Sunday, February 17, 2008

London - Day II






งานนี้เราซื้อหนังสือเที่ยวลอนดอนมาด้วย เผื่อไว้วันที่คุณน้องไม่ว่างไปเดินกับเรา เราจะได้เดินเองถูก เพราะในหนังสือบอกรูทเดินไว้ด้วย วันนี้อากาศดี (แดดดี แต่หนาวโคตร) เลยไปทัวร์ถ่ายรูปกันก่อน เริ่มที่ Tower of London ที่เดี๋ยวนี้เขาสร้างที่ขายตั๋วใหม่ เป็นตึกหน้าตาเก๋ๆ คุณน้องเลยตะลุยถ่ายรูปใหญ่ หันมาอีกที เห็นเรากำลังนั่งกิน Fish & Chips อยู่ เลยขำก๊าก ถ่ายรูปเก็บไว้ จะบอกว่า เดี๋ยวนี้ Fish & Chips เขาพัฒนาแล้วนะ นอกจากเกลือกับน้ำส้มสายชู ตอนนี้มีทาทาร์ซอส กับซอสมะเขือเทศ ให้เลือกด้วย พอกินเสร็จ เราถึงเห็นว่ามีร้านขนม Paul อยู่ใกล้ๆ ซึ่งในหนังสือแนะนำว่าอร่อยมาก เป็นที่ปลาบปลื้มของ นร. กอร์ดอนเบลอ เลยปรี่เข้าไป แต่หน้าตาขนมไม่น่ากินเลยอ่ะ สู้กัลปพฤกษ์ไม่ได้เลย เลยได้แต่มุงๆ แล้วจากไป

คราวนี้มาเริ่มทัวร์อย่างจริงจัง โดยการเดินข้าม London Bridge (ได้ถ่ายรูปกับตึกทรงไข่ ซึ่งคุณน้องบอกว่าเป็นของสถาปนิกชื่อดัง แหม… ไม่เสียทีที่มาเที่ยวกับ 'tect) แล้วก็เดินเลียบแม่น้ำเทมส์มาเรื่อยๆ ซึ่งการท่องเที่ยวอังกฤษทำป้ายบอกทาง บวกที่ท่องเที่ยวระหว่างทางเป็นระยะๆ ถ่ายรูปกันมันส์มาก จนมาถึง Tate Modern Museum แต่เนื่องจากเย็นแล้ว เลยไม่เข้ากัน แล้วก็เดินข้าม Jubilee Bridge (โดยมีคุณน้องอธิบายถึงการสร้างสรรค์สะพานคนเดินอันนี้ประกอบ) ตรงดิ่งมาถึงวิหาร St. Paul

เราชอบทางเดินเลียบแม่น้ำมากเลย ติดใจมาตั้งแต่ที่เวนิสแล้ว (แต่อันไหนเป็นเลียบทะเล โรแมนติกยิ่งกว่า) อารมณ์ประมาณว่าเดินเลียบแม่น้ำ ลมพัดหน่อยๆ (แต่ในความเป็นจริง หนาวโคตร แต่ก็ยังรู้สึกดีอยู่ดีอ่ะ) วิวสวยๆ สงบๆ เดินแล้วมีความสุข (นี่ขนาดแค่เดินกับเพื่อนนะ) เราอยากให้กรุงเทพฯ มีอย่างนี้บ้างจัง ไม่ต้องยาวเป็นกิโลๆ อย่างนี้ก็ได้ แค่ ๕๐๐-๘๐๐ เมตร ก็ดีมากๆ แล้ว

แต่พอมาถึง St. Paul ก็ได้แต่ชะเง้ออยู่หน้าประตูโบสถ์ เพราะวันนี้ทางโบสถ์มีงานพิธี เขาเลยให้เราชมอยู่ด้านนอก เราเลยนึกให้เปรียบเทียบกับวาติกัน จริงอยู่ที่ St. Paul จะดูยิ่งใหญ่ แต่วาติกันอลังการณ์งานสร้างกว่าเยอะ ก็เลยยืนดูกันแป๊ปนึง ก่อนที่เราเลยชวนคุณน้องไปต่อที่ Covent Garden เพราะอ่านมาจากหนังสือว่า มีร้านขายหอยแมงภู่เจ้าอร่อยบวกเบียร์รสผลไม้ ชื่อ Belgo อยู่ เราตั้งใจจะเลี้ยงขอบคุณคุณน้องที่ให้ที่พักฟรี แต่ก่อนไปกิน ก็ต้องเดินเล่นกันก่อน มีร้าน ดร. มาตินส์อยู่ด้วย ซึ่งคุณน้องบอกว่า ดูในเวบแล้ว ทั้งลอนดอนมีร้านนี้ร้านเดียว เราเลยเข้าไปเล็งๆ ไว้ก่อน แต่แหม… ๑๐ ปีนี่ไม่ค่อยมีพัฒนาการเลยนะคะ เข้าใจแล้วค่ะว่า เป็นรองเท้าหน้าตาคลาสสิกจริงๆ แล้วก็ไปกินข้าว (หอยแมลงภู่) กัน ปรากฎว่า ก็ไม่ผิดหวัง อร่อยจริงๆ ด้วย (เครื่องแบบคนเสริฟ์เท่มาก เป็นชุดดำยาวๆ คล้ายบาทหลวง เรางี้อยากขอถ่ายรูปมาก แต่กลัวคนเสริฟ์จะเข้าใจผิด เลยได้แต่ระงับใจไว้) แล้วเราก็สั่งเบียร์มะม่วง (ตามที่หนังสื่อแนะนำ) กับเบียร์ราสเบอรี่มาลองกินกัน ความที่เราไม่ได้กินแอลกอฮอร์มานานมากกกกก จิบไป ๒-๓ ที เราก็ทีอาการมึนๆ คุณน้องเลยต้องโซ้ยเบียร์คนเดียวให้หมด เพราะกลับบ้านไปเรามีภารกิจต้องทำ Minutes ส่งอีก แต่พอถึงบ้าน เรามึนหัวมากเลย เลยขอนอนก่อน แล้วคุณน้องก็ปลุกเราตอนตี ๑ ให้ลุกมาไถนา เอ๊ย ทำงาน ให้ตายเหอะ ช่างเป็นฮอลิเดย์ที่ลำบากดีแท้ เผา Minutes เสร็จตี ๔ เท่ากับที่เมืองไทย ๑๑ โมงเช้า รีบ email ไปทันที หวังว่าพี่ณัฐคงไม่ด่านะ เพราะก็ยังเป็นจันทร์เช้าอยู่ดี เฮ้อ…

3 comments:

Anonymous said...

วิบากกรรม ชั้นอยากได้ notebook จอ 10 นิ้ว หนักน้อยกว่า 1 kg ว่ะ ไปไหนๆจะเอาไปด้วยตลอด :P

ning_nee said...

นี่โดนแกไซโคจนชั้นออร์เดย์โน๊ตบุ๊คจอ 10 นิ้วจากน้องสะใภ้ไปแล้ว กลับบ้านคราวหน้า (น่าจะ กค.) จะไปถอยโน๊ตบุ๊คใหม่แล้วเนี่ย

me! said...

Jubilee Bridge คือสะพานที่ตอม่อเป็นรูปตัว Y เหรอ น่าจะถ่ายตอนเดินบนสะพานให้ดูด้วย