

ตอนเราซื้อ Oyster Card (ตั๋วรถใต้ดินแบบ Pre-paid) ก็ได้ยินประกาศซ่อม Underground สายที่เราจะนั่งซะด้วย แต่รายละเอียดฟังได้ไม่หมด พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็ถาม จนท. ว่าสายนี้นั่งไป Earl's Court ได้ไม๊ เพราะเรานัดกับคุณน้องที่นั่น เขาก็บอกว่า "ได้ แต่ต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานี…น่ะ" ในใจนึกว่า สถานีบ้าอะไรวะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง แต่ถามไป ๒ ครั้งแล้ว ก็ยังฟังไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เลิกถามดีกว่า เดี๋ยวเฮียจะด่าเอา แล้วเราก็มานั่งงงๆ อยู่ใน Underground เพราะจำได้ว่าคุณน้องบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยน Underground เลยนิ พอเจอน้องหน้าตาเอเชียนั่งอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนจะอยู่ลอนดอนมาพักนึงแล้ว เลยถามอีกที คราวนี้ถึงถึงบางอ้อว่า เขาซ่อม Underground กันเป็นบางสถานี ถ้าเราจะไป Earl's Court ต้องไปเปลี่ยนเป็นรถบัสที่สถานีอะไร แล้วค่อยไปเปลี่ยนเป็น Underground ที่สถานีอะไรอีกทีนึง เราฟังแล้วอึ้งไป ชิบห-ยล่ะ มันเป็นสถานีระหว่างทาง แล้วเราจะลากกระเป๋ายังงัยละเนี่ย คราวนี้ไม่มีรถเข็นแล้วด้วย น้องเขาเห็นเราทำหน้าลำบากใจ ก็เข้าใจผิดพูดปลอบใจเราว่า ไม่ยากหรอก แต่เดินตามๆ กันไปเท่านั้น เรางี้นึกในใจ ไม่ใช่เรื่องนั้นโว๊ย

พอถึงสถานีที่ต้องเปลี่ยนรถ เราก็อึ้งไปเลย เพราะมันไม่มีลิฟต์ เลยกัดฟันยกกระเป๋าหนักโคตรๆ ขึ้นไป โชคดีที่มีผู้หญิงจีนคนนึงมาช่วยยก พอขึ้นไปเห็นรถบัส และจินตานาการว่า ต้องมีการยกกระเป๋าขึ้นบันไดอีกรอบ เราเลยโทรไปหาคุณน้องให้มาเจอเราที่นี่แทน รออยู่ครึ่ง ชม. คุณน้องก็มาถึง ๒ ป้า เลยช่วยกันยกกระเป๋าขึ้น-ลงรถบัส + Underground กว่าจะถึงที่พัก เล่นเอาหมดแรง นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรมแล้ว แต่ที่ไหนได้วิบากกรรมยังไม่หมดแค่นั้น ต้องยกกระเป๋าขึ้นห้องนอนที่อยู่ชั้น ๒ ด้วย โอ๊ย เหนื่อยจนแทบไม่อยากจะไปเที่ยวแล้ว คุณน้องเลยเสนอว่า ไปเที่ยวที่มันสะดวกๆ ก่อนละกัน และมันก็บ่ายๆ แล้วด้วย เลยตัดสินใจไป Notting Hill กัน

สมัยที่เราเรียนที่อังกฤษ เราไม่เคยได้ยินชื่อตลาดนัด Notting Hill เลยนะ สงสัยมันจะฮิตจากหนังของเจ๊จู(เลีย)กับพี่ฮิวจ์ สมัยโน้นเรารู้จักแต่ Covent Garden อ่ะตลาดก็น่ารักดี และคงเป็นเพราะบรรยากาศเมืองนอกด้วยมั๊ง อะไรๆ เลยดูน่ารักไปหมด บ้านก็น่ารัก-น่าเอ็นดู ต้นไม้ก็มีฟอร์มสวยงาม (ขนาดใบโก๋รนนะเนี่ย) แถมมีข้าวผัดสเปนหน้าตาหน้ากินด้วย เรากับคุณน้องเลยซื้อมากินกัน ข้าวผัดหน้าตาดี แต่รสชาดไม่ดีเท่าหน้าตา แล้วก็กลับกัน เรางี้หลับเป็นตาย…

2 comments:

me! said...

oyster card นี่ของใหม่หรือเปล่า เพิ่งเคยได้ยิน

Notting Hill นี่ สมัยก่อนเห็นแต่เป็นสถานีอันเดอร์กราวน์ คาดว่าฮิตเพราะหนังเจ๊จูจริงๆ

ข้าวผัดสเปนมันใหญ่บึ้มจังเลยอ่ะ

me! said...

oyster card นี่ของใหม่หรือเปล่า เพิ่งเคยได้ยิน

Notting Hill นี่ สมัยก่อนเห็นแต่เป็นสถานีอันเดอร์กราวน์ คาดว่าฮิตเพราะหนังเจ๊จูจริงๆ

ข้าวผัดสเปนมันใหญ่บึ้มจังเลยอ่ะ